ตอนที่ 1268 ความลับของสวรรค์
………………..
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากมากที่จะปล่อยให้ศัตรูรักษาคนของตัวเอง อย่างไรก็ตามนี่อาจเป็นวิธีสุดท้ายและทางเลือกเดียวเท่านั้นเพราะเนื่องจากอาจารย์เฮยหยูได้พูดแบบนั้นแล้วเย่เชียนก็ทำได้เพียงฝากความหวังเอาไว้กับอู๋เป้งเต๋าเท่านั้น ซึ่งถึงแม้ว่ามันอาจจะยากแต่ตราบใดที่สามารถรักษาหลัวสุ่ยได้เย่เชียนก็เต็มใจทำทุกอย่าง
เมื่อหันไปมองที่หลินเฟิงแล้วเย่เชียนก็อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่หลินเฟิงเข้าใจความหมายของเย่เชียนดีดังนั้นหลินเฟิงจึงพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป..ฉันยังไม่ฆ่าอู๋เป้งเต๋าตอนนี้หรอก”
เย่เชียนพยักหน้าเล็กน้อยและเหลือบมองหลินเฟิงด้วยความขอบคุณจากนั้นก็หันไปมองอาจารย์เฮยหยูแล้วพูดว่า “ผมขอโทษที่มารบกวนอาจารย์เฮยหยูนะครับ..แต่ครั้งนี้ก็ค่อนข้างคุ้มค่าเพราะอย่างน้อยๆ ก็มีโอกาสที่จะรักษาเพื่อนของผมได้” มนต์ดำสัมภเวสีนั้นร้ายกาจมากและทำให้คนหลับไปชั่วนิรันดร์ในฝันร้ายเหมือนกับการปล่อยให้คนอยู่ในโลกมายาชั่วนิรันดร์ ที่สำคัญกว่านั้นโลกมายานี้ยังเต็มไปด้วยการทรมานอย่างไม่รู้จบและหนีออกมาไม่ได้และทำได้เพียงยอมรับอย่างสิ้นหวังเท่านั้น ซึ่งการทรมานครั้งนี้เป็นการทำลายจิตใจและจิตวิญญาณที่โหดร้ายที่สุด
อาจารย์เฮยหยูก็ยิ้มอย่างขอโทษและพูดว่า “ฉันไม่มีความสามารถพอที่จะช่วยเหลือเอ็งได้..ฉันขอโทษจริงๆ ..แต่ฉันสามารถบอกเอ็งได้”
เย่เชียนถามด้วยความประหลาดใจ “บอกอะไรหรือครับอาจารย์?”
“เอ็งต้องให้อภัยผู้คนและหยุดเมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุด” อาจารย์เฮยหยูพูดต่อ “พลังของเขี้ยวหมาป่าของเอ็งพัฒนามาถึงระดับหนึ่งแล้วและเอ็งก็สามารถหยุดได้แล้ว..ในโลกใบนี้น่ะมีผู้คนมากมายและไม่มีใครที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกได้ไปตลอดหรอกเพราะงั้นถ้าหากเอ็งยังทำแบบนี้ต่อไปฉันเกรงว่าสักวันเอ็งจะสร้างปัญหาให้ตัวเองและคนรอบข้างเอาน่ะสิ”
เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามว่า “อาจารย์หมายความว่าไงครับ? ..หรือว่ามีองค์กรบางองค์กรกำลังจับตาดูพวกเราอยู่?”
“ความลับไม่สามารถรั่วไหลได้” อาจารย์เฮยหยูพูด “ในเวลานั้นเอ็งจะเข้าใจได้เองแต่เอ็งต้องให้อภัยผู้อื่นเพราะมันจะดีสำหรับเอ็งในอนาคต”
เย่เชียนตกตะลึงเล็กน้อยเพราะถึงแม้ว่าอาจารย์เฮ้ยหยูจะไม่ได้อธิบายแต่เย่เชียนก็สามารถเข้าใจสิ่งที่อาจารย์เฮยหยูพูด อย่างไรก็ตามเนื่องจากอาจารย์เฮยหยูไม่ได้พูดเย่เชียนก็ไม่ได้บังคับให้อาจารย์เฮยหยูพูด จากนั้นเย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ขอบคุณอาจารย์เฮยหยูที่เตือนสติผมจะจำเอาไว้นะครับ”
อาจารย์เฮยหยูก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันไปมองหลินเฟิงและพูดว่า “เอ็งด้วย..เอ็งมีเวรกรรมจากการพรากชีวิตมากกว่าเขาเยอะเพราะงั้นอย่าคิดว่าถ้าเอ็งฆ่าคนอื่นแล้วเอ็งจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสบายและผ่อนคลายได้จริงๆ ..เวรกรรมเหล่านั้นไม่ช้าก็เร็วมันจะหวนกลับคืนสู่เจ้าและไม่ว่าเอ็งจะแข็งแกร่งแค่ไหนมันก็ไม่เพียงพอที่จะขัดขวางกรรมเหล่านั้นได้หรอก..แล้วสักวันเอ็งจะรู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง..แต่ก็นะทั้งหมดนี้เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าและฉันเองก็กำหนดอะไรหรือคาดเดาอะไรไม่ได้หรอก..การฆ่าการพรากชีวิตมันเป็นเวรกรรมที่ร้ายแรงและฉันจะไม่พูดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้..แต่พวกเอ็งทุกวันยังสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเองในอนาคต”
ท้ายที่สุดแล้วอาจารย์เฮยหยูคือลุงของหลินเฟิงและหลินเฟิงก็รู้จักเขาดีเพราะความสามารถในการพูดในระดับนี้ในวันนี้ทำให้เขามีชื่อเสียงมากมายและท้ายที่สุดเขาก็เรียนรู้เกี่ยวกับกงกรรมเหล่านั้น ดังนั้นเขาจึงเชื่อในสิ่งเหล่านั้นและความดีความชั่วย่อมได้รับการบำเหน็จในที่สุดซึ่งเป็นเหมือนเหตุของพระพุทธศาสนาและประสงค์ของพระเจ้า
อย่างไรก็ตามเย่เชียนไม่ได้คิดถึงสิ่งเหล่านี้เพราะดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินความหมายอื่นในคำพูดของอาจารย์เฮยหยูราวกับว่าเขาต้องการจะบอกว่ายังมีกองกำลังลับที่ซ่อนอยู่และทรงพลังบางมากในโลกนี้ ด้วยความสามารถในการรวบรวมข่าวกรองในปัจจุบันขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นมันสามารถแสดงให้เห็นว่ากองกำลังลับเหล่านี้มีพลังมากเกินไป
หลังจากพูดจบอาจารย์เฮยหยูก็ดูเหมือนจะหมดอารมณ์ที่จะพูดต่อและโบกมือเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เอาล่ะพวกเอ็งกลับไปได้แล้ว”
เย่เชียน,หลินเฟิงและจินเหว่ยห่าวก็มองหน้ากันและลุกขึ้นเดินจากไป หลังจากออกจากรั้วแล้วทั้งสามคนก็เดินตรงไปที่รถ
“เย่เชียน!..พวกเราควรทำยังไงกันดี?” หลินเฟิงถาม
“ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องลองดู..ผมจะรอจนกว่าจะได้พบอู๋เป้งเต๋าก่อนเพราะบางทีเขาอาจจะมีวิธีรักษาเพื่อนของผมจริงๆ ก็ได้..หลังจากนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะทำยังไงกับเขา” เย่เชียนพูด จากนั้นเขาก็เหลือบมองหลินเฟิงกับจินเหว่ยห่าวและเย่เชียนก็พูดต่อ “พี่ทั้งสองคนก็ควรกลับไปพักกันได้แล้วแต่อย่าเพิ่งออกไปไหนมาไหนล่ะในช่วงนี้เพราะถึงยังไงตระกูลจินก็มีหูมีตาไปทั่วทุกที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ..ถ้าแค่เคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ผมก็เกรงว่าจะโดนพวกมันจับได้..ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาทำสงคราม”
หลินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “อย่ากังวลไปเลย..ภายใต้การดูแลขององค์กรเซเว่นคิลของฉันต่อให้ตระกูลจินจะพบพวกเราแต่ตระกูลจินก็ไม่กล้าที่จะยุ่งวุ่นวายกับเราหรอก..คุณจินอยู่กับฉันเพราะงั้นนายวางใจได้เลย”
“เฮ้อ..ฉันทำให้นายเป็นห่วงอยู่ตลอดเลยฉันขอโทษจริงๆ” จินเหว่ยห่าวกล่าวขอโทษ
“พี่จินกำลังพูดอะไรเนี่ยตอนนี้พวกเราเป็นพี่น้องกันนะ” เย่เชียนพูด “ปัญหาของพี่ก็เป็นปัญหาของผมเหมือนกันเพราะงั้นผมจะละเลยมันไม่ได้..พี่จินไม่ต้องกังวลไปหรอกทุกอย่างที่เป็นของพี่จะต้องเป็นของพี่ในที่สุด”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน