ตอนที่ 1092 ทางออก
………………..
โลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งอัศจรรย์และมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่โลกไม่รู้ นั่นทำให้มนุษย์ตาบอดและมองไม่เห็นความเป็นจริง เหมือนศิลปะการต่อสู้โบราณที่คงอยู่อาจเป็นตำนานของใครหลายๆ คนแต่มันกลับมีอยู่จริง แต่ทว่าศิลปะการต่อสู้โบราณมีเพียงอย่างเดียวหรือไม่? แน่นอนว่าไม่เพราะมนุษย์มีจิตวิญญาณที่แสวงหาทุกสิ่งและพวกเขาก็มีวิธีต่างๆ ในการดึงศักยภาพของสิ่งต่างๆ ให้ดีที่สุดและศิลปะการต่อสู้โบราณเองก็เป็นประเภทหนึ่งและการดัดแปลงพันธุกรรมของประเทศสหรัฐเองก็เป็นการดึงศักยภาพของมนุษย์ออกมา ดังนั้นมันจึงไม่มีอะไรที่จำกัดในศาสตร์เหล่านี้
การฝึกฝนในปัจจุบันของเย่เชียนถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณแต่เขาจะเป็นอันดับหนึ่งของโลกจริงๆ งั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าไม่เพราะประการแรกเขาไม่มีทางใช่พลังได้อย่างเต็มที่และประการที่สองพลังที่หลัวสุ่ยใช้ก่อนหน้านี้นั้นเหนือกว่าเย่เชียนอย่างเห็นได้ชัด
ในแง่ของประสบการณ์และการผจญภัยเย่เชียนถือได้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ส่วนศิลปะการต่อสู้โบราณจนถึงทุกวันนี้นั้นเขาได้ฝึกฝนมันเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตามหลัวสุ่ยที่อยู่ตรงหน้าเขาดูเหมือนว่าเธอจะมีพื้นฐานมากกว่าตัวเขาอย่างมาก
เย่เชียนรู้ดีถึงการกระทำของหลัวสุ่ยดังนั้นเขาจึงมีความสุขอยู่ในใจและไม่ว่าเธอจะหลอกใช้เขาเพื่อช่วยตามหาสิ่งที่เรียกว่าพระธาตุก็ตามแต่อย่างน้อยๆ ณ เวลานี้เธอก็มีความตั้งใจที่จะปกป้องเขาและนอกจากนี้เย่เชียนก็มักจะทำสิ่งต่างๆ ตามความต้องการของเธอเสมอโดยไม่รู้ตัว เมื่อเย่เชียนเห็นหลัวสุ่ยครั้งแรกเขาก็รู้สึกดีกับเธอดังนั้นต่อให้หลัวสุ่ยจะหลอกเขาแต่เย่เชียนก็ไม่ได้ใส่ใจ บางทีอาจเป็นเหมือนที่หลัวสุ่ยพูดว่าเธอแค่กลัวการอยู่คนเดียวดังนั้นเธอจึงลากเขามาด้วย ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่รู้ว่าทำไมหลัวสุ่ยถึงเลือกเขาแต่ถ้าเป็นอย่างนั้นเย่เชียนก็ยังรู้สึกดีอยู่ในใจและมีความสุข
เย่เชียนมองไปที่นิ้วก้อยของโครงกระดูกและเมื่อมองลงไปก็เห็นว่ามีแท่นหินขนาดเล็กที่ยกขึ้นอยู่ใต้โครงกระดูก แต่ทว่าก่อนหน้านี้เย่เชียนเห็นว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อหลัวสุ่ยเปิดกล่องไม้ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะกลไกแบบใดเปิดใช้งานเมื่อกดแท่นหินลง ในเวลานี้หัวใจของเย่เชียนเต้นรัวๆ และเขาก็พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และหายใจเข้าออกจากนั้นก็เอื้อมมือออกไป
ในเวลานี้เย่เชียนกดแท่นหินเบาๆ แต่กลับไม่มีการตอบสนองใดๆ จนเขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กดหนักขึ้นแต่ก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆ และไม่มีอะไรเคลื่อนไหวทั้งสิ้น เมื่อเห็นแบบนั้นเย่เชียนก็ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้จับแท่นหินแล้วดึงขึ้น
เมื่อมันเคลื่อนไหวเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความปีติยินดีและทันใดนั้นเขาก็ยกมันขึ้นจนเกิดเสียงดังและประตูหินก็ค่อยๆ เปิดออกบนกำแพงหินด้านหน้า แต่นี่ไม่ใช่ที่ที่เย่เชียนและหลัวสุ่ยเข้ามาและอาจจะเป็นทางออกอื่น
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและหันไปมองหลัวสุ่ยแล้วพูดว่า “เราออกไปได้แล้ว”
“อืม” หลัวสุ่ยพยักหน้าอย่างหนักหน่วงและพูดว่า “พี่เย่ใจดีมาก”
เย่เชียนตกตะลึงไปครู่หนึ่งเพราะเขาไม่เข้าใจว่าหลัวสุ่ยหมายถึงอะไรและมันไม่เกี่ยวว่าเขาใจดีหรือไม่เพราะทั้งหมดมันก็เพื่อตัวเขาเอง อย่างไรก็ตามเย่เชียนไม่ได้คิดมากในเรื่องนี้อีกต่อไปเพราะเขาไม่ต้องการอยู่ในถ้ำนี้อีกไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะเป็นบ้าไปก็ได้ ดังนั้นเขาจึงจับมือหลัวสุ่ยและทั้งสองก็วิ่งออกไปจากห้องโถงนี้ทันที
เมื่อผ่านประตูหินก็มีทางมืดๆ อยู่ข้างหน้าเขาและมันต่ำมากจนพวกเขาต้องก้มตัวเดิน เย่เชียนทำได้เพียงจับมือของหลัวสุ่ยเอาไว้แน่นๆ เพราะกลัวว่าเธอจะกลัว ทางหลัวสุ่ยเองก็จับมือของเย่เชียนเอาไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ฝ่ามือของเย่เชียนนั้นทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างอธิบายไม่ได้ เนื่องจากแม่ของเธอเสียชีวิตไปแล้วและพ่อของเธอก็ดูเหมือนจะมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาอยู่ตลอดเวลาจนทำให้หลัวสุ่ยเสียใจอย่างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไม่สามารถตำหนิเธอได้และนับแต่นั้นมาเธอก็ดูเหมือนนกที่ได้รับบาดเจ็บดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองจากรังที่อบอุ่นแต่สิ่งเดียวที่เธอเผชิญคือลมหนาวที่เยือกเย็นและมีเพียงเธอเท่านั้นที่กระชับปีกและสั่นสะท้านต้านลมหนาวแต่ในเวลานี้เย่เชียนเป็นผู้มอบความปลอดภัยให้กับเธออีกครั้งและมันทำให้เธอรู้สึกสงบมาก
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะมองไม่เห็นทางข้างหน้าที่มืดมิดแต่สำหรับหลัวสุ่ยก็ยังคงมองดูเงาจางๆ ตรงหน้าเธอราวกับว่านั่นเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
ถนนที่มืดมิดนี้ดูเหมือนจะยาวมากและทั้งสองก็ไม่ได้พูดจนได้ยินเสียงหัวใจของกันและกันในถ้ำที่เงียบสงบ เย่เชียนรู้สึกว่ามือของหลัวสุ่ยสั่นเล็กน้อย “ฉันอยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวนะ” ประโยคสั้นๆ ที่มีความหนักแน่นและห่วงใยนี้ไม่มีอะไรเทียบได้เลย
ไม่ว่าผู้หญิงจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่พวกเธอก็มีจุดอ่อนอยู่ในใจเสมอ ถึงแม้ว่าพลังของหลัวสุ่ยจะแข็งแกร่งกว่าของเย่เชียนในตอนนี้แต่เธอดูไร้หนทางเหมือนหญ้าภายใต้พายุที่โหมกระหน่ำ เมื่อมองดูเย่เชียนข้างหน้าแล้วหัวใจของหลัวสุ่ยก็สงบลงต่อ “อืม” หลัวสุ่ยพยักหน้าอย่างหนักหน่วง



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน