บอดี้การ์ดทั้งสองขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหนึ่งในสองคนก็พูดขึ้นมาว่า “ผมต้องขอโทษด้วย… แต่พวกเรารับเงินของคุณมาเพื่อที่จะปกป้องและคุ้มกันคุณเพียงเท่านั้น ไม่ใช่มาเพื่อใช้กำลังเหมือนเป็นอันธพาลของคุณ”
“หือ! แกคิดว่าแกเป็นใครกันน่ะ การใช้กำลังเหมือนอันธพาลมันคือหน้าที่ของพวกแกไม่ใช่รึไง” หญิงวัยกลางคนพูดอย่างเหยียดหยามต่อ “จะให้ฉันพูดมั้ยว่ายังมีคนอีกตั้งมากมายที่อยากจะมาทำหน้าที่นี้แทนพวกแกน่ะหา”
“ถึงแม้ว่าพวกเราจะยากจน แต่ขอล่ะ… อย่ามาดูถูกพวกเราแบบนี้เลย เพราะพวกเราก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน” บอดี้การ์ดคนนั้นพูด
“ศักดิ์ศรีเหรอ ? แกยังมีศักดิ์ศรีอยู่อีกเหรอ ? ต้องให้ฉันบอกพวกแกมั้ยว่าบนโลกนี้น่ะ ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้ย่ะ มีศักดิ์ศรีแล้วไงถ้าไม่มีเงิน? ถ้ามีไม่มีเงินก็อย่ามาพูดถึงเรื่องศักดิ์ศรีเลยจะดีกว่า” หญิงวัยกลางคนพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“นังแม่มดเฒ่าเอ้ย! รู้มั้ยว่าพวกเราอดทนกับคุณมามากขนาดไหนน่ะ ไม่มีเงินแล้วไง ? ชีวิตเราก็ยังดิ้นรนได้ในวันข้างหน้าล่ะวะ!” บอดี้การ์ดอีกคนพูดขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
“นี่แก! แกกล้าเรียกฉันว่าแม่มดเฒ่างั้นเหรอ ?” หญิงวัยกลางคนตัวสั่นด้วยความตื่นตระหนก ไขมันบนร่างกายของเธอกระเพื่อมไปมาเป็นคลื่นเพราะแรงสั่นอันมหาศาลนั้น
“คุณคิดว่าคุณเป็นใคร ? อย่าคิดว่าแค่คุณมีเงินแล้วจะมาทำตัวยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าได้นะ พอกันทีผมลาออก!” หลังจากพูดแบบนี้แล้วบอดี้การ์ดคนนั้นก็เดินออกไปด้วยความโกรธ
“ผมก็ไม่อยากทำแล้วเหมือนกัน! ผมหมดความอดทนกับคุณแล้ว ถุย!” บอดี้การ์ดอีกคนพูดพร้อมกับถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างเย้ยหยัน จากนั้นก็หันหน้าหนีและเดินจากไปเช่นกัน
“นี่แก! พวกแก!!!” หญิงวัยกลางคนตัวสั่นด้วยความโกรธเกรี้ยวและพูดอย่างเดือดดาลว่า “ถ้าพวกแกไม่ทำ ฉันขอเตือนเลยนะว่าพวกแกจะไม่มีที่ยืนและไม่มีอนาคตในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้อีกต่อไป!”
เมื่อเห็นบอดี้การ์ดทั้งสองคนจากไป เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “อย่าคิดว่าคุณจะสูงส่งและยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าเหนือคนอื่นนะ คุณมันจอมโอหัง!” พูดจบเย่เชียนก็เดินไปหาหลินโรโร่วและพูดขึ้นว่า “เที่ยงแล้ว… เราไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“ได้สิ!” หลินโรโร่วพยักหน้าและตอบกลับ
เมื่อเย่เชียนและหลินโรโร่วกำลังจะเดินผ่านเซินหยวนไป เย่เชียนก็หยุดมองเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า “ดูเหมือนว่าสมองคุณนี่มันจะเลอะเลือนสินะ คุณคงลืมสิ่งที่ผมบอกคุณไปเมื่อวานนี้แล้วใช่มั้ย ?”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในออฟฟิศของเขาเมื่อวานนี้ เซินหยวนก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นและมองไปที่เย่เชียนด้วยความหวาดกลัว “จำเอาไว้ว่าอย่าให้ผมเห็นอะไรแบบนี้อีก!” เย่เชียนพูดอย่างเย็นชา
หลังจากพูดแบบนี้แล้วเย่เชียนกับหลินโรวโร่วก็กำลังจะเดินออกไป แต่ทว่าหญิงวัยกลางคนตะโกนไล่หลังมาว่า “นี่แก… แกจะเดินหนีไปแบบนี้น่ะเหรอ”
เย่เชียนหยุดเดินและหันไปมองหญิงวัยกลางคนแล้วถามว่า “อะไร… โดนตบไปขนาดนั้นยังไม่พอใจอีกเหรอ ?”
เมื่อสัมผัสกับดวงตาอันแหลมคมดุจดั่งใบมีดของเย่เชียนแล้ว หญิงวัยกลางคนก็ผงะและถอยกลับออกไปพร้อมกับความหวาดกลัวเกิดขึ้นในใจของเธอ แต่อย่างไรก็ตามการอาศัยอิทธิพลของเหว่ยตงเซียนผู้เป็นพี่ชายของเธอก็ทำให้เธอหยิ่งผยองและโอหังได้โดยตลอด ในสายตาเธอนั้นเหว่ยตงเซียนเป็นพี่ชายที่ดีและคนที่ดีที่สุดในโลกของเธอ
“แกจะหนีไปหลังจากที่ตบฉันแล้วเนี่ยนะ ?” หญิงวัยกลางคนพูด
มุมปากของเย่เชียนโค้งขึ้นเล็กน้อยจากนั้นก็พูดว่า “แล้วคุณหยุดผมได้มั้ยล่ะ ?”
“ถ้าแกเป็นลูกผู้ชายจริงก็อย่าหนีสิ” หญิงวัยกลางคนพูดเย้ยหยัน


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน