แจ็คอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียน เพราะมันค่อนข้างจะแตกต่างจากตัวตนเดิมของเย่เชียนที่เขาเคยรู้จัก เขาไม่คิดว่าคนอย่างอู่หยางเทียนหมิงจะทำให้เย่เชียนต้องเป็นกังวลใจถึงเพียงนี้ เย่เชียนเพิ่งจะโทรมาหาเขาและสั่งให้สืบเรื่องของอู่หยางเทียนหมิงเมื่อไม่นานมานี้เอง แล้วตอนนี้เขาก็โทรมาถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง
แจ็คนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในนาม คลังแสงแห่งความคิดอันดับหนึ่งของกลุ่มเขี้ยวหมาป่า เพราะฉะนั้นแจ็คเองก็รู้ได้อย่างรวดเร็วว่ามันจะต้องเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน
“ผมส่งคนออกไปสืบแล้วบอส ตอนนี้ยังไม่มีข่าวอะไรคืบหน้าเลย แต่บอสมั่นใจได้เลยว่าเราจะฝังไอ้เด็กตัวแสบนั่นก่อนพรุ่งนี้เช้าอย่างแน่นอน!” แจ็คพูดอย่างแน่วแน่และถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าบอส ?”
“ใช่… เพื่อนของฉันคนนึงหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวาน… และฉันก็มีลางสังหรณ์ว่ามันจะต้องเป็นฝีมือของอู่หยางเทียนหมิง เพราะงั้น… นายต้องรีบหาข้อมูลเกี่ยวกับอู่หยางเทียนหมิงมาให้เร็วที่สุด! ฉันกังวลว่าถ้าขืนเรายังชักช้าอยู่อย่างงี้ต่อไป อาจมีบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แน่”
แน่นอนว่าแจ็ครู้ว่าเย่เชียนมีเพื่อนและคนสนิทอยู่กี่คนในประเทศจีน เขากำลังคิดว่าอู่หยางเทียนหมิงนั้นจะโง่เขลาและคิดจะลักพาตัวคนสนิทคนหนึ่งของเย่เชียนไปจริง ๆ อย่างงั้นเหรอ ? เพราะนั่นมันเท่ากับการฆ่าตัวตายชัด ๆ
แจ็คคิดว่าเพื่อนที่เย่เชียนพูดถึงคงจะไม่ใช่ใครอื่นนอกไปเสียจากผู้หญิงของเย่เชียนเอง ถ้าหากมีการแพร่กระจายข่าวออกไปว่าคนรักของราชาหมาป่าผู้ยิ่งใหญ่ถูกลักพาตัว มันก็จะทำให้กลุ่มเขี้ยวหมาป่าต้องเสียหน้าและอับอายอย่างมาก และหากมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับจ้าวหยาขึ้นมา กลุ่มเขี้ยวหมาป่าก็จะไม่มีหน้าไปทำอะไรได้อีก ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว แจ็คก็รีบพูดว่า “โอเคครับบอส… เดี๋ยวผมจะรีบส่งคนไปตรวจสอบเพิ่มทันที เราจะพบเบาะแสของอู่หยางเทียนหมิงในไม่ช้านี้ครับ”
“ดี” พูดจบเย่เชียนก็วางสายโทรศัพท์ไป ตอนนี้สิ่งเดียวที่เย่เชียนทำได้ก็คือการรอคอย เขาได้แต่ภาวนาให้จ้าวหยายังคงปลอดภัยดีอยู่ในตอนนี้ เพราะเธอนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความบาดหมางระหว่างเขาและอู่หยางเทียนหมิง คนที่อู่หยางเทียนหมิงต้องการกำจัดจริง ๆ มันก็คือตัวของเขาเอง
จ้าวหยาเป็นหญิงสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์คนหนึ่ง เธอไม่เคยต้องพบเจอกับความลำบากหรือเรื่องที่เลวร้ายมาก่อนเลยในชีวิต เย่เชียนกังวลอยู่อย่างเดียวว่า อู่หยางเทียนหมิงอาจจะทรมานเธอเพื่อล่อให้เขาออกมา นั่นมันเป็นสิ่งที่เย่เชียนกลัวที่สุดและเขาก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นจริงเลย…
เมื่อเย่เชียนหันกลับมา เขาก็พบว่าฉินหยูยืนอยู่ข้างหลังเขาแล้ว เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะผงะถอยหลังไปด้วยความตกใจ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าฉินหยูมาอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“คุณได้ยินทั้งหมดแล้วใช่มั้ย ?” เขาถาม
การแสดงออกของฉินหยูเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีขณะที่เธอถามว่า “หึ… มันเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ สินะ… ฉันได้ยินนายพูดถึงอู่หยางเทียนหมิงเมื่อกี๊นี้ นี่มันยังไงกันน่ะ ? เขาติดคุกอยู่ไม่ใช่เหรอ ?”
เย่เชียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “คือ… ผมบังเอิญเจอกับท่านหวังปิงก่อนที่จะมามหาวิทยาลัยน่ะ… เขาบอกผมว่าอู่หยางเทียนหมิงหลบหนีออกมาจากคุกเมื่อสองสามวันก่อน แล้วผมก็มารู้จากคุณอีกว่าจ้าวหยาหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวาน… ผมก็เลยกังวลว่าเขาอาจจะลักพาตัวจ้าวหยาไปเพื่อที่พยายามจะยั่วยุและหลอกล่อผม แต่ตอนนี้มีคนกำลังสืบหาอยู่แล้วและผมน่าจะได้รับข่าวเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ ผม… ผมขอโทษนะ… ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะผมเอง… ถ้ามันไม่ใช่เพราะผมเรื่องบ้า ๆ พวกนี้มันก็จะไม่เกิดขึ้นกับจ้าวหยาหรอก”
การแสดงออกของฉินหยูเปลี่ยนไปเป็นมืดมนทันที เธอเงียบอยู่นานก่อนที่จะถามขึ้นมาอีกว่า “เย่เชียน! ไหนนายบอกกับฉันว่านายเป็นแค่บอดี้การ์ดที่พ่อของหยาเอ๋อร์จ้างมาไง แล้วอู่หยางเทียนหมิงไปมีปัญหาอะไรกับนายล่ะ ? ฉันน่ะสงสัยเกี่ยวกับตัวนายมาตลอดเลยนะว่านายน่ะเป็นใคร แล้วมีความเป็นมายังไงกันแน่ แต่ฉันก็ไม่เคยถามนายเลย… เย่เชียน! หยาเอ๋อร์เป็นน้องสาวของฉันนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหยาเอ๋อร์ล่ะก็ ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้นายไปตลอดชีวิตเลยคอยดู!”
เย่เชียนไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรดี เขาจึงได้แต่เงียบและถอนหายใจเบา ๆ ด้วยสีหน้าเศร้าใจ
แต่ทว่าฉินหยูนั้นไม่ได้แยแสเย่เชียนเลย เพราะเมื่อเธอพูดจบ เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดโทรออกทันที
“คุณ! ไปสืบหาที่อยู่ล่าสุดของอู่หยางเทียนหมิงมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ… ฉันต้องการรู้ที่อยู่ของเขาก่อนค่ำวันนี้ ถ้าทำไม่ได้ก็อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก แล้วก็ไปกระโดดแม่น้ำหวงผู่ตายซะ”
น้ำเสียงของฉินหยูเต็มไปด้วยโทสะ คำพูดของเธอฟังแล้วน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเธอพูดจบ เธอก็วางสายโทรศัพท์ไปอย่างไม่ใยดี



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน