การไปต่อที่บาร์มนต์เสน่ห์ในค่ำคืนนี้เป็นเพียงการฉลองกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น เย่เชียนจึงไม่ขัดข้องและปล่อยให้ฟูจุนเฉิงกลับบ้านไปฉลองวันเกิดของภรรยากับครอบครัว เย่เชียนไม่ได้กังวลว่าคืนนี้จะมีปัญหาอะไร สิ่งที่เขายังคงเป็นกังวลนั่นคือ มาเฟียของแก๊งชิงหรือเครือชิงกรุ๊ปอาจจะมีการเคลื่อนไหวหลังจากคืนนี้ไปต่างหาก
หลังจากที่นัดหมายเวลากันแล้ว พวกเขาก็คุยกันเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหลัก ไม่นานฟูจุนเฉิง จ้าวไถ่จู้และหวันชุนหัวก็ออกไป เหลือเพียงเย่เชียนกับม่อหลงเท่านั้นที่ยังอยู่ในห้อง
“บอส! บอสไม่คิดว่านี่มันจะอุกอาจไปหน่อย ? ถ้า…” ม่อหลงเริ่ม
ม่อหลงยังพูดไม่ทันจบ แต่เย่เชียนก็ขัดจังหวะเขาด้วยเสียงหัวเราะ จากนั้นก็พูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ถึงแม้ว่าผมจะรู้จักกับสามคนนั้นได้ไม่นานนัก แต่ผมก็เชื่อใจพวกเขานะ… ถึงวันนี้พวกเขาอาจจะยังไม่ได้ตกลงที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มเขี้ยวหมาป่าก็เถอะ แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ปฏิเสธนี่ พี่ม่อหลง… หากกลุ่มเขี้ยวหมาป่าของเราต้องการขยายกำลังในจีน เราคงไม่สามารถพึ่งพาแค่สมาชิกเดิมของพวกเราได้ เราต้องปล่อยคนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาบ้าง อีกอย่างประเทศจีนเองก็มีขนาดใหญ่มาก เราจะไม่เติบโตเพียงแค่ในเซี่ยงไฮ้เพียงเท่านั้นนะพี่ แต่เราจะต้องขยายและเติบโตไปทั้งประเทศเลย ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ประเทศจีนแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ในโลก ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีตัวตนที่ชอบธรรมด้วยกฎหมายที่สามารถใช้และเปิดเผยต่อสาธารณะได้ เพราะถ้าเราปรากฏตัวแค่ในนามของกลุ่มเขี้ยวหมาป่าล่ะก็ สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็จะมาเยือนพวกเราแล้วทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน”
ม่อหลงพยักหน้าเงียบ ๆ จากนั้นก็พูดว่า “ฉันว่าฟูจุนเฉิงกับจ้าวไถ่จู้น่ะมีคุณสมบัติและศักยภาพที่เหมาะสมในการเข้าร่วมกับกลุ่มเขี้ยวหมาป่าของเรา… แต่หวันชุนหัวคนนั้นน่ะ ดูไม่ค่อยจะเหมาะสักเท่าไหร่”
เย่เชียนยิ้มและพูดว่า “ทุกคนล้วนมีคุณค่าในตัวเองและมีศักยภาพเฉพาะตน… บางทีพี่อาจจะเห็นว่าหวันชุนหัวนั้นไร้สาระเกินไปหน่อย แต่เขาก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์ บางครั้งเขาอาจจะทำตัวตรง ๆ หรือหน้าด้านไปหน่อย แต่พี่ไม่ต้องกังวลเรื่องของเขาหรอก พี่เล่าให้ผมฟังเรื่อเกี่ยวกับพี่บ้างสิ”
“ฉันเหรอ ? ฉันจะไปมีอะไรให้เล่าล่ะ ?” ม่อหลงถามด้วยความประหลาดใจและงุนงง
“อืม… เกี่ยวกับสำนักม่อจื๊อไง ? มันเป็นยังไงบ้าง ?” เย่เชียนถาม
ม่อหลงส่ายหัวแล้วพูดว่า “มันผ่านมานานหลายปีแล้ว… ขนาดฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่า ยังมีสาวกม่อจื๊อหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า”
“แต่สาวกม่อจื๊อและสำนักม่อจื๊อนั้นมีมาหลายพันปีแล้วนะพี่ แล้วมันก็ไม่ได้หายไปไหน แสดงว่าพวกเขามีคุณค่าในวิถีชีวิตและการดำรงอยู่ของตนเอง… มันเป็นเพียงแค่เรื่องของกาลเวลาเท่านั้น”
“บอส… คืนนี้ที่บาร์มนต์เสน่ห์น่ะ มันจะมีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ ?” ม่อหลงถาม
เย่เชียนยักหน้าและตอบเบา ๆ ว่า “ผมมีน้องชายอยู่คนนึง… เขาถูกพวกมาเฟียของแก๊งชิงทำร้ายและถึงกับแย่งเขตปกครองของเขาไป ผมก็เลยจะไปที่นั่นเพื่อทวงความยุติธรรมคืนให้กับเขาสักหน่อย”
“แค่นั้นจริง ๆ เหรอ ?” ม่อหลงพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
เย่เชียนไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแต่ฉีกยิ้มกลับ
ความเป็นจริงแล้วถึงแม้ว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับหวังหู่ แต่เย่เชียนก็ต้องการที่จะไปตรวจสอบอยู่แล้วว่าแก๊งชิงในเครือชิงกรุ๊ปและหงเหมินกรุ๊ปจะตอบสนองอย่างไรกันบ้าง เพราะมันจะช่วยให้เย่เชียนกำหนดแผนในอนาคตได้
ทว่าม่อหลงนั้นเป็นสมาชิกของกล่มเขี้ยวหมาป่าที่ติดตามเย่เชียนมานานมากแล้วคนหนึ่ง ดังนั้นในช่วงเวลาที่เย่เชียนพูดถึงเรื่องนี้เมื่อสักครู่ เขาก็รู้ว่าสถานการณ์ต่าง ๆ มันคงจะไม่ง่ายอย่างนั้น
หลังจากคุยกันเสร็จ เย่เชียนและม่อหลงก็เดินออกจากสโมสรเจิดจรัสไป


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน