ด้านนอกของตัวบ้านมีรถหรูหลายคันจอดอยู่และภายในบ้านก็เปิดไฟเอาไว้สว่างจ้า แต่ทว่าเงียบอย่างกับเป่าสาก เย่เชียนหายใจเข้าลึก ๆ สองสามทีแล้วจึงค่อย ๆ ย่องเข้าไปข้างใน
เย่เชียนหยุดอยู่ที่หน้าประตู เขาตั้งสมาธิเพื่อฟังเสียงต่าง ๆ ที่อาจจะกำลังเคลื่อนไหวอยู่ข้างใน ซึ่งเขาสามารถสัมผัสได้ว่าข้างในบ้านนั้นมีเสียงลมหายใจอยู่มากมาย สำหรับเย่เชียนที่เคยต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้นองเลือดมามากมาย อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในสถานการณ์ที่ต้องเข้าช่วยเหลือตัวประกันอยู่หลายครั้งและหลายรูปแบบ ทำให้เขาสามารถรู้ได้ว่ามีคนอยู่กี่คนตามเสียงลมหายใจที่เขาสัมผัสได้ เห็นได้ชัดว่าภายในนั้นไม่ได้มีแค่ฉินหยู จ้าวหยาและหูวเค่ออย่างที่ควรจะเป็น
เย่เชียนค่อย ๆ เปิดประตูบ้านออก ทันใดนั้นเองก็มีชายชุดดำปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเย่เชียน เขาไม่ลังเลใด ๆ ในการใช้มีดหมาป่าสีเลือดที่กำลังเปล่งประกายสีแดงฉานอยู่ในมือของเขาแนบไปที่ลำคอของชายชุดดำคนนั้นในชั่วพริบตา ส่วนชายชุดดำนั้นก็ดูเหมือนกับว่าจะมีไหวพริบที่ดีมากเช่นเดียวกัน เขาเอื้อมมือไปหยิบปืนที่เอวของเขา แต่ทว่าเย่เชียนนั้นเร็วกว่า เย่เชียนฉวยปืนออกมาจากเอวของชายชุดดำคนนั้น จากนั้นก็จ่อปากกระบอกปืนไปที่หน้าผากของชายชุดดำอีกคนหนึ่งที่อยู่ถัดไปข้าง ๆ เขา ซึ่งการเคลื่อนไหวของเย่เชียนทั้งหมดนั้นพลิ้วไหวและสมบูรณ์แบบอย่างมาก ทำให้ชายชุดดำทั้งสองคนไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เคลื่อนไหวใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
แปะ! แปะ! แปะ!
เสียงปรบมือปริศนาดังมาจากในบ้าน ทันใดนั้นก็มีเสียงของชายวัยกลางคนดังเข้ามายังหูของเย่เชียน
“ดี! ดีมาก…! ฉันฉินเทียน! ฉันเห็นแล้วว่าคุณมีค่าที่คู่ควรแก่การที่ลูกสาวของฉันสนใจคุณ! ฝีมือของคุณไม่ธรรมดาเลย”
เย่เชียนกัดฟันแน่นและหันไปมองข้างใน เขาเห็นชายวัยกลางคนกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ซึ่งรอบตัวของเขานั้นมีออร่าบารมีที่ยิ่งใหญ่และเปล่งประกายอย่างมาก เย่เชียนรู้สึกว่าคำนี้ช่างเหมาะสมกับชายวัยกลางคนผู้นี้อย่างจริงแท้ ขณะเดียวกันนี้เองที่ชายวัยกลางคนก็จ้องมองมาที่เย่เชียนด้วยสายตาชื่นชม เห็นได้ชัดว่าเขาคนนี้เป็นคนที่พูดออกมาก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
ทางด้านฉินหยู จ้าวหยาและหูวเค่อนั้นก็กำลังนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง ใบหน้าของพวกเธอเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ ดูเหมือนว่าพวกเธอจะหวาดกลัวการกระทำของเย่เชียนอย่างมาก ซึ่งตอนนี้เย่เชียนนั้นรู้ตัวแล้วว่าตัวเองเข้าใจผิดไป เพราะตอนที่เขากำลังเปิดประตูเข้ามา เขาสังเกตเห็นว่าฉินหยูนั้นนั่งอยู่ข้าง ๆ ชายวัยกลางคน แต่มันก็เหมือนกับศรธนูที่ได้ถูกปล่อยออกจากคันธนูไปแล้ว แต่ ณ วินาทีนั้นเย่เชียนไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บวกกับบรรยากาศที่ดูตึงเครียดผิดปกติ เขาจึงตัดสินใจที่จะจัดการกับชายชุดดำสองคนก่อน
“เย่เชียน! เธอเข้าใจผิดแล้ว!” ในที่สุดฉินหยูก็ตั้งสติได้และพูดอย่างเร่งรีบ
เย่เชียนวาดสายตามองไปทั่วทั้งห้องแล้วจึงดึงมีดของเขากลับมาจากลำคอของชายชุดดำ เขายิ้มอย่างเยือกเย็นให้ทุกคนในห้องขณะที่คืนปืนให้ชายชุดดำไป ทว่าชายชุดดำทั้งสองดูท่าจะไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ พวกเขาจ้องมองไปที่เย่เชียนด้วยความโกรธเกรี้ยว
“พวกนายยังขายหน้าไม่พออีกเหรอ ? ออกไป!” ชายวัยกลางคนตะโกนไล่ชายชุดดำทั้งสอง จากนั้นทั้งคู่ก็ก้มหน้าลงด้วยความอับอายและเดินออกไปยืนเฝ้าอยู่นอกประตูบ้าน
เย่เชียนค่อย ๆ เดินไปนั่งลงตรงข้ามกับชายวัยกลางคน จู่ ๆ ก็มีเสียงที่ดูตื่นเต้นของจ้าวหยาดังแทรกขึ้นมาในอากาศ “ว้าว! เย่เชียน นายเจ๋งมาก! บอกฉันหน่อยซิว่าก่อนหน้านี้นายถืออะไรอยู่น่ะ ? มันแดงโร่แสบตาฉันไปหมด ดูเหมือนจะเป็นมีด แต่ก็ไม่น่าใช่… เพราะฉันไม่เคยเห็นมีดสีแดงขนาดนั้นมาก่อนเลย”
เย่เชียนจ้องมองไปที่จ้าวหยาอย่างหมดหนทางและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาหันไปมองฉินหยูอย่างคาดหวังเหมือนกับว่ากำลังรอให้ฉินหยูแนะนำเขา
“เย่เชียน… เขาคือพ่อของฉันเอง” ฉินหยูเข้าใจความหมายของสายตานั้นของเย่เชียนได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เย่เชียนผงะไปชั่วขณะ เขาไม่คาดคิดว่าชายวัยกลางคนผู้นี้จะเป็นพ่อของฉินหยู ผู้ที่ซึ่งเป็นถึงผู้นำของหงเหมินกรุ๊ป! และเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกแล้วที่ชายผู้นี้จะมีออร่าเปล่งประกายอยู่รอบ ๆ ตัว ดูเหมือนว่าวันนี้ฉินเทียนจะไม่ได้มาที่นี่เพียงเพื่อเยี่ยมเยือนลูกสาวของเขาเป็นแน่ แต่เพื่อมาเผชิญหน้ากับเย่เชียนโดยตรง จากนั้นเย่เชียนก็ค่อย ๆ หันหน้าไปมองฉินเทียน



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน