ตอนที่ 1179 ไม่แยแส
………………..
ประโยคคำว่า “ฉันเชื่อในตัวนาย” ของโจวเจิ้งผิงเทียบเท่ากับการแสดงทัศนคติที่ดีต่อเย่เชียนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เย่เชียนจะไม่ไร้เดียงสาพอที่จะไว้วางใจโจวเจิ้งผิงอย่างสมบูรณ์แบบเพราะจิ้งจอกเฒ่าคนนี้ไม่ธรรมดา ซึ่งท่าทีที่เขาแสดงออกในเวลานี้เป็นเพียงทัศนคติชั่วคราวและถ้าหากวันหนึ่งในอนาคตสิ่งที่เย่เชียนทำไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเขาล่ะก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าโจวเจิ้งผิงจะทรยศเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันแล้วเย่เชียนก็ไม่สามารถรุกรานโจวเจิ้งผิงได้เลยและถ้าเย่เชียนกลัวว่าโจวเจิ้งผิงจะทำให้แผนการของเขาพังล่ะก็เย่เชียนคงจะไม่มาคุยเรื่องนี้กับโจวเจิ้งผิงตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตามเป้าหมายสูงสุดของเย่เชียนไม่ใช่แค่เพื่อจัดการกับองค์กรเทียนเต๋า,องค์กรซูเหลียนเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงองค์กรสามมุมเมืองอีกด้วย แต่แน่นอนว่าถ้าหากมีการสนับสนุนจากโจวเจิ้งผิงล่ะก็แผนการของเย่เชียนจะราบรื่นขึ้นมากเพราะท้ายที่สุดอิทธิพลของโจวเจิ้งผิงในไต้หวันก็มีมากพอสมควรและแม้แต่ในรัฐบาลไต้หวันเองโจวเจิ้งผิงก็เป็นถึงรัฐมนตรีในรัฐสภา ซึ่งนี่จะทำให้เย่เชียนบรรลุสิ่งต่างๆ ได้มากมาย
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ต้องมีหลักฐานและนั่นคือการกำจัดเซินเจี๋ยและควบคุมองค์กรเทียนเต๋าอย่างสมบูรณ์แบบในมือของเย่เชียนเอง เพราะถ้าหากเย่เชียนไม่สามารถทำสิ่งนี้ให้สำเร็จได้ทุกอย่างหลังจากนั้นก็จะว่างเปล่า
“อย่ากังวลไปเลยน้องเย่..จะไม่มีบุคคลที่สามที่สามารถรู้เรื่องได้เด็ดขาด..มันจะเป็นความลับระหว่างนายกับฉันเท่านั้น” โจวเจิ้งผิงพูด “ถ้านายมีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกฉันมาได้เลย..องค์กรสามมุมเมืองของฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยสนับสนุนนาย”
“ผมขอขอบคุณล่วงหน้านะครับพี่ใหญ่โจว” เย่เชียนพูด “ก็อย่างที่ผมขอไปก่อนหน้านี้ว่าช่วยผมค้นหาที่อยู่ของพวกทหารรับจ้างอินทรีขาวให้ที..เพราะถ้าเราไม่กำจัดพวกมันโดยเร็วที่สุดมันจะเป็นภัยพิบัติกับเราทั้งหมด..ผมต้องการมั่นใจว่ามันจะไม่มีเหตุการณ์นองเลือดในพิธีงานศพของประธานเซินเฉาหยางและผมจะไม่ให้โอกาสเซินเจี๋ยได้โต้กลับแม้แต่น้อย..ผมต้องเอาชนะมันให้ได้ในศึกครั้งเดียว”
โจวเจิ้งผิงทุบหน้าอกของเขาอย่างหนักแน่นและพูดว่า “นั่นเรื่องเล็กน้อยและถ้าไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ล่ะก็ฉันคงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะร่วมมือกับนายแล้ว..เอาล่ะภายในสองวันฉันจะแจ้งข่าวให้นายทราบอย่างแน่นอน”
“ได้..เดี๋ยวฉันจะออกไปส่ง!” ในขณะที่เขาพูดโจวเจิ้งผิงก็ยืนขึ้นและเดินไปส่งเย่เชียนไปที่ประตูบ้านและหลังจากพูดคุยกันสองสามประโยคแล้วเย่เชียนก็ขับรถออกจากบ้านของโจวเจิ้งผิงไป
ผลการเจรจาในคืนนี้ค่อนข้างเป็นผลดีสำหรับเย่เชียนและในอีกด้านหนึ่งมันก็ทำให้โจวเจิ้งผิงเข้าใจจุดประสงค์ของเขาและตัวตนของเขาก็จะไม่ถูกเปิดเผยและในทางกลับกันมันก็ดึงดูดใจของโจวเจิ้งผิงให้ยืนเคียงข้างเขาชั่วคราว ดังนั้นการร่วมมือกันเพื่อกำจัดศัตรูคนเดียวกันจึงเป็นกฎเกณฑ์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงในการสู้รบเสมอ
เมื่อเย่เชียนกลับมาที่บ้านพักของเหลียงหยานแล้วเหลียงหยานกับซูเหว่ยก็หลับไปแล้ว ดังนั้นเย่เชียนจึงก็ไม่รบกวนพวกเธอเช่นกัน หลังจากอาบน้ำในห้องน้ำแล้วเย่เชียนก็กลับไปที่ห้องเพื่อนอนพักผ่อน
เมื่อเหลียงหยานตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้นเธอก็ได้ทำอาหารเช้าเอาไว้และหลังจากทานอาหารเช้าเหลียงหยานก็ไปทำงานที่บริษัทตามปกติ ส่วนซูเหว่ยก็พักอยู่ในบ้านเพราะตอนนี้เธอไม่สะดวกที่จะออกไปไหนมาไหนและเย่เชียนก็ไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับเธออีก
ตามคำขอของเย่เชียนแล้วหลินเฟิงก็ได้ทิ้งศพของไถ่โจวและบอดี้การ์ดอีกสองคนเอาไว้ที่หน้าบ้านของเซินเจี๋ยในคืนนั้น แน่นอนว่าหลินเฟิงทำงานอย่างสมบูรณ์แบบและไม่มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือของเขา ซึ่งเมื่อลูกน้องของเซินเจี๋ยพบศพของไถ่โจวและอีกสองคนหน้าบ้านตอนนั้นหลินเฟิงก็ได้ออกมาแล้ว
เมื่อเห็นแบบนั้นลูกน้องของเซินเจี๋ยก็ไม่กล้าที่จะลังเลและรีบเข้าไปในบ้านเพื่อรายงานเซินเจี๋ยเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นเซินเจี๋ยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและรีบเดินออกไปทันที เมื่อมองดูศพของไถ่โจวที่วางอยู่บนพื้นแล้วเซินเจี๋ยก็ไม่มีสีหน้าเศร้าใดๆ บนใบหน้าเลยแม้แต่น้อยเพียงแค่โกรธและดูถูกเพราะสำหรับเขาแล้วทุกคนล้วนเป็นเพียงเบี้ยในมือของเขารวมทั้งไถ่โจวด้วย ดังนั้นไม่ว่าไถ่โจวจะทำอะไรให้เขาสักกี่อย่างแต่สำหรับเขาแล้วมันก็เป็นแค่สิ่งที่ไถ่โจวต้องทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น
เพียงแต่ว่าเซินเจี๋ยไม่คาดคิดว่าไถ่โจวจะตายเพราะในความเห็นของเขาความสามารถของไถ่โจวค่อนข้างสูงดังนั้นเขาจะถูกฆ่าตายระหว่างการไปจับตัวซูเหว่ยได้อย่างไร? ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกแปลกใจอย่างมากและเขาก็ไม่เข้าใจว่าซูเหว่ยมีคนที่มีความสามารถแบบไหนคอยปกป้องเธออยู่และคนแบบไหนที่สามารถฆ่าไถ่โจวได้?
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเซินเจี๋ยก็ถามว่า “พวกแกรู้มั้ยว่าใครนำศพมา?”
ลูกน้องเหล่านั้นก็ส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “เราพบศพเมื่อเช้านี้แต่เราไม่รู้ว่าใครเป็นคนนำศพมาที่นี่”
“หึ!” เซินเจี๋ยถอนหายใจอย่างเย็นชาด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวและพูดว่า “ไอ้โง่เอ๊ย..ฉันจ้างพวกแกมาทำไม? ..พวกแกไม่รู้เลยด้วยซ้ำมามีคนเข้ามาแถวนี้..และถ้ามีคนที่ต้องการจะฆ่าฉันล่ะ? ..แบบนั้นฉันไม่ตายไปแล้วเหรอ?” ลูกน้องถึงกับตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้และไม่กล้าพูดอะไร พวกเขาติดตามเซินเจี๋ยมาเป็นเวลานานแล้วและพวกเขาก็ชัดเจนเกี่ยวกับนิสัยของเซินเจี๋ยว่าเป็นคนเจ้าอารมณ์และในเวลานี้พวกเขาไม่กล้ายั่วโมโหเซินเจี๋ยอีก
หลังจากหยุดไปชั่วขณะดวงตาของเซินเจี๋ยก็หันกลับมามองที่ศพของไถ่โจวอีกครั้งและร่องรอยของการดูหมิ่นก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาและพูดว่า “ฉันสั่งให้แกทำเรื่องง่ายๆ แต่แกกลับทำไม่ได้..แกทำมันพังและแกก็ทำให้ฉันผิดหวังมาก..เอาล่ะพวกแกเอาร่างของมันไปโยนลงทะเลซะ!”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน