ยอดนักรบจอมราชัน นิยาย บท 1158

1158 /1358

ตอนที่ 1158 มือขวา

………………..

เช้าวันรุ่งขึ้นเย่เชียนรีบไปที่บ้านของเซินเจี๋ยทันทีเพราะนี่เป็นโอกาสที่หายากและเย่เชียนก็ไม่อยากพลาดเพราะเมื่อเย่เชียนเข้าใกล้เซินเจี๋ยเขาก็จะสามารถใช้เซินเจี๋ยเป็นตัวหมากเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้และนี่เป็นเรื่องที่ดีมาก ซึ่งเย่เชียนก็ชัดเจนว่าเหตุผลที่เซินเจี๋ยสนใจในตัวเขานั้นเป็นเพราะความแข็งแกร่งที่เขาแสดงให้เห็นในผับบาร์คืนนั้นและนั่นทำให้เซินเจี๋ยรู้สึกว่าเขามีพรสวรรค์ที่มีประโยชน์

เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการเย่เชียนก็ไม่คิดว่าเซินเจี๋ยจะหลอกใช้เขา อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ยังสะท้อนปัญหาทางอ้อมจากอีกแง่มุมหนึ่งด้วยและนั่นคือเซินเจี๋ยเป็นชายหนุ่มที่ฉลาดและนักฉวยโอกาสและรู้วิธีใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่ใช้ได้ อันที่จริงการจุดยืนมักจะเป็นตัวตัดสินอะไรหลายๆ อย่าง ดังนั้นถึงแม้ว่าจะต้องมีคนตายและสูญเสียมากเท่าไหร่ภายใต้ความสำเร็จของเขาถึงยังไงเซินเจี๋ยก็ไม่สนใจเช่นเดียวกันกับกำปั้นเหล็กไถ่โจวเพราะเขาได้เสียสละและปกป้องเซินเจี๋ยมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาๆ สามารถทำได้เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเก่งแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นอมตะจริงๆ และกระสุนก็สามารถเจาะเข้าไปในเนื้อหนังของเขาได้

ยิ่งไปกว่านั้นแผนการของเซินเจี๋ยลึกซึ้งมากและ ณ เวลานี้ หากเขาเป็นคนธรรมดาเขาอาจจะตกลงรับตำแหน่งผู้นำองค์กรเทียนเต๋าโดยไม่ลังเลและทำให้สถานการณ์ขององค์กรเทียนเต๋ามีเสถียรภาพโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามด้วยวิธีนี้ก็จะไม่มีทางที่จะแก้ไขความขัดแย้งภายในขององค์กรเทียนเต๋า ดังนั้นเซินเจี๋ยจึงเลือกที่จะถอยกลับและปล่อยให้คนอื่นๆ ต่อสู้กันเอง ซึ่งนี่ทำให้เซินเจี๋ยเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากมากที่จะรับมือได้และแม้แต่เย่เชียนเองก็ยังต้องสงสัยว่าการตายของเซินเฉาหยางไม่ง่ายเหมือนที่คิดและรู้สึกว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเซินเจี๋ย อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้นและไม่สามารถยืนยันเพราะเซินเจี๋ยต้องใช้ความกล้าอย่างมากที่จะฆ่าพ่อตัวเองได้

หลังจากโบกแท็กซี่แล้วเย่เชียนก็บอกที่อยู่ของเซินเจี๋ยและเมื่อเขากำลังจะเข้าไปเขาก็เห็นเซินเจี๋ยเดินออกมาจากบ้านตามด้วยไถ่โจวและผู้ใต้บังคับบัญชาอีกสองสามคน เมื่อเห็นแบบนั้นเย่เชียนก็ตกตะลึงเล็กน้อยและเขาหยุดเดินเพราะในความเป็นจริงแล้วเย่เชียนเองก็ยังสังเกตไถ่โจวคนนี้เมื่อเขาดื่มกับเซินเจี๋ยในวันนั้น

“นายน้อยเซิน” เย่เชียนเรียกเซินเจี๋ยด้วยน้ำเสียงปกติเพราะถ้าเขาแสดงความเคารพมากเกินไปเย่เชียนก็จะสูญเสียตัวตนของเขาไปและมันจะทำให้เซินเจี๋ยได้ใจมากกว่าเดิมและเย่เชียนก็จะดูด้อยค่าลง ดังนั้นการแสดงแบบนี้จะไม่ทำให้เซินเจี๋ยหยิ่งผยองกับเขาจนเกินไปและทำให้เซินเจี๋ยสนใจเขามากขึ้น

เห็นได้ชัดว่าเซินเจี๋ยไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะมาหาและเขาก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและพูดว่า “ดูเหมือนว่าพี่เย่จะจัดการเรื่องส่วนตัวเสร็จแล้วสินะ..ตอนนี้ผมกำลังจะไปประชุมเพราะงั้นพี่เย่ก็มากับพวกเราเลยก็แล้วกันแล้วค่อยคุยกันอย่างละเอียดระหว่างทาง”

เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วมองดูเซินเจี๋ยขึ้นรถจากนั้นก็ตามเข้าไปในรถ Cadillac ซึ่งนอกจากคนขับแล้วก็มีแค่เซินเจี๋ย,ไถ่โจวและเย่เชียนเท่านั้นและเย่เชียนก็นั่งข้างคนขับ

“พี่เย่..ฉันขอแนะนำให้รู้จักเขาคือกำปั้นเหล็กไถ่โจวเขาเป็นเหมือนมือขวาของผมเพราะงั้นผมหวังว่าทั้งสองคนจะสามารถร่วมมือกันได้ดีในอนาคตและกลายเป็นมือซ้ายของผมได้” เซินเจี๋ยพูด

“สวัสดีครับคุณกำปั้นเหล็กไถ่โจว..รบกวนชี้แนะให้ผมในอนาคตด้วยครับ” เย่เชียนพูด

“เรียกฉันว่าไถ่โจวเฉยๆ ก็ได้” ไถ่โจวพูดง่ายๆ

เย่เชียนพยักหน้าเล็กน้อยและหันไปมองเซินเจี๋ยและพูดว่า “นายน้อยเซินทำไมนายถึงสนใจในตัวของฉันมากขนาดนี้ล่ะ..นายไม่กลัวว่าฉันจะเป็นสายลับที่ส่งมาจากองค์กรอื่นเลยเหรอ?”

เซินเจี๋ยก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ถึงยังไงผมก็ไม่สนใจหรอกเพราะทุกคนมักจะต้องการเพียงชื่อเสียงและความมั่งคั่งเท่านั้น..เพราะงั้นไม่ว่าพี่เย่จะต้องการแบบไหนผมก็สามารถมอบให้พี่เย่ได้เสมอเพราะงั้นถ้าพี่เย่เลือกที่จะภักดีกับผมล่ะก็ผมจะให้ทุกอย่างที่พี่เย่ต้องการเลย..ซึ่งนี่เป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดเพราะงั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องระแวงใครและผมก็ไม่เคยมองคนผิดและผมก็เชื่อว่าพี่เย่ไม่ได้แสดงละครตบตาให้ผมเห็นในผับบาร์วันนั้น”

เมื่อได้ยินแบบนั้นเย่เชียนก็ไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไปและพูดว่า “ฉันจะไม่ทำให้นายน้อยเซินผิดหวังเด็ดขาด”

เซินเจี๋ยพูด “เรากำลังจะไปเข้าร่วมการประชุมครั้งใหญ่ขององค์กรเทียนเต๋าเพราะงั้นพี่เย่กับไถ่โจวจะเข้าไปกับผมด้วยเพราะมันถึงเวลาที่พวกงี่เง่าเหล่านั้นจะเผยธาตุแท้ออกมาในวันนี้”

“นายน้อยเซินเคยบอกฉันว่านายน้อยไม่สนใจตำแหน่งผู้นำองค์กรใช่มั้ย? ..ว่าแต่ทำไมล่ะเพราะนี่เป็นโอกาสที่ดีเลยทีเดียว” เย่เชียนพูด

“ดูเหมือนว่าพี่เย่จะเริ่มสนใจสิ่งต่างๆ แล้วสินะ” เซินเจี๋ยพูด “นั่นก็เพราะว่าตอนนี้องค์กรเทียนเต๋าของเรามีความขัดแย้งภายในมากมายและหัวหน้าเขตแต่ละเขตก็คิดที่จะครองบัลลังก์และแย่งชิงกันเองยกเว้นผู้อาวุโสบางคนที่คอยสนับสนุนผมและนอกเหนือจากนี้คนอื่นๆ ก็ต้องการให้ผมตายตามพ่อไป..ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ว่าผมจะได้ขึ้นเป็นผู้นำองค์กรก็ตามแต่มันก็ไม่มั่นคงอยู่ดี..ดังนั้นวิธีเดียวคือต้องกำจัดศัตรูให้หมดไปเท่านั้นเพื่อที่เราจะได้อยู่บนบัลลังก์อย่างสมบูรณ์แบบ..ซึ่งในตอนนี้องค์กรเทียนเต๋าต้องการการปฏิรูปครั้งใหญ่และต้องเกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ก่อน..เพราะแบบนี้ผมถึงต้องถอยออกมาหนึ่งก้าวแล้วค่อยจัดการกับศัตรูที่เหลือทีหลัง”