เมื่อจ้าวหยาเล่ามาถึงตอนที่เสียงปืนสามนัดยิงอู่หยางเทียนหมิงและชายอีกสองคน ฉินหยูและหูวเค่อก็หันมามองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจอย่างมาก พวกเธอแน่ใจว่าเหตุการณ์เหล่านั้นคงจะไม่ใช่ฝีมือของตำรวจอย่างแน่นอน เพราะเย่เชียนไม่มีทางที่จะขอความช่วยเหลือจากตำรวจเพื่อช่วยจ้าวหยา หากเขาทำเช่นนั้นจริง เขาก็คงจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้
ด้วยเหตุผลพวกนี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะบ่งบอกได้ว่า ในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ เย่เชียนไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง เขามีพลังและความแข็งแกร่งของเขาเองที่อยู่เบื้องหลัง
เย่เชียนเห็นท่าทีของพวกเธอ เขาก็เดาได้ไม่ยากว่าพวกเธอกำลังคิดอะไรกันอยู่ เย่เชียนจึงหัวเราะออกมาอย่างโง่เขลาและพูดกลบเกลื่อนว่า “ก็แค่เพื่อนของผมสองคนน่ะ”
เย่เชียนไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม ส่วนฉินหยูและหูวเค่อก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมเช่นกัน อาจพูดได้ว่าทั้งคู่เป็นนกฟีนิกซ์ท่ามกลางผู้คน ทั้งฉลาดและปราดเปรื่อง ถ้าหากเย่เชียนไม่ต้องการบอก พวกเธอก็จะไม่ถาม
ฉินหยูพิถีพิถันอย่างมากในการทำแผลให้เย่เชียน เมื่อทำเสร็จเธอก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะพานายไปโรงพยาบาลนะ”
เย่เชียนยักไหล่เล็กน้อย ภายใต้คำสั่งของคุณหนูฉินหยูผู้ยิ่งใหญ่และงดงามผู้นี้ ถ้าเธอสั่งให้เขาทำอะไรเขาก็คงต้องยอมแต่โดยดี อีกทั้งเขาก็เห็นด้วยว่าแผลของเขาควรได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นมันอาจมีผลกระทบอย่างต่อเนื่องในภายภาคหน้าได้
หูวเค่อมองเย่เชียนและพูดว่า “ตอนนี้มันเป็นเวลาที่หน่วยสืบสวนต่าง ๆ จะลงพื้นที่นะ… บอกเพื่อนทั้งสองของคุณด้วยว่าให้ระมัดระวังและหยุดเคลื่อนไหวไปสักพักก่อน แล้วค่อยกลับมาเมื่อลมเปลี่ยนทิศทาง ไม่เช่นนั้นสถานการณ์นี้มันอาจทำให้พวกคุณลำบากได้”
เย่เชียนยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป… อู่หยางเทียนหมิงน่ะเป็นนักโทษแหกคุก และพวกผมก็ทำมันอย่างรอบคอบ พวกตำรวจไม่สามารถหาเบาะแสอะไรได้หรอก”
สิ่งที่เย่เชียนต้องการจะพูดจริง ๆ ก็คือ ทั้งหลี่ฮ่าวและหวังปิง ล้วนแล้วแต่มีสัมพันธไมตรีที่ลึกซึ้งกับเขามาก สำหรับเรื่องนี้ พวกเขาก็คงจะดำเนินการบางอย่างเพื่อเป็นฉากเบื้องหน้าอย่างเป็นพิธีการเพียงเท่านั้น และในที่สุดพวกเขาก็จะปล่อยให้มันผ่านไป
หูวเค่อรู้ถึงเครือข่ายของเย่เชียนในเซี่ยงไฮ้ เธอจึงเดาได้ว่าเย่เชียนกำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็พูดต่อ “คุณอย่าลืมนะคะว่าพ่อของอู่หยางเทียนหมิงคืออู่หยางเฉิง ถึงยังไงเขาก็เป็นรองเลขานุการผู้ว่าการเทศบาล… เขาจะรู้แน่นอนว่าคุณเป็นคนทำเรื่องพวกนี้ และเขาก็จะไม่มีวันปล่อยมันไปแน่ ดังนั้นคุณต้องระวังให้มาก ๆ นะคะ”
เย่เชียนพูดอย่างใจเย็นว่า “ถึงอย่างงั้นก็เถอะ อู่หยางเฉิงน่ะเพิ่งจะหลุดจากการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลางได้ ในช่วงเวลาคับขันแบบนี้ ต่อให้เขาจะรู้ว่าเป็นผม เขาก็จะยังไม่กล้าเคลื่อนไหวหรือทำอะไรโจ่งแจ้งอยู่ดี อีกอย่าง… ต่อให้เขาไม่ตามล่าตัวผม ผมก็กะจะไปหาเขาอยู่แล้ว”
เย่เชียนไม่ใช่คนที่จะยอมอะไรง่าย ๆ เพราะใครที่รู้จักหรือเกี่ยวข้องกับเขาไม่ว่าจะทางใดก็ตาม พวกเขาก็ไม่สมควรที่จะถูกลากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีก ถึงแม้จ้าวหยาจะไม่ใช่คนรักของเขา แต่เธอก็เป็นเหมือนกับเพื่อนคนหนึ่ง การที่อู่หยางเทียนหมิงลักพาตัวเธอไปเพื่อแก้แค้นเขานั้น เย่เชียนไม่สามารถปล่อยให้สิ่งนี้ผ่านไปได้ง่าย ๆ แม้ว่าอู่หยางเทียนหมิงจะตายไปแล้ว แต่เย่เชียนก็รู้ว่าเขาจะต้องจัดการกับอู่หยางเฉิงด้วย เพราะไม่เช่นนั้น เรื่องมันก็จะยังไม่จบ
“คุณรู้จักอู่หยางเฉิงมากแค่ไหนเหรอคะ ?” หูวเค่อถาม
เย่เชียนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะในความเป็นจริงแล้ว เขาเองก็รู้เรื่องเกี่ยวกับอู่หยางเฉิงน้อยมาก มันเป็นความวิตกกังวลของเขาเสมอมา อีกทั้งกลุ่มเขี้ยวหมาป่าก็เพิ่งจะมาถึงประเทศจีน จึงทำให้เครือข่ายหน่วยข่าวกรองยังไม่ได้รับการจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่เขาไม่สามารถรู้ถึงข้อมูลของคู่ต่อสู้ได้ในตอนนี้
จากนั้นไม่นาน หูวเค่อก็พูดต่อทันทีว่า “อู่หยางเฉิงน่ะเขาเป็นชาวเซี่ยงไฮ้… จริง ๆ แล้วเขาก็เริ่มต้นจากตำแหน่งทั่วไปนี่แหละ แล้วก็ค่อย ๆ ไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ จนได้มาอยู่ตำแหน่งที่สูงขนาดนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีใต้ดินหรือวิธีที่ชอบธรรม มันก็ไม่สามารถลดทอนอำนาจของเขาได้เลย…


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน