เขายืนตรงที่เดิมแล้วร่ายวิชาหมัดสามท่า เสร็จแล้วก็กลับเข้าห้องไปดื่มชา เพราะสาธิตให้ดูแค่รอบเดียว ชายสิบคนตาแทบถลน ต่างก็จำกันได้คนละส่วน
แต่พอลองลงมือฝึกจริง ใครสักคนก็ตกหล่นไปนิด อีกคนก็ขาดไปหน่อย เลยต้องช่วยกันคุย ช่วยกันต่อเติม พอจะปะติดปะต่อเป็นวิชาหมัดสามท่า แล้วฝึกไปพร้อมๆ กัน
ขณะนั้น องครักษ์สามดาวหลายคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ คนที่ทำหน้าที่ดูแลงานเอ่ยถามขึ้นว่า “คนมาใหม่เป็นยังไงบ้าง?”
ทันใดนั้นมีคนเดินมารายงานว่า “หัวหน้า ชายสิบคนนั่นตอนนี้ซ้อมหมัดตามที่เขาสอนกันอย่างว่าง่ายเลย”
“ฝึกหมัด?” ชายที่ถูกเรียกว่า “หัวหน้า” หน้าเรียวยาว ตาเรียว ผิวค่อนข้างคล้ำ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วว่า “งั้นก็เท่ากับว่าพวกคนหัวแข็งสิบคนนั่นโดนมันกำราบเรียบ ไม่ธรรมดาแฮะ”
องครักษ์สามดาวอีกคนว่า “ท่านอ๋องดันรับคนเข้ามาแบบกระทันหันช่วงนี้ เราจะชะล่าใจไม่ได้ ตอนนี้ในมือท่านอ๋องมีตำแหน่ง ‘รองผู้บัญชาการ’ ว่างอยู่ ตอนนี้ค่ายองครักษ์ภายนอกดูเหมือนอยู่ในความดูแลของหัวหน้ากลุ่ม แต่ถ้ามีใครได้เป็นรองผู้บัญชาการ ค่ายองครักษ์ก็ต้องโอนไปให้เขาคุมแน่ๆ”
องครักษ์สามดาวอีกคนทำท่าไม่อยากจะเชื่อ “พี่สองหมายความว่า ท่านอ๋องจะดันไอ้หนุ่มนี่ขึ้นมาเป็นนายพวกเรา?”
คนนั้นพยักหน้า “มีโอกาสอยู่ ก็อย่างว่า พวกเราเป็นแค่องครักษ์สามดาว ตามหลักแล้ว ต้องมีแค่องครักษ์สี่ดาวเท่านั้นถึงจะได้เป็นรองผู้บัญชาการ”
ชายตาเรียวใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ ทำท่าครุ่นคิด สักพักถึงพูดว่า “ไอ้คนมาใหม่นี่ ถึงจะเป็นแค่องครักษ์หนึ่งดาว แต่ถ้ามีความดีความชอบทางทหารขึ้นมา ก็เลื่อนขั้นเป็นสี่ดาวได้ไว”
“หัวหน้า จะขึ้นสี่ดาวมันไม่ง่ายนะ ที่นี่อย่างน้อยต้องสังหารนินจาห้าดาวของญี่ปุ่นได้สักคนถึงจะมีสิทธิ์ นินจาห้าดาวพลังประมาณระดับแดนสวรรค์ลับ จะฆ่ากันได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน”
ชายตาเรียวว่า “บอกยากโว้ย! ไอ้คนมาใหม่นี่ ฉันรู้สึกอ่านมันไม่ออกจริงๆ!”
อีกด้านหนึ่ง อู๋เป่ยนั่งเงียบอยู่ชั่วโมงหนึ่ง แล้วเดินออกมาถามว่า “ฝึกกันคล่องหรือยัง?”
ทุกคนรีบพยักหน้า เอ่ยปากว่าฝึกได้แล้ว อู๋เป่ยจึงให้ลองทำทีละคน คนแรกพอปล่อยหมัดแรกออกมา อู๋เป่ยก็หัวเราะเยาะทันที “นี่คือหมัดที่แกเรียนงั้นเรอะ? ห่วยแตกเหมือนขี้!”
คนนั้นรีบว่า “ขอรับ ข้าน้อยต่อยห่วยเหมือนขี้จริงๆ ข้าน้อยจะพยายามใหม่!”
อู๋เป่ยพอใจ แล้วให้คนอื่นๆ ลองอีกหนึ่งรอบ ไล่ด่าทีละคน จากนั้นจึงว่า “เดี๋ยวฉันจะสอนให้ใหม่อีกรอบ”
รอบที่สอง เขาสอนช้าลงหน่อย และอธิบายรายละเอียดบางจุดอย่างง่ายๆ พอเป็นแนว ทำให้พวกนั้นตาสว่างกันถ้วนหน้า แต่ละคนดีใจจนยิ้มไม่หุบ
อู๋เป่ยให้พวกเขาซ้อมต่อ เขาเองก็กลับไปดื่มชา เล่นมือถือเหมือนเดิม
ครบชั่วโมงที่สอง เขาออกมาอีกครั้ง ให้ทุกคนลองทำอีกรอบ คราวนี้ท่วงท่าของทุกคนเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ทว่าก็ยังห่างจากมาตรฐานของเขาอีกไกล
อู๋เป่ยเตะคนละสองสามที ด่าเสียๆ หายๆ ไปชุดใหญ่ แล้วค่อยสาธิตรอบที่สามพร้อมอธิบาย คราวนี้ลงรายละเอียดเยอะกว่าเดิม พูดทุกจุดสำคัญให้หมด ทำเอาชายสิบคนเหมือนได้ตื่นจากฝัน
“ซ้อมต่อ! วันนี้ถ้ายังทำไม่ได้ อย่าได้หลับ!” อู๋เป่ยบ่นด่าอุบๆ แล้วกลับเข้าห้องไปอีก
ไม่กี่นาทีต่อมา ฉินจวี้เฟิงมาขอเข้าเฝ้า เขาชำเลืองดูคนในลานบ้านแวบหนึ่ง แล้วยิ้มก้าวเข้ามา “มหาปรมาจารย์! ท่านยอดเยี่ยมจริงๆ คนพวกนี้แต่ก่อนดื้อหัวแข็ง คุมยากจะตาย ดูตอนนี้สิ เชื่อฟังกันเป็นแถว”
อู๋เป่ยเคยเป็นหัวหน้าสำนักอยู่ไม่กี่วัน แต่เพราะเขาแทบไม่สนใจการงาน เมื่อไม่กี่วันก่อนเลยให้หัวหน้าสำนักคนเก่าตั้งคนใหม่ขึ้นมา ฉินจวี้เฟิงจึงเปลี่ยนมารับขานเรียกเขาว่ามหาปรมาจารย์
อู๋เป่ยว่า “มามีธุระอะไร?”
ฉินจวี้เฟิงตอบ “ท่านอ๋องเชิญท่านไปพบสักครู่”
อู๋เป่ยว่า “ดี ไปกัน” เขาเองก็รู้สึกอยู่แล้วว่าตงหวางน่าจะเรียกพบเขาอีก
ได้พบตงหวางอีกครั้ง คราวนี้ตงหวางออกจะเป็นกันเองกว่าคราวก่อน เขายิ้มแล้วว่า “อู๋เป่ย เจ้าทำได้ดีนี่ ไวขนาดนี้ยังทำให้คนใต้บังคับบัญชายอมสยบได้”
อู๋เป่ยยิ้ม “ท่านอ๋อง เรียกผมมามีเรื่องอะไรหรือ?”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เรื่องนี้ไม่มีเปิดให้อ่านฟรีประจำวันแล้วเหรอครับ *-*...
ทำไมบางตอนถึงสั้นจังครับ...
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...