เมื่อชิงเฟิงเห็นเย่เชียนเดินเข้ามา เขาก็รีบวิ่งไปหาพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
“บอส! บอสมาแล้ว” ชิงเฟิงพูด
เย่เชียนจ้องมองเขาแล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า “อ้าว… นี่นายไม่ได้อยู่ในเมียนมาร์หรอกเหรอ ? ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ?”
“ผมเพิ่งมาถึงเมื่อคืนนี้เอง บอสก็รู้หนิว่าต่อให้ผมอยู่ที่นั่น ผมก็ช่วยอะไรมากไม่ค่อยได้ สู้ให้ผมมาช่วยงานอยู่ที่นี่น่าจะดีและเหมาะสมมากกว่า ฮ่า ๆ ๆ ” ชิงเฟิงหัวเราะและพูดต่อ “อีกอย่าง… แจ็คโทรมาบอกผมว่าเขาขาดกำลังคนอยู่ เขาต้องการความช่วยเหลือด้านการฝึกซ้อมประจำวันน่ะ ผมก็เลยมานี่แหละ ว่าแต่บอสคงจะไม่ใจร้ายไล่ผมกลับไปหรอกใช่มั้ย ?”
เย่เชียนส่ายหัว จากนั้นก็พูดว่า “เอาเถอะ ถึงยังไงนายก็มาอยู่ที่นี่แล้วนี่นะ”
ชิงเฟิงยิ้มกว้างและพูดด้วยความดีใจว่า “ต้องอย่างนี้สิบอสผม! ผมรู้ว่าบอสผมเนี่ยมีเหตุผลที่สุดแล้ว มามะ… ขอผมจูบเป็นการขอบคุณหน่อย!” ไม่เพียงพูดเปล่า แต่ชิงเฟิงยังขยับเข้าไปใกล้เย่เชียนและทำท่าเหมือนกับว่าเขานั้นกำลังจะจูบแก้มของเย่เชียนจริง ๆ
เย่เชียนเอามือผลักหน้าของชิงเฟิงต้านเอาไว้แทบไม่ทัน เขาพูดว่า “ไอ้บ้า! นี่ฉันไม่ใช่เกย์นะเว้ย แจ็คอยู่ไหน ? ฉันมีธุระต้องคุยกับเขา”
ชิงเฟิงหัวเราะอย่างมีความสุขและพูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ ทุกคนอยู่ข้างในกันหมดแล้วบอส มา… เดี๋ยวผมพาไป”
พูดจบชิงเฟิงก็เดินนำเย่เชียนเข้าไปข้างใน เมื่อพวกเขาเดินผ่านนักเรียนทหารฝึกอบรม ชิงเฟิงก็กวาดสายตามองดูพวกเขาและพูดอย่างดุดันว่า “นักเรียนทุกคน! ฝึกท่าทางของทหารเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ปฏิบัติ!”
นักเรียนทหารฝึกอบรมต่างกระตือรือร้นในการฝึกอย่างมาก แม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาเย็นมากแล้ว แต่แสงอาทิตย์ก็ยังคงแผดเผาใบหน้าของเหล่านักเรียนทหารพวกนั้นอย่างร้อนแรง หน้าผากของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อชุ่ม ทว่าไม่มีนักเรียนทหารคนใดปริบากบ่นกันสักคำ แม้แต่ท่าทีไม่สบอารมณ์ใด ๆ ก็ไม่มีให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
เย่เชียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและเดินเข้าไปข้างใน “เป็นยังไงบ้าง ? นายเห็นนักเรียนทหารคนไหนดูท่าจะมีแววบ้างหรือยัง ?”
“ผมเพิ่งจะเริ่มฝึกพวกเขาวันนี้เองบอส มันยังบอกไม่ได้หรอก” ชิงเฟิงตอบและพูดต่อ “ต่อให้ตอนนี้พวกเขาจะยังไม่ได้เรื่องก็เถอะ แต่ผมสามารถเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นสมบัติอันล้ำค่าและฝึกฝนพวกเขาให้เป็นพลังที่ดีของพวกเราได้!”
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างยินดี เพราะความมั่นใจของเด็กคนนี้นั้นไม่ธรรมดาเลย ถึงแม้ว่าชิงเฟิงจะเป็นคนที่โอ้อวดและขี้โม้เกินจริง หรือบางครั้งจะดูเหมือนเด็กที่ยังไม่โตอยู่บ้าง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสถานการณ์ที่ร้ายแรงและคับขัน เขาก็ไม่ประมาทเลยแม้แต่น้อย ทำให้เย่เชียนมีความเชื่อมั่นในตัวของชิงเฟิงอย่างมาก
ภายในออฟฟิศส่วนกลางนั้นมีแจ็ค ม่อหลงและอู๋หวนเฟิงนั่งอยู่ข้างในโดยมีสำรับชุดน้ำชากงฟู่ตั้งอยู่ตรงหน้าพวกเขา ชาในถ้วยยังคงมีควันสีขาวลอยอยู่เหนือถ้วย แสดงให้เห็นว่าถ้วยชาพวกนั้นยังร้อนอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นเย่เชียนเดินเข้ามา พวกเขาทั้งสามคนก็รีบลุกขึ้นและทักทายพร้อมกันว่า “บอส!”
เย่เชียนพยักหน้าเบา ๆ และนั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็พูดว่า “ทุกคนนั่งลงก่อน แจ็ค! นายทำงานหนักมาก แถมยังต้องคอยดูแลจัดการเกี่ยวกับทุกอย่างที่นี่ให้ฉันอีก”
“เรื่องเล็กหน่าบอส นี่มันงานผมอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาเลย” แจ็คพูด
เย่เชียนพยักหน้าให้แจ็คอย่างขอบคุณและหันไปหาอู๋หวนเฟิง เขาถามด้วยความประหลาดใจว่า “หวนเฟิง! นายไม่ได้อยู่กับพี่หลันหลันหรอกเหรอ ? ถึงตอนนี้เซี่ยงไฮ้จะดูเหมือนผิวน้ำที่สงบก็จริง แต่ภายใต้ผิวน้ำนี้มีคลื่นลูกใหญ่ที่กำลังพลุ่งพล่านซ่อนอยู่นะ นายจะประมาทไม่ได้ นายต้องคุ้มกันพี่หลันหลันสิ!”
“พี่หลันหลันไปที่สำนักงานตั้งแต่เช้าแล้ว เธอบอกผมว่าเธอจะอยู่ที่นั่นทั้งวัน เธอก็เลยอนุญาตให้ผมออกมาได้ ผมคิดว่าเธอคงจะไม่มีปัญหาอะไรที่สำนักงานของเราหรอก ผมก็เลยมาดูรอบ ๆ ที่นี่น่ะ” อู๋หวนเฟิงพูด
เย่เชียนรู้ว่าอู๋หวนเฟิงนั้นจริงใจและภักดีต่อกลุ่มเขี้ยวหมาป่ามาก เขาจึงไม่ได้ตำหนิติเตียนอะไรชิงเฟิง อันที่จริงเย่เชียนนั้นถามไปโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง เพราะเขาเป็นห่วงซ่งหลันมากเกินไป ทว่าเมื่อตระหนักดูแล้วมันก็แทบจะไม่มีใครที่สามารถมาทำร้ายซ่งหลันได้เลย ต่อให้ไม่มีอู๋หวนเฟิงอยู่คุ้มกัน แต่ซ่งหลันก็เคยเป็นถึงนักฆ่ามือหนึ่งขององค์กรดาร์คลิลลี่แม้ว่าเธออาจจะไม่ได้ใช้ทักษะของเธอมานานหลายปีแล้ว แต่ถึงยังไงพญามังกรก็ยังเป็นพญามังกรอยู่วันยังค่ำ
“มีข่าวความเคลื่อนไหวของแก๊งชิงบ้างมั้ย ?” เย่เชียนถาม



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน