เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดนักรบจอมราชัน นิยาย บท 1159

ตอนที่ 1159 การประชุมพันธมิตรขององค์กรเทียนเต๋า

………………..

ในห้องประชุมมีโต๊ะประชุมยาวขนาดใหญ่ที่มีคนนั่งทั้งสองด้านและทั้งหมดก็เป็นสมาชิกระดับสูงและหัวหน้าเขตต่างๆและหวังหมิงซูก็อยู่ท่ามกลางพวกเขาเหล่านี้ เมื่อหวังหมิงซูเห็นเย่เชียนเขาก็ไม่ได้แปลกใจและมันเป็นธรรมชาติมาก ที่โต๊ะประชุมมีที่นั่งตรงกลางว่างอยู่ซึ่งน่าจะเป็นตำแหน่งของเซินเจี๋ย

เซินเจี๋ยก็กวาดสายตามองไปรอบๆและเดินเข้าไปอย่างช้าๆไปที่ที่นั่งของเขาแล้วนั่งลง ส่วนเย่เชียนกับไถ่โจวก็ยืนอยู่ข้างหลังเขาด้วยท่าทางเคร่งขรึม หลังจากตกตะลึงเล็กน้อยผู้คนภายในห้องก็พูดคุยกันอีกครั้งและเสียงดังมากจนไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดเลยแต่ใจความโดยทั่วไปยังคงชัดเจนและไม่มีอะไรมากไปกว่าการโต้เถียงว่าตำแหน่งผู้นำองค์คนต่อไปควรจะเป็นอย่างไรนั่นเอง

เซินเจี๋ยโบกมือและส่งสัญญาณให้ผู้คนหยุดพูดแต่ทว่าผู้คนในห้องประชุมไม่ได้สนใจเขาเลยและยังคงโต้เถียงกันอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นแบบนั้นเซินเจี๋ยก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและสีหน้าของเขาก็ดูเย็นชาอย่างมากและด้วยการตบโต๊ะอย่างแรง “ปัง” จากนั้นเซินเจี๋ยก็พูดว่า “ทุกคนช่วยหุบปากกันด้วยครับ ”

การกระทำอย่างกะทันหันนี้ทำให้ผู้คนตกใจและพวกเขาก็หยุดโต้เถียงกันและมองไปที่เซินเจี๋ย อย่างไรก็ตามในสายตาของพวกเขาไม่มีความกลัวใดๆแต่เป็นการดูหมิ่นมากกว่าเพราะพวกเขาล้วนเป็นคนที่ติดตามเซินเฉาหยางมานานหลายปีดังนั้นพวกเขาจะกลัวเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศได้ยังไง? โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาไม่ต้องการให้เซินเจี๋ยเป็นผู้นำองค์กรเทียนเต๋าคนต่อไปแต่อย่างใด

“ผมรู้ว่าทุกคนเป็นกังวลเกี่ยวกับผู้นำองค์กรคนต่อไปและถึงแม้ว่าผู้อาวุโสหลายๆคนจะอยากให้ผมสืบทอดตำแหน่งของพ่อและทำหน้าที่เป็นผู้นำคนต่อไปก็ตามแต่ผมไม่มีคุณสมบัติมากพอ..อีกอย่างตอนนี้ผมไร้ความสามารถและยังไม่พร้อมรับผิดชอบงานใหญ่ๆเพราะงั้นผมคิดว่าผู้นำองค์กรควรจะเป็นผู้ที่มีความสามารถเพราะงั้นทุกคนในที่นี้ก็สามารถเป็นผู้นำองค์กรได้กันทุกคน..ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้โลกภายนอกก็กำลังจับตาดูพวกเราอยู่เพราะงั้นเราควรจะรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” เซินเจี๋ยพูดต่อ “ยังไงก็ตามวันนี้มีเรื่องสำคัญอีกอย่างที่ผมจะบอกพวกคุณที่นี่”

“อย่างที่นายน้อยเซินพูด..ในตอนนี้จะมีอะไรสำคัญไปกว่าคนที่จะมารับหน้าที่ผู้นำองค์กรของเรา” ชางหมิงพูด “เมื่อท่านประธานเซินเสียชีวิตลงองค์กรสามมุมเมืองและองค์กรซูเหลียนหรือแม้แต่พวกแก๊งค์เล็กๆต่างก็จับตาดูพวกเราอยู่เพราะงั้นถ้าเราไม่รีบตัดสินใจเรื่องผู้นำองค์กรคนต่อไปล่ะก็องค์กรเทียนเต๋าของเราจะตกอยู่ในอันตราย”

“ใช่!..เพราะงั้นพวกคุณคิดว่าใครเหมาะสมที่สุดที่จะนั่งเก้าอี้ผู้นำองค์กรคนต่อไปล่ะ?” เซินเจี๋ยพูดหลังจากหยุดไปชั่วขณะ จากนั้นเซินเจี๋ยก็ถอนหายใจอย่างเย็นชาและพูดว่า “ตอนนี้ทุกคนยืนกรานในความคิดเห็นของตนเองและไม่มีใครคิดที่จะสนับสนุนใครเลย..ซึ่งจุดประสงค์หลักในการกลับมาไต้หวันครั้งนี้ของผมคือจัดการกับงานศพของพ่อและถึงแม้ว่าองค์กรเทียนเต๋าจะถูกก่อตั้งโดยตระกูลเซินของผมมาตั้งแต่แรกก็ตามแต่มันก็ไม่สำคัญเสมอไป..เพราะงั้นหลังจากพิธีงานศพของพ่อจบลงผมจะบินกลับประเทศสหรัฐอเมริกา..ส่วนอนาคตขององค์กรเทียนเต๋ามันก็ขึ้นอยู่กับพวกคุณทุกคนแต่ตอนนี้กระดูกของพ่อยังไม่ทันได้เย็นลงเลยแต่พวกคุณกลับต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งกันเองเพราะงั้นคุณไม่ละอายใจกับพ่อของผมบ้างเหรอ?”

ผู้คนในห้องประชุมทุกคนปิดปากเงียบและไม่พูดอะไรอีก

ในตอนนี้ทุกคนก็หุบปากและหยุดพูดและเซินเจี๋ยก็พูดอย่างช้าๆว่า “ส่วนเรื่องที่พ่อผมตายก็ยังไม่มีใครรู้เพราะงั้นพวกคุณไม่รู้สึกละอายใจกันบ้างเลยรึไง?..อีกอย่างการต่อสู้เพื่อตำแหน่งผู้นำคนต่อไปมันไร้สาระมาก..พวกคุณคิดว่ามันเป็นฝีมือของใคร?”

“จากข้อมูลที่รวบรวมมาได้มันน่าจะเป็นองค์กรซูเหลียนเพราะหลายปีที่ผ่านมามีแค่สามขั้วอำนาจเท่านั้นที่กล้าเผชิญหน้ากันและคงจะไม่มีใครนอกจากนี้อีกแล้ว..ส่วนแก๊งค์เล็กๆใครมันจะกล้าทำแบบนี้เว้นแต่ว่าพวกมันจะเบื่อหน่ายกับชีวิตและอยากตายเท่านั้น” ชางหมิงพูดต่อ “ถ้าให้ฉันเป็นผู้นำองค์กรคนต่อไปล่ะก็ฉันสัญญาว่าภายในสามวันองค์กรสามมุมเมืองกับองค์กรซูเหลียนจะเละเป็นโจ๊ก..เพราะด้วยวิธีนี้เราก็จะสามารถกู้คืนศักดิ์ศรีขององค์กรเทียนเต๋ากลับมาได้..ไม่อย่างนั้นแม้แต่แก๊งค์เล็กๆคงจะไม่เกรงกลัวเราอีกในอนาคต”

“คุณชางคุณประเมินความสามารถของคุณสูงเกินไปหรือเปล่า..คุณคิดว่าคุณสามารถจัดการกับสององค์กรนั้นได้จริงๆเหรอ?..ยิ่งไปกว่านั้นคุณได้คิดบ้างไหมว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไง?..ถ้าคุณทำพลาดองค์กรและแก๊งค์ของเราจะถูกโจมตีโดยทั้งสององค์กรพร้อมๆกันและเมื่อถึงเวลานั้นเราก็ไม่สามารถตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย” เหวินปินพูด “ฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเลือกผู้นำองค์กรคนใหม่เพื่อรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์มากกว่าการกำจัดศัตรูและเพิ่มปัญหาให้องค์กร..อีกอย่างถ้าหากองค์กรของเรามั่นคงเมื่อไหร่ล่ะก็แก๊งค์อื่นๆก็จะหยุดจับตามองเราไปโดยปริยาย”

“ใช่ครับนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดและภายใต้สถานการณ์เร่งด่วนแบบนี้ผมคิดว่านายน้อยเซินที่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของประธานเซินควรจะขึ้นมารักษาการตำแหน่งผู้นำคนต่อไป!” หวังหมิงซูพูดอย่างเร่งรีบเพราะเย่เชียนบอกให้เขาคอยสนับสนุนเซินเจี๋ย เมื่อได้ยินแบบนั้นเซินเจี๋ยก็อดไม่ได้ที่จะผงะเล็กน้อยเพราะเห็นได้ชัดว่าเขาไม่คาดคิดเลยว่านอกจากพวกผู้อาวุโสแล้วก็ยังมีคนรุ่นใหม่ที่คอยสนับสนุนตัวเองอยู่ อันที่จริงถึงแม้ว่าผู้อาวุโสเหล่านั้นจะอยู่ในองค์กรเทียนเต๋ามานานแล้วก็ตามแต่พวกเขาไม่ได้มีอำนาจหรืออิทธิพลอะไรมากมาย เพราะพลังและอำนาจที่แท้จริงนั้นมักจะอยู่ในมือของคนรุ่นใหม่อย่างเขา เพราะถ้าไม่มีความทะเยอทะยานล่ะก็การนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำมันก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน

หวังหมิงซูเป็นคนรุ่นใหม่คนแรกที่สนับสนุนเขาให้ขึ้นเป็นผู้นำองค์กรคนต่อไปอย่างเปิดเผย ดังนั้นเซินเจี๋ยจึงสนใจหวังหมิงซูมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อเห็นแบบนั้นเซินเจี๋ยก็พยักหน้าอย่างลับๆและมีความตั้งใจที่จะโน้มน้าวหวังหมิงซูให้มาเป็นพวก

“ไม่!..ถึงแม้ว่านายน้อยเซินเป็นลูกชายคนเดียวของประธานเซินแต่สมัยนี้มันไม่ใช่ยุคศักดินาและมันไม่ใช่ยุคราชวงศ์..ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสมัยที่ประธานเซินสร้างองค์กรเทียนเต๋าขึ้นมาก็เป็นที่ชัดเจนว่าผู้นำขององค์กรจะต้องมีความสามารถในการจัดการสิ่งต่างๆและพื้นฐานของไต้หวันทั้งหมด..ดังนั้นถึงแม้ว่านายน้อยเซินจะเก่งและฉลาดมากก็ตามแต่สุดท้ายเขาไปเรียนต่างประเทศมาเป็นเวลานานและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับองค์กรและสิ่งต่างๆในเมืองไต้หวันของเราเลย..เขารู้เหรอว่าเรามีพี่น้องกี่คน และอุตสาหกรรมอะไรและใครรับผิดชอบในด้านไหนและศัตรูของเราเป็นยังไงเพราะงั้นฉันรู้สึกว่านายน้อยเซินไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะรับตำแหน่งผู้นำองค์กรคนต่อไป” ชางหมิงพูดต่อ “นายน้อยเซินอย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยเพราะฉันกำลังทำเพื่อองค์กรของเราอยู่และนึกถึงอนาคตขององค์กรเหมือนกัน”

เมื่อได้ยินแบบนั้นเซินเจี๋ยก็แอบเยาะเย้ยแต่การแสดงออกบนใบหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆและความขับข้องใจครั้งนี้ก็ถูกจารึกเอาไว้ในใจ

ตอนที่ 1159 การประชุมพันธมิตรขององค์กรเทียนเต๋า 1

ตอนที่ 1159 การประชุมพันธมิตรขององค์กรเทียนเต๋า 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน