“โอ๊ย…!” เย่เชียนส่งเสียงร้องออกมาขณะที่คลื่นแห่งความเจ็บปวดโถมเข้าใส่แขนของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
จ้าวหยาไม่มีความปรานีใด ๆ เลย เธอบีบแขนเย่เชียนอย่างแรง ซึ่งมันเจ็บปวดมากพอที่จะทำให้คนอย่างเย่เชียนตะโกนออกมา
“เป็นไง… ยังคิดว่าฉันจะหึงอยู่อีกมั้ย ?” จ้าวหยาถามด้วยน้ำเสียงอันดุดัน
เย่เชียนหัวเราะแห้ง ๆ และพูดหยอกล้อว่า “แหะ ๆ ๆ ถึงจะเป็นเป็ดน้อยที่ตายแล้ว แต่ปากก็ยังแข็งอยู่สินะ…”
จ้าวหยาตวัดสายตามองค้อนเขาไปทีหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ดุด่าเขาต่อ ส่วนเย่เชียนเองก็รู้ตัวว่าเขาควรหยุดแกล้งเธอเพียงเท่านี้และเลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว เขาลุกขึ้นยืนและพูดว่า “เราไปกันเถอะ… พี่สาวของเธอน่ะรู้ว่าเธอถูกลักพาตัวมา ป่านนี้ฉินหยูคงกำลังเป็นห่วงและเป็นกังวลมาก เพราะงั้นเรารีบกลับกันดีกว่า”
“ป่ะ… งั้นกลับกัน” จ้าวหยาพยักหน้าตอบพร้อมลุกขึ้นยืน
“ซี๊ดดดดด…!” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะเผลอสูดปากด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็พูดว่า “ฉันว่าฉันคงฝืนมากไปหน่อย… ขาของฉันมันชาและเจ็บไปหมด”
“โหย… ถ้านายเดินไม่ไหวก็ไม่ต้องทำตัวเท่ก็ได้” จ้าวหยาบ่น “มา… ให้ฉันช่วยดีกว่านะ”
นี่คือสิ่งที่เย่เชียนต้องการอย่างแท้จริง สำหรับเขาแล้ว มันไม่คุ้มเลยที่จะต้องเหนื่อยขนาดนี้เพื่อทำตัวเป็นฮีโร่ที่มาช่วยชีวิตหญิงสาวเอาไว้ หากไม่ได้รับรางวัลจากเธอ คืนนี้เขาอาจนอนไม่หลับก็ได้ โชคดีที่สุดท้าย จ้าวหยาพูดในสิ่งที่เขาคาดหวังเอาไว้ในใจไม่มีผิด
เย่เชียนมองแขนของจ้าวหยาที่กำลังกางออกพร้อมที่จะพยุงเขา แต่ทันใดนั้นเอง ขาของเขากลับทรุดลงอย่างฉับพลันจนล้มทับเธอ หัวของเขาซบลงบนไหล่ของเธอ จมูกพลันได้กลิ่นหอมจาง ๆ เฉพาะตัวที่เธอมี สายตาทะลึ่งตึงตังของเย่เชียนเหลือบมองหน้าอกอันขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องที่สามารถมองเห็นได้นิด ๆ นั่นมันทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นมากจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างสุขใจ
จ้าวหยาเข้าใจเจตนาชั่วร้ายของเย่เชียนได้โดยง่าย แต่เธอกลับแค่จ้องมองเขาอย่างตื้นตันเพียงเท่านั้น เธอกำลังนึกถึงภาพที่เย่เชียนแทงแขนตัวเองเพื่อเธอก่อนหน้านี้ และเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจ ดังนั้นเธอจึงไม่ขยับตัวหนีหรือตำหนิติเตียนเขา กลับแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นเย่เชียนที่กำลังแอบมองหน้าอกของเธออยู่
จ้าวหยาแอบคิดอยู่ในใจเพียงลำพังว่า ‘ถ้าเขาเป็นคู่หมั้นของฉันจริง ๆ ล่ะก็ มันคงจะดีเนาะ’
ในที่สุดพวกเขาทั้งสองก็ออกจากโรงงานเคมีร้างด้วยรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู 720 ที่เย่เชียน ‘ยืม’ มาจากจางเชียง
เมื่อเห็นรถจอดนิ่ง ๆ อยู่ข้างนอก จ้าวหยาก็เหลือบไปมองป้ายทะเบียนโดยบังเอิญ เธอรู้สึกสับสนมากจึงถามขึ้นมาว่า “ทำไมรถคันนี้ถึงมาอยู่ที่นี่กับนายได้ล่ะ ?”
“ทำไมเหรอ ? มีอะไรหรือเปล่า ? ฉันขโมย… เอ้ย! ยืมมาจากคนที่ขับผ่านมาน่ะ”
ตอนนี้เย่เชียนไม่อยากจะเอาหัวสมองของเขาไปคิดถึงเรื่องอื่นเลย เพราะเขากำลังมีความสุขอยู่ในอ้อมแขนของจ้าวหยาแสนสวยคนนี้อยู่ จึงตอบไปอย่างไม่ใส่ใจ
“ขโมยเหรอ ?!” จ้าวหยาลั่นวาจาออกมาด้วยความประหลาดใจเพราะเธอรู้จักกับเจ้าของรถคันนี้ สิ่งที่เย่เชียนพูดมันทำให้เธอถึงกับพูดไม่ออก เธอคิดที่จะไปปรึกษาเรื่องนี้กับฉินหยูหลังจากที่เธอกลับไปแล้ว มิฉะนั้นอีกฝ่ายจะต้องขุ่นเคืองเย่เชียนและทำให้เขาตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน
จ้าวหยาจ้องมองไปที่เย่เชียนและถามว่า “นี่นาย… นายวางแผนจะให้ฉันช่วยพยุงนายไปอีกนานแค่ไหนห๊ะ ? แล้วกุญแจรถอยู่ไหนล่ะ ?”
“ก็ฉันบาดเจ็บอยู่นี่… เธอควรเห็นใจฉันนะ ฉันขอพึ่งพาเธอไปอีกสักพักเถอะ” เย่เชียนมีสีหน้าราวกับว่าเขารู้สึกผิดอย่างที่สุด จากนั้นเขาก็ตอบว่า “กุญแจอยู่ในรถนั่นแหละ”
จ้าวหยาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เธอช่วยพยุงเย่เชียนเข้าไปในรถ จากนั้นก็เดินไปที่ที่นั่งคนขับ แต่ในขณะที่เธอกำลังนั่งลงอยู่นั้น จู่ ๆ เย่เชียนคนขี้โกงก็ฉวยโอกาสเอนร่างของเขามาซบเธอ
“นั่งดี ๆ สิ… คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย” จ้าวหยาพูดขณะที่เธอมองเย่เชียน


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน