ตอนที่ 1160 กำปั้นเหล็กไถ่โจว
………………..
เหตุผลที่เขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแข่งขันอย่างยุติธรรมและไม่มีการนองเลือดแท้จริงแล้วมันเป็นเพียงคำแนะนำทางจิตวิทยาจากเซินเจี๋ยเพราะผู้คนมักเข้าใจผิดคิดว่าหัวหน้าเขตแต่ละเขตอาจไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนแต่เซินเจี๋ยทำสิ่งนี้เพื่อเป็นการเตือนพวกเขาเพราะยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ซึ่งพูดได้แค่ว่าเซินเจี๋ยเป็นคนที่ล่อหลอกผู้คนได้เก่งมาก
อย่างไรก็ตามเซินเจี๋ยก็คิดว่าเขารู้จักผู้คนมากมายมานับไม่ถ้วนดังนั้นเขาจะไม่มีวันเข้าใจความคิดของคนผิดและเขามีความสามารถอย่างแท้จริงในการควบคุมผู้คน แต่เขาไม่ได้คาดหวังที่จะใช้วิธีนี้กับเย่เชียนเพราะเขาคิดว่าคนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นอย่างเย่เชียนจะใช้วิธีดังกล่าวได้อย่างไร? ซึ่งถ้าหากมีพรสวรรค์แบบนี้แล้วใครจะไปเดินตามหลังคนอื่นอย่างไม่ใส่ใจกัน?
ในหนึ่งสัปดาห์เซินเจี๋ยรู้สึกว่าสัปดาห์เดียวก็เพียงพอแล้วที่จะให้คนที่ไม่เห็นด้วยกับเขาต่อสู้กันเองแล้วส่งพวกนั้นไปลงนรก ส่วนงานศพของเซินเฉาหยางนั้นเป็นเพียงฉากบังหน้าเพราะหลังจากนั้นเซินเจี๋ยจะขึ้นเป็นผู้นำองค์กรเทียนเต๋าต่อหน้าต่อตาของทุกคน
ชางหมิงก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามว่า “ในยุคสมัยนี้เราเน้นกันที่ความแข็งแกร่งและใครที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือผู้นำ!..พวกแกทุกคนรอดูได้เลย” ชิงหมิงจ้องมองไปที่หวังหมิงซูแล้วพูดต่อ “ใครกล้าเล่นกับฉันล่ะก็ฉันจะเล่นกับมันจนตายไปข้าง!..อย่ามาโทษว่าฉันโหดร้ายก็แล้วกัน” เมื่อพูดจบชางหมิงก็ลุกขึ้นเดินออกไปด้วยความเย่อหยิ่ง
เซินเจี๋ยแสยะยิ้มแต่ไม่แสดงออกใดๆเขาเพียงแค่โบกมือแล้วพูดว่า “เอาล่ะการประชุมจบลงแล้ว..ขอให้ทุกคนกลับไปเตรียมตัว..ยังไงก็เถอะองค์กรเทียนเต๋าก็ถูกสร้างขึ้นโดยปู่ของผมเพราะงั้นผมหวังว่าจะได้เห็นองค์กรเทียนเต๋าที่รุ่งโรจน์และผมก็ไม่ต้องการให้ทุกคนเข่นฆ่ากันเอง..ซึ่งใครก็ตามที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำองค์กรคนต่อไปผมก็ขอให้คุณช่วยพัฒนาและสนับสนุนองค์กรของเราต่อไปด้วย!”
ทุกคนลุกขึ้นทีละคนและบางคนที่สนับสนุนเซินเจี๋ยก็ทักทายเขาด้วยความเคารพแล้วหันหลังเดินออกไป จากคำพูดของเย่เชียนแล้วหวังหมิงซูก็ไปทักทายเซินเจี๋ยด้วยความเคารพอย่างเป็นธรรมชาติโดยการสนับสนุนทัศนคติของเซินเจี๋ยอย่างแรงกล้า จากนั้นก็หันหลังแล้วจากไป
“พวกเขาไม่ใช่สิ่งที่เราต้องกลัว” เย่เชียนพูด “พวกเขาส่วนใหญ่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณในการต่อสู้ที่ประมาทเลินเล่อ..พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของนายน้อยเซินได้เลย..ถ้าฉันเดาไม่ผิดนายน้อยเซินน่าจะกุมทุกอย่างและชัยชนะเอาไว้ในกำมือตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
เซินเจี๋ยฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “มันก็จริงแต่ผมไม่ได้คาดหวังว่าหวังหมิงซูจะสนับสนุนผมจริงๆ..ผมไม่ค่อยรู้เรื่องของหมอนั่นเลย”
“หมิงหมิงซูเพิ่งจะไต่เต้าขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาตั้งแต่หัวหน้าเขตเหล่ยลี่ตายไปหวังหมิงซูก็ได้เข้ารับตำแหน่งแทนและเขาก็ได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมและได้รับความไว้วางใจจากประธานเซินตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่..หวังหมิงซูคนนี้ถือได้ว่าโดนเด่นทั้งการต่อสู้และการควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาและเก่งในการทำธุรกิจ..อีกอย่างผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาล้วนเป็นเด็กหนุ่มไฟแรงไม่เหมือนกับหัวหน้าเขตคนอื่นๆที่มีแต่คนรุ่นเก่าๆ” ไถ่โจวพูดต่อ “แต่ฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะสนับสนุนนายน้อยเซินเลยเพราะผมคิดว่าเขาควรจะเป็นคนที่ทะเยอทะยานมากที่สุดในหมู่หัวหน้าเขตทั้งหมด..แต่นายน้อยเซินถึงแม้ว่าเขาจะสนับสนุนเราแต่เราก็ต้องระวังเขาเอาไว้ด้วย”
เซินเจี๋ยพยักหน้าแล้วพูดว่า “สิ่งที่คุณพูดมานั้นก็สมเหตุสมผลมาก..เอาไว้หาเวลาชวนเขามาพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวก็แล้วกัน..ผมอยากคุยกับเขาแบบซึ่งๆหน้าไม่ว่าอะไรก็ตามเพราะตอนนี้เขาสนับสนุนผมแล้วเพราะงั้นผมจำเป็นต้องรู้จักเขาให้มากกว่านี้..ในความคิดของผมถ้าเราได้รับการสนับสนุนจากเขามันก็จะเป็นประโยชน์มากสำหรับเราที่จะครองบัลลังก์นี้..แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเราต้องตรวจสอบการเคลื่อนไหวของชางหมิงตลอดเวลา..ไม่ว่าเขาจะกินหรือนอนและแม้แต่เข้าห้องน้ำเราก็ต้องรู้ทุกอย่างให้ชัดเจน”
“นายน้อยเซินให้ฉันไปหาหวังหมิงซูเรื่องนัดพบกับนายน้อยได้หรือเปล่า?..ไม่อย่างนั้นฉันจะรู้สึกเหมือนตัวเองเปล่าประโยชน์และไม่สามารถช่วยนายน้อยเซินได้เลย” เย่เชียนพูด
เซินเจี๋ยก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “พี่เย่อย่าไปคิดแบบนั้นเลยเพราะมีดที่คมที่สุดไม่ควรจะใช้บ่อยๆ..เอาไว้เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ส่วนรายละเอียดผมจะบอกพี่เย่อีกที…พรุ่งนี้มาหาผมที่บ้านและพี่เย่ควรจะระวังตัวเอาไว้ด้วย”
เย่เชียนตอบและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไปนายน้อยเซิน..ถ้าฉันไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ฉันก็ไม่กล้ามาพบหน้านายน้อยแล้ว”
“มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงขนาดนั้นหรอกผมเชื่อในตัวพี่เย่” เซินเจี๋ยลุกขึ้นยืนและจบไหล่ของเย่เชียนแล้วพูด เมื่อคำพูดจบลงเซินเจี๋ยก็เดินออกไปจากนั้นเย่เชียนกับไถ่โจวก็รีบเดินตามไปทันที
หลังจากออกจากอาคารสำนักงานใหญ่แล้วเซินเจี๋ยก็หันไปมองเย่เชียนและไถ่โจวแล้วพูดว่า “พวกคุณทั้งสองกลับกันไปก่อนเถอะผมมีบางอย่างที่ต้องทำเพราะงั้นไม่ต้องตามผมมา”
เมื่อได้ยินแบบนั้นไถ่โจวถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเพราะในฐานะบอดี้การ์ดและมือขวาของเซินเจี๋ยแล้วเขาไม่เคยอยู่ห่างจากเซินเจี๋ยเลยแม้แต่ครึ่งก้าว แต่เนื่องจากเซินเจี๋ยพูดอย่างนั้นเขาจึงต้องเชื่อฟังคำสั่งของเซินเจี๋ยและเขาจะไม่มีวันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจใดๆของเซินเจี๋ยและจะทำทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
หลังจากพูดจบเซินเจี๋ยก็ขึ้นรถและออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองไถ่โจวและพูดว่า “คุณไถ่โจวสนใจจะไปดื่มด้วยกันมั้ย?”
ไถ่โจวก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันดื่มไม่ได้..ฉันจะไม่แตะต้องสิ่งมึนเมาและสิ่งเสพติดเพราะฉันต้องตื่นอยู่ตลอดเวลาเพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่ฉันจะสามารถปกป้องนายน้อยเซินได้”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน