อันที่จริงแล้วอู่หยางเทียนหมิงกับจ้าวหยานั้นไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย การที่อู่หยางเทียนหมิงเลือกลักพาตัวจ้าวหยาไป เป็นเพราะเขาต้องการหลอกล่อให้เย่เชียนออกมาเจอก็เท่านั้น ถ้าหากคนอย่างหูวเค่อไม่สามารถตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะมีโอกาสได้มายืนอยู่ในตำแหน่งสูง ๆ อย่างในตอนนี้
หูวเค่อไม่รอให้ฉินหยูตอบกลับ เธอถามต่อไปว่า “แล้วพี่รู้มั้ยว่าอู่หยางเทียนหมิงอยู่ที่ไหน ?”
ฉินหยูพยักหน้า “สายลับข่าวกรองของหงเหมินกรุ๊ปได้ข้อมูลมาว่าอู่หยางเทียนหมิงอยู่ที่โรงงานเคมีร้างในเขตชานเมือง… เย่เชียนมุ่งหน้าไปที่นั่นแล้วล่ะ”
หูวเค่อพยักหน้าตอบรับ แต่กลับไม่แสดงออกถึงความกังวลใด ๆ ที่จะบอกให้ฉินหยูส่งคนไปช่วยเย่เชียนเลย เธอเองก็คิดเหมือนกับฉินหยูว่าอู่หยางเทียนหมิงคงต้องการให้เย่เชียนเข้าไปหาเขาเพียงตัวคนเดียว ถ้าหากพวกเธอส่งคนเข้าไปแทรกแทรง มันอาจจะทำให้เย่เชียนตกอยู่ในอันตรายได้ สิ่งเดียวที่พวกเธอทำได้ในตอนนี้คือต้องเชื่อใจเย่เชียนและเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถช่วยจ้าวหยากลับมาได้อย่างปลอดภัย
ส่วนคนอย่างอู่หยางเทียนหมิง พวกเธอไม่ได้ให้ความสนใจเลยสักนิดว่าเขาจะเป็นตายร้ายดียังไง เรื่องนั้นมันคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม
หูวเค่อตบไหล่ฉินหยูเบา ๆ เพื่อปลอบใจ จากนั้นเธอก็พูดว่า “ไม่ต้องกังวลหรอก… ยังไงพวกเขาจะต้องปลอดภัยและไม่เป็นอะไรแน่ ๆ”
ฉินหยูเงยหน้าขึ้นมองและพยักหน้ารับรู้
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฉินหยูก็ยังคงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ ในทางกลับกันหูวเค่อดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรต้องกังวลเลย เธอเพียงหยิบนิตยสารขึ้นมาอ่านอย่างเงียบ ๆ
……
ทางด้านเย่เชียน เขาไม่รู้เลยว่าฉินหยูนั้นกำลังกังวลและเป็นห่วงเขามากขนาดไหน เพราะเขามัวแต่ซบอยู่บนไหล่ของจ้าวหยาอย่างสบายใจและสดชื่นไปกับกลิ่นหอม ๆ ของจ้าวหยา
จ้าวหยาเองก็ไม่ได้พูดอะไร เธอจะยอมปล่อยให้คนขี้โกงคนนี้ได้พักผ่อนเสียบ้างก็ได้ แต่ก็แอบสงสัยกับตัวเองในใจว่า ‘ทำไมฉันต้องรู้สึกดีกับอีตานี่ด้วย ?’
จากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็กลับมาถึงบ้าน
เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ดังขึ้นที่หน้าบ้าน ฉินหยูก็รีบลุกออกไปดูอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อเปิดประตูบ้าน เธอก็เห็นเย่เชียนและจ้าวหยากำลังลงมาจากรถ ในที่สุดหัวใจของเธอก็สงบลงได้เสียที
เย่เชียนยังคงทำท่าเหมือนกับว่าขาทั้งสองข้างของเขายังเจ็บปวดอยู่ ถึงแม้ว่าจ้าวหยาจะรู้ว่าเขาเสแสร้ง แต่เธอก็ช่วยพยุงและประคองเขาเข้าไปในบ้าน
และเมื่อฉินหยูเห็นเย่เชียนกับจ้าวหยาที่ใกล้ชิดกันแบบนั้น ความอิจฉาก็พุ่งเข้ามาหัวใจของเธออย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ ฉินหยูก็เห็นแขนของเย่เชียนอาบไปด้วยเลือดและถูกพันเอาไว้ด้วยเศษผ้า
ฉินหยูรีบเข้าไปช่วยพยุงเย่เชียนทันทีและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับนายน่ะ ? บาดเจ็บเหรอ ? เข้าไปข้างในก่อนเร็ว ฉันจะได้ทำแผลให้”
การแสดงความห่วงใยของฉินหยูทำให้เย่เชียนชะงักไปชั่วครู่ ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น หูวเค่อและจ้าวหยาที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน จ้าวหยาแอบถอนหายใจและคิดในใจว่า ‘มันจบแล้วสินะ… เจ๊หยูถูกอีตาคนขี้โกงคนนี้พิชิตหัวใจไปแล้ว’
เมื่อฉินหยูเห็นท่าทีและแววตาที่เปลี่ยนไปของทั้งจ้าวหยาและหูวเค่อ เธอก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองคงจะเป็นห่วงเขาอย่างออกหน้าออกตาเกินไป เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินหยูก็รีบปรับสีหน้าของตัวเองให้กลับมาเย็นชาตามปกติดังเดิม
เธอพาเย่เชียนเข้าไปข้างใน จากนั้นก็พยายามพูดเปลี่ยนประเด็น “หยาเอ๋อร์… เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ? ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า ?”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน