เย่เชียนนั้นไม่ได้โง่พอที่จะคิดว่า การที่ฉินเทียนมาที่นี่ในวันนี้นั้นมาเพื่อที่จะสานสัมพันธ์กับเขา หรือจะมาชื่นชมเขาอย่างแท้จริง เย่เชียนรู้ดีว่าคนอย่างฉินเทียนที่เป็นถึงผู้นำสูงสุดของหงเหมินกรุ๊ปนั้นจะไม่ตัดสินใจเรื่องแบบนี้โดยอาศัยเพียงจิตวิญญาณและสัญชาตญาณเท่านั้น ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วฉินเทียนต้องการอะไรหรือมีจุดประสงค์แบบไหน แต่เขาก็เชื่อว่ามันคงจะไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ที่คลุมเครือของเย่เชียนกับฉินหยูผู้เป็นลูกสาวของเขาอย่างแน่นอน
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับ” เย่เชียนพูด
ฉินเทียนยิ้มอย่างอ่อนโยนและหันไปมองฉินหยู จ้าวหยาและหูวเค่อ จากนั้นก็พูดว่า “พวกหนูไม่อยากไปพักผ่อนกันหรือยังไง ?” เห็นได้ชัดว่าฉินเทียนกำลังหมายความว่าให้พวกเธอไปจากตรงนี้ เพื่อที่เขาจะได้คุยกับเย่เชียนเป็นการส่วนตัว หูวเค่อและจ้าวหยาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดว่า “ลุงฉิน… งั้นพวกเราขอตัวขึ้นไปชั้นบนก่อนนะคะ”
“ตามสบาย” ฉินเทียนพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็มองไปที่ฉินหยูอย่างคลุมเครือแล้วจึงพูดว่า “หืม ? ลูกกลัวว่าพ่อจะกลั่นแกล้งพ่อหนุ่มคนนี้งั้นหรือ ? ไม่ต้องกังวล เราแค่จะคุยกันเท่านั้นเอง”
ฉินหยูจ้องมองเย่เชียนอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเธอก็ตัดสินใจเดินขึ้นไปชั้นบน สีหน้าของฉินหยูก่อนที่เธอจะขึ้นไปนั้นดูคลุมเครืออย่างมาก ทำให้เย่เชียนรู้สึกสับสนและว้าวุ่นเล็กน้อยราวกับว่าเธอกำลังบอกให้เย่เชียนทำตัวดี ๆ และอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ อย่าโอ้อวดหรือหยิ่งผยองมากเกินไปให้เหมือนอย่างลูกเขยที่ดีนั่งคุยกับพ่อตา
เมื่อเห็นฉินหยูเดินขึ้นไปชั้นบนแล้ว ฉินเทียนก็หันหน้ามาหาเย่เชียนแล้วหัวเราะเบา ๆ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า “เฮ้อ… เด็กน้อยหนอเด็กน้อย! กำลังจะมีครอบครัวเป็นของตัวเองอีกครอบครัวแล้วสินะ” ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เขาก็เหลือบมองเย่เชียนและยิ้มให้เขาอย่างครุมเครือ
เย่เชียนชะงักไปชั่วขณะและฝืนยิ้มอย่างหมดหนทาง ฉินเทียนคนนี้นั้นอ่านยากมาก ในตอนแรกเขาทำตัวโอ่อ่าและแข็งแกร่งอย่างมากราวกับว่าเขาต้องการใช้พลังและอำนาจที่เขามีเพื่อกดดันเย่เชียน ทว่าในตอนนี้เขากลับดูมีอารมณ์สุนทรีย์และมีความสุข บางทีเขาอาจจะเป็นผู้ใหญ่คนนึงที่อบอุ่นก็เป็นได้
เย่เชียนคิดว่าฉินเทียนนั้นไม่ได้คาดหวังให้เย่เชียนตอบอะไรกลับไป เย่เชียนจึงเพียงยิ้มเล็กน้อยและนิ่งเงียบไป
ฉินเทียนหยิบกล่องซิการ์ออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้เย่เชียนพร้อมกับถามว่า “หลานชายเย่… สูบบุหรี่มั้ย ?”
เย่เชียนยื่นมือไปหยิบซิการ์ออกมาจากกล่องพร้อมกับพูดว่า “ปกติแล้วผมจะสูบแค่บุหรี่ ผมไม่เคยสูบซิการ์เลยครับ… แต่ผมจะลองดูครับ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาคีบซิการ์ใส่ปาก
“มันเป็นเรื่องดีที่วัยรุ่นจะลองทำสิ่งใหม่ ๆ ดูบ้าง” ฉินเทียนพูดขณะที่เขาจุดซิการ์ เมื่อจุดเสร็จเขาก็วางไฟแช็กลงบนโต๊ะ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มีความตั้งใจที่จะจุดซิการ์ให้เย่เชียน อีกทั้งไม่ได้ยื่นไฟแช็กให้แก่เขาด้วย เขาเพียงพูดว่า “แต่มันก็มีอยู่หลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องชั่งใจเอาไว้ก่อน… และหาข้อดีข้อเสียและจุดแข็งจุดอ่อนของมันเสียเพื่อที่จะได้ไม่เดือดร้อนภายหลัง”
แน่นอนว่าเย่เชียนเองก็ไม่ได้คาดหวังให้ฉินเทียนจุดไฟให้เขา เพราะฉินเทียนเป็นถึงผู้นำสูงสุดของหงเหมินกรุ๊ป ทั้งตำแหน่งและศักดิ์ศรีของเขานั้นอยู่ในจุดที่สูงมาก ดังนั้นเย่เชียนจึงคิดว่าเขานั้นไม่สมควรที่จะให้ฉินเทียนจุดซิการ์ให้
เย่เชียนเอื้อมมือไปหยิบไฟแช็กบนโต๊ะขึ้นมาดูและพูดว่า “จิวองชี่… ถูกก่อตั้งขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ยี่สิบและเป็นแบรนด์ที่บ่งบอกถึงคุณลักษณะและนิสัยและอารมณ์ของบุคคลได้อย่างแท้จริง มันเหมาะกับลุงฉินจริง ๆ ครับ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาจุดซิการ์ที่เขาใช้ปากคาบเอาไว้อยู่
เมื่อจุดเสร็จเย่เชียนก็วางไฟแช็กลงบนโต๊ะดังเดิม เขาสูบซิการ์อย่างช้า ๆ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ข้อได้เปรียบที่สุดของคนรุ่นหนุ่มสาวก็คือความเยาว์วัย เพราะงั้นพวกเขาจึงมีเวลาเหลือเฟือและก็ไม่ต้องกังวลไปกับความล้มเหลว พวกเขาสามารถที่จะกล้าลองทุกสิ่งทุกอย่างจนกว่าจะสำเร็จ ถ้าหากพวกเขายังคงคอยชั่งน้ำหนักหาข้อดีและข้อเสียอยู่ แต่กลับไม่ได้ลงมือทำล่ะก็ สุดท้ายแล้วคนหนุ่มสาวเหล่านั้นก็จะสูญเสียแรงผลักดันและเป้าหมายของพวกเขาไป รวมไปถึงเจตจำนงแห่งไฟในตัวของพวกเขาอีกด้วย”
ฉินเทียนค่อย ๆ เอนหลังลงบนโซฟาและพูดว่า “แต่ถ้าเจตจำนงเหล่านั้นมันเต็มไปด้วยความเลือดร้อนและทำสุ่มสี่สุ่มห้า หรือพยายามในสิ่งที่ไม่ควรพยายาม นั่นมันก็คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย… ฉันว่าหนุ่มสาวสมัยนี้ไม่ค่อยมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่กันมากนัก”
เย่เชียนยิ้มและถามขึ้นว่า “ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลุงฉินในวัยเด็กคืออะไรงั้นหรือครับ ?”
ฉินเทียนตกตะลึงไปชั่วครู่ เขาเข้าใจความหมายของเย่เชียนเป็นอย่างดี เขาสะบัดเถ้าซิกการ์ในมือจากนั้นก็พูดว่า “คนทุกคนล้วนมีความฝันที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา… ตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันก็แค่ต้องการมีเสื้อผ้าและสิ่งของเครื่องใช้ใหม่ ๆ เอาไว้ใช้ในปีถัด ๆ ไป… ฉันโตขึ้นหน่อย ฉันก็อยากที่จะตั้งใจเรียนให้ดีและสอบให้ผ่าน ได้เข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ จากนั้นก็หางานดี ๆ สักอย่างทำ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะบรรลุความฝันเหล่านี้ได้ แต่ตราบใดที่เราเติมเต็มความฝันของเราได้ มันก็จะเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับอนาคตของเรา แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน