ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 45

คุณหมอเก้อเขินอย่างมาก เขาวินิจฉัยตามลักษณะของชีพจรจริง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่กำมือแน่น ก้มหน้าเดินออกไป

วัยรุ่นผมเกรียนมองไปทางพวกอู๋เป่ย แล้วพูดว่า “คุณอาสี่ ผมว่าวันนี้พอแค่นี้เถอะครับ คุณปู่เหนื่อยแล้ว”

คุณชายสี่สวี่ “เค่อหมิ่น ให้หมอเทวะสองท่านนี้ตรวจดูสักหน่อยเถอะ”

วัยรุ่นผมเกรียนพยักหน้า ถาม “ท่านไหนจะตรวจก่อนครับ?”

“เปาเหล่า” คนนั้นก้าวออกมาหนึ่งก้าว กล่าว “ฉันเอง”

เขานั่งลงข้างเตียง จดจ่อกับการจับชีพจร

ผ่านไปชั่วขณะ เขาปล่อยมือออก พูดว่า “ไท่กงร่างกายอ่อนแอไฟลุกโชนจริงๆ”

เงียบไปครู่หนึ่งก็พูดต่อว่า “นอกจากนี้แล้ว ครึ่งเดือนก่อนไท่กงน่าจะได้รับลมเย็น แถมยังหกล้ม ทำให้ตกใจกลัว”

วัยรุ่นผมเกรียนตาเป็นประกาย “คุณหมอเทวะพูดตรงมากจริงๆ! ครึ่งเดือนก่อนปู่ของผมเป็นหวัดครั้งหนึ่ง ไม่กี่วันก็หาย จากนั้นก็หกล้มตอนขึ้นเขา เลยตกใจกลัว”

เปาเหล่าพยักหน้า “นี่ไงล่ะ ฉันเขียนใบสั่งยาขับไฟและปลอบขวัญให้ กินไม่กี่วันก็น่าจะหายแล้ว”

วัยรุ่นผมเกรียนดีใจ กล่าว “รบกวนด้วยครับ” จากนั้นสั่งคนนำกระดาษและพู่กันมาให้

อู๋เป่ยสังเกตอาการคนไข้ตลอดตั้งแต่เข้ามา เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้ เขาจึงกล่าวอย่างอดไม่ไหวว่า “จริงอยู่ที่คนไข้เคยตกใจกลัว และเคยเป็นหวัด แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เหตุผลหลักที่เขาล้มป่วย”

พู่กันที่เขียนใบสั่งยาของเปาเหล่าค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ เขาไม่ได้โกรธ หันกลับไปยิ้มถาม “หืม? เพื่อนตัวน้อยคนนี้มีความคิดเห็นอื่นที่เหนือชั้น?”

“ไม่กล้าพูดว่าเป็นความคิดเห็นที่เหนือชั้น ผมแค่มองปัญหาในอีกมุมหนึ่ง” อู๋เป่ยกล่าว

จินหย่งลี่เห็นอู๋เป่ยจะทำธุระตนพัง ยิ้มเย็นและกล่าว “ตัวปลอมอย่างนายยังกล้าประณามเปาเหล่าอีก กล้านักนะ!”

วัยรุ่นผมเกรียนขมวดคิ้ว เหมือนเขาจะรู้จักจินหย่งลี่ ถาม “จินหย่งลี่ คุณบอกว่าเขาเป็นตัวปลอมเหรอ?”

“ฉันรู้จักเขา เขาไม่ใช่หมอซะหน่อย!” จินหย่งลี่ตอบกลับทันที

วัยกรุ่นผมเกรียนมองไปยังคุณชายสี่สวี่ “อาสี่ ใครเป็นคนเชิญเขามาเหรอครับ?”

คุณชายสี่สวี่มีสีหน้านิ่งสงบ กล่าวเสียงเรียบ ว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ไหนๆ ก็มาแล้ว ลองฟังคุณอู๋พูดก่อนเถอะ”

ทุกคนต่างมองอู๋เป่ย อยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไร

อู๋เป่ยเดินมาที่เตียง ยื่นมือออกไปตบๆ บนเตียงโบราณนี้ กล่าว “เตียงนี้น่าจะหลายปีแล้วสินะ?”

คุณชายสี่สวี่พยักหน้า “เป็นของตกทอดจากบรรพบุรุษ ทำจากไม้จื่อถาน”

อู๋เป่ยพยักหน้า “ปัญหามันเกิดจากไม้จื่อถานนี่แหละครับ”

วัยรุ่นผมเกรียนขมวดคิ้ว “เตียงเตียงนี้ ปู่ผมนอนมาทั้งชีวิตแล้ว คุณมาบอกว่ามันมีปัญหาเหรอ?”

“เดิมทีการนอนเตียงนี้ไม่มีอะไรเสียหาย แต่สัปดาห์ก่อนไท่กงดันกินยาชนิดหนึ่งเข้าไป ซึ่งคือเห็ดหลินจือภูเขาหิมะ ฤทธิ์ยาของเห็ดหลินจือภูเขาหิมะกับกลิ่นหอมของไม้ถานนี้มันข่มกัน นานวันเข้า จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของไท่กง” อู๋เป่ยตอบ

วัยรุ่นผมเกรียนมึนงง กล่าว “ถูกต้อง ปู่ผมกินเนื้อแกะตุ๋นเห็ดหลินจือไปถ้วยหนึ่ง ตอนนั้นผมเองก็กินไปครึ่งถ้วย”

คุณชายสี่สวี่ดวงตาเป็นประกาย ถาม “คุณหมายความว่า แค่ออกห่างจากเตียงเตียงนี้ ก็จะหายดีเลยเหรอ?”

อู๋เป่ยพยักหน้า “แน่นอนครับ”

เปาเหล่าฟังแล้วทำท่าครุ่นคิด

จินหย่งลี่กลับยิ้มเยาะไม่หยุด “เหลวไหลทั้งเพ สมุนไพรข่มกันอะไร ก็แค่ทฤษฎีมั่วที่ใช้หลอกคนอื่น”

คุณชายสี่สวี่ขมวดคิ้ว เขาเริ่มรำคาญจินหย่งลี่คนนี้แล้ว “จินหย่งลี่ คุณออกไปก่อนเถอะ”

จินหย่งลี่ตกใจ เขาถลึงตาใส่อู๋เป่ย แล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไป ชายวัยกลางคนที่มาพร้อมกันกับเขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

คุณชายสี่สวี่ถามอู๋เป่ยว่า “คุณอู๋พอมีวิธีทำให้พ่อผมหายเร็วๆ ไหม?”

ระยะนี้ หมอที่บอกว่าสามารถรักษาสวี่ไท่กงได้มีเยอะมาก แต่ทุกครั้งก็พบเพียงความผิดหวัง คุณชายสี่สวี่คนนี้จึงไม่อยากรอนานเกินไป

อู๋เป่ยยิ้ม “ได้แน่นอนครับ กรุณาย้ายห้องให้ไท่กงก่อน”

คนกลุ่มหนึ่งหามสวี่ไท่กงลงจากเตียง ย้ายไปอีกห้องหนึ่งทันที

หลังจากจัดวางที่นอนเรียบร้อยแล้ว อู๋เป่ยนำเข็มทองออกมาฝังบนร่างเขา วิธีฝังเข็มแบบนี้เรียกว่าเข็มมังกรซานหยางเซิง สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรค และเพิ่มกำลังวังชาได้

เปาเหล่ามองดูอยู่ข้างๆ เห็นวิธีฝังเข็มของเขา ก็ตกใจตัวลอย ถามด้วยความตระหนกว่า “นี่ใช่เข็มมังกรซานหยางเซิงในตำนานไหม?”

อู๋เป่ยแปลกใจเล็กน้อย กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เปาเหล่าสายตาเฉียบคม ใช่ครับ มันคือเข็มมังกรซานหยางเซิง”

พูดไป ฝังเข็มไปไม่กี่เข็ม สวี่ไท่กงก็ลืมตาขึ้น ถามคนรอบตัวว่า “นี่ฉันนอนไปนานเท่าไรแล้ว?”

คุณชายสี่สวี่ดีอกดีใจ รีบเข้าไปใกล้ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อ พ่อนอนไปหลายวันแล้ว ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นหรือยังครับ?”

สวี่ไท่กงทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง วัยรุ่นผมเกรียนจึงรีบไปประคองเขา และพูด “คุณปู่ ค่อยๆ ครับ”

เมื่อประคองเขานั่งเรียบร้อย คุณชายสี่สวี่ยื่นผ้าขนหนูมา เช็ดหน้าเช็ดตาให้พ่อ

สวี่ไท่กงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากในทันที เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันฝันถึงแม่ของแกด้วย มันเป็นความฝันที่ยาวนาน”

คุณชายสี่สวี่รีบตอบกลับ “ต้องเป็นเพราะแม่คิดถึงพ่อแน่ๆ เลยมาเข้าฝัน”

สวี่ไท่กงถอนหายใจ “แม่แกเสียไปเกือบ 20 ปีแล้ว ถ้าหล่อนยังมีชีวิตอยู่ละก็” พูดถึงตรงนี้ เขาก็สะอึกสะอื้น

คนชราเป็นเหมือนเด็กน้อย อารมณ์แปรปรวนมาก คุณชายสี่สวี่ต้องรีบพูดปลอบ

ผ่านไปพักหนึ่ง สวี่ไท่กงถึงจะสงบลง

คุณชายสี่สวี่รีบเชิญพวกอู๋เป่ยออกจากห้อง ไปยังห้องรับแขกในสวนด้านนอก

“ขอบคุณมาก หมอเทวะอู๋” เขาน้อมตัวคารวะอู๋เป่ย

อู๋เป่ยรีบคารวะกลับ “ไม่หรอกครับ มันเป็นเรื่องสมควรแล้ว”

หลี่กว่างหลงยิ้มจนปากจะฉีก กล่าว “คุณชายสี่ หมอเทวะอู๋เป็นน้องผมเอง คุณไม่ต้องเกรงใจเขาหรอก ต่อไปถ้ามีปัญหาอะไร ก็เรียกใช้ได้เลย”

อู๋เป่ยพูดในใจว่านี่ผมสนิทกับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ? จึงถลึงตามองเขาอย่างห้ามไม่อยู่ คนถูกมองก็แค่ส่งยิ้มมาให้

วัยรุ่นผมเกรียนก็มองอู๋เป่ยในมุมที่ต่างออกไป กล่าว “วิชาแพทย์ของหมอเทวะอู๋ช่างน่านับถือ!”

สีหน้าของเปาเหล่ากลับมานิ่งสงบดังเดิม อู๋เป่ยให้ความเคารพเขามาก เขาคำนับเปาเหล่า “เปาเหล่า เมื่อครู่ตอนคุณเขียนใบสั่งยา ผมแค่พูดไปตามความเป็นจริง ล่วงเกินแล้ว”

“เหอะๆ” เปาเหล่ายิ้ม “คนเป็นหมอต้องมีใจเมตตา จะเรียกว่าล่วงเกินได้ยังไง? แนวคิดของนายเปิดโลกให้ฉัน ต้องขอบคุณนายด้วย”

อู๋เป่ย “เปาเหล่าแค่ไม่ทันสังเกตเตียง มิฉะนั้นคงระแคะระคายเหมือนกัน”

เปาเหล่าเห็นอู๋เป่ยไม่สนใจส่วนได้ส่วนเสีย ในใจก็เกิดชอบเขา กล่าว “เพื่อนตัวน้อยอู๋ ไว้เรานัดกินข้าวกัน ฉันจะขอคำแนะนำเรื่องเข็มมังกรซานหยางเซิงจากนายหน่อย”

อู๋เป่ยรีบตอบกลับ “ได้สิครับ ผมอยากแลกเปลี่ยนวิชาแพทย์กับเปาเหล่ามากๆ เลยครับ” จากนั้นทั้งสองคนก็แลกเบอร์โทรศัพท์กัน

ต่อมา เปาเหล่าและชายวัยกลางคนขอตัวกลับ หมอที่เหลือก็แยกย้ายกันไปแล้ว ทำให้หน้าประตูจวนสวี่เงียบสงบขึ้นมาทันที

คุณชายสี่สวี่โบกมือ พ่อบ้านก็ถือถาดเข้ามา บนถาดปูด้วยผ้าสีแดง บนผ้ามีซองจดหมายอยู่ฉบับหนึ่ง ในนั้นใส่เช็คธนาคารเอาไว้

“คุณอู๋ นี่ค่ารักษาห้าแสน โปรดรับไว้ด้วย”

หลี่กว่างหลงรีบพูดว่า “คุณชายสี่ นี่เป็นการหยามหน้าผม! ผมไม่รับเงิน”

คุณชายสี่สวี่ยิ้มรับ “กว่างหลง ค่ารักษานี้มอบให้คุณอู๋ ไม่เกี่ยวกับนาย อีกอย่าง ฉันได้ยินเรื่องของนายแล้ว เฉาวั่งพูดว่าจะฆ่านาย?”

หลี่กว่างหลงถอนหายใจ กล่าว “คุณชายสี่ ถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีหนทางแล้ว ผมไม่กล้ามารบกวนคุณหรอก”

คุณชายสี่พยักหน้า “เอาเถอะ เดี๋ยวฉันบอกเฉาวั่งให้ เรื่องนี้จะได้จบ”

หลี่กว่างหลงดีอกดีใจ คำนับพร้อมกล่าว “ขอบคุณครับคุณชายสี่!”

คุณชายสี่หันกลับไปทางอู๋เป่ย กล่าว “คุณชายอู๋มีวิชาแพทย์ขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ช่างน่าเคารพนับถือ คงต้องลำบากคุณอีกไม่น้อย”

อู๋เป่ย “ก็แค่หน้าที่ของหมอ คุณชายสี่กล่าวเกินไปแล้ว”

ออกจากตระกูลสวี่ ทั้งสองคนขึ้นรถ หลี่กว่างหลงกระดี๊กระด๊า เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไอ้น้อง วันนี้นายช่วยพี่ไว้อีกแล้ว!”

อู๋เป่ยเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าว “ที่ผมมาหาพี่ที่อำเภอเมือง ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง จำตระกูลกงที่ผมบอกได้ไหม?”

หลี่กว่างหลงหุบยิ้มทันที “ตระกูลกงมีอิทธิพลไม่น้อย แต่น้องไม่ต้องกังวล เรื่องของนายก็คือเรื่องของฉัน ถ้าตระกูลกงกล้าลงมือกับนาย ฉันนี่แหละจะเป็นคนแรกที่ไม่ยอม!”

อู๋เป่ย “ถ้าเป็นแค่เรื่องในแวดวงที่จบในแวดวง ผมก็ไม่ได้กลัว กังวลแค่ตระกูลกงทำอะไรไม่มีขอบเขต โดยลงมือกับครอบครัวผม”

คิดไปคิดมา เขาพูดว่า “ผมฝากพี่ไปบอกตระกูลกงหน่อยว่า ถ้าพวกเขากล้าล้ำเส้น ผมจะทำให้ตระกูลกงหายไปจากโลกนี้!”

น้ำเสียงของอู๋เป่ยไม่ได้ดุดัน แต่ทำเอาหลี่กว่างหลงหนาวสั่นจากก้นบึ้งหัวใจ เขารีบตอบ “น้องชาย ฉันนำคำพูดของนายไปบอกแน่! และฉันจะเตือนตระกูลกงด้วยว่า ถ้าพวกเขากล้าทำอะไรนาย ก็หมายความว่าเปิดศึกกับฉัน หลี่กว่างหลง!”

จากนั้นเขาก็ยิ้มยิงฟัน พูดต่อว่า “ไอ้น้อง ฉันเตรียมสาวๆ อึ๋มๆ ไว้ให้นายแล้ว คืนนี้ไปผ่อนคลายกันหน่อยไหม?”

“ไม่ต้องเลยพี่” อู๋เป่ยตอบกลับทันที “ผมอยู่กับน้องนะ”

หลี่กว่างหลงลูบศีรษะตนเอง “ไม่เป็นไร ฉันให้พี่สะใภ้นายดูแลน้อง ส่วนพวกเราออกไปผ่อนคลาย”

“อย่าเลย วันหลังดีกว่าครับ” อู๋เป่ยรีบตอบ

หลี่กว่างหลงพยักหน้า “ได้ แล้วแต่นาย คืนนี้ดื่มเหล้าอย่างเดียว”

ตอนกลางวัน ภรรยาของหลี่กว่างหลงปรากฏตัวพร้อมลูกชายของเขา พวกเขาอยู่ที่ร้านอาหารเก่าแก่ในอำเภอเมือง เชื้อเชิญอู๋เป่ยและอู๋เหมยมาร่วมกินข้าวด้วยกัน

ภรรยาของหลี่กว่างหลงอายุแค่สามสิบกว่า หน้าตาสวยหยาดเยิ้มดูผู้ดี ลูกของพวกเขาอายุ 11-12 ขวบ เป็นเด็กที่ซนเอามากๆ หันมองนู่นมองนี่ตลอด แถมตัวยังนั่งไม่ติดเก้าอี้

ทุกคนนั่งประจำที่ หลี่กว่างหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลูก เรียกคุณอาอู๋สิครับ”

เด็กน้อยกะพริบตาปริบ “สวัสดีครับคุณอาอู๋ ผมชื่อหลี่เซ่าหลง”

หลี่กว่างหลงหัวเราะชอบใจ “น้องชาย ไอ้เด็กนี่มันฉลาด แต่ไม่เชื่อฟังเอาซะเลย ผลการเรียนก็โคตรแย่ ได้ฉันมาเต็มๆ”

ภรรยาของหลี่กว่างหลงทำตามองบน “คุณยังมีหน้ามาพูดอีก สอบได้ที่โหล่ทุกครั้ง ฉันโมโหจะตายแล้ว”

“จริงสิ นี่พี่สะใภ้นาย ติงเวย ที่รัก นี่อู๋เป่ยน้องชายผม เขาช่วยชีวิตผมไว้ตั้งสองครั้งแน่ะ! เรื่องเฉาวั่งครั้งนี้ ก็เป็นเขานี่แหละที่ช่วยจัดการให้ผม!”

ติงเวยไม่ใช่คนธรรมดา เธอเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลติงในอำเภอเมือง ตระกูลติงเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าหรูหราอยู่สิบกว่าแบรนด์และรถหรูอีกสองสามแบรนด์ ที่หลี่กว่างหลงสามารถประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ พูดได้ว่าเพราะมีตระกูลติงคอยช่วยเหลือ

ติงเวยลุกขึ้นยืนยิ้ม “น้องอู๋เป่ย นายช่วยชีวิตเหล่าหลี่ของฉันถึงสองครั้ง พี่สะใภ้คนนี้ขอดื่มให้นายแก้วหนึ่ง”

เธอกล้าหาญมาก ดื่มเหล้าขาวหมดแก้วในครั้งเดียว

อู๋เป่ยจนปัญญา ทำได้แค่ดื่มเหล้าในแก้วให้หมดตาม กล่าว “พี่สะใภ้ไม่ต้องเกรงใจ ผมกับพี่หลงเป็นพี่น้องกัน จะช่วยเขามันก็สมควรแล้ว”

หลี่กว่างหลงหัวเราะชอบใจ “พูดได้ดี มาดื่มกันอีกแก้ว!”

ตอนนั้นเอง ติงเวยหยิบบัตรสองใบออกจากกระเป๋า ตัวบัตรทำจากทองคำขาว ใบหนึ่งเธอมอบให้อู๋เป่ย อีกใบให้อู๋เหมย “น้องชาย น้องสาว ตระกูลติงของฉันเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าหรูหรา บัตรสองใบนี้ใช้ได้ทั่วประเทศ พวกเธออยากซื้ออะไรก็รูดบัตรได้เลย ส่วนเงินให้เหล่าหลี่จ่าย”

“ฮ่าๆ” หลี่กว่างหลงหัวเราะ “ใช่แล้ว วงเงินปีละร้อยล้าน พวกเธออย่ารูดเกินละ ไม่งั้นฉันได้ล้มละลายแน่”

อู๋เหมยเมื่อได้ยินว่ามันมีค่าขนาดนี้ก็ไม่กล้ารับ ส่วนอู๋เป่ยไม่เกรงใจเขาหรอก รับบัตรมาพร้อมยิ้ม “ขอบคุณนะครับพี่สะใภ้”

เห็นอู๋เป่ยรับไว้ อู๋เหมยจึงรับตาม และขอบคุณทั้งสองคน

พูดคุยเฮฮากันไปสักพักอาหารก็มาเสิร์ฟ ยังไม่ทันจะกิน ประตูก็ถูกผลักออก ชายวัยกลางคนผมสั้น แต่งกายด้วยเสื้อถังจวงสีดำคนหนึ่ง มุ่งตรงไปนั่งตรงข้ามหลี่กว่างหลง

เมื่อเห็นเขา หลี่กว่างหลงก็มีสีหน้าเครียด เขาถามเสียงเย็น “เฉาวั่ง นายมาทำอะไร?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ