ตอนที่ 18 ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
เมื่อเย่เชียนเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย เขาก็เห็นของขวัญชิ้นใหญ่วางอยู่ข้างเตียง เขาตกตะลึงเกินกว่าที่จะพูดอะไรออกไปเมื่อเห็นเจิ้งต้าฟู ชายผู้ที่ทำร้ายร่างกายพ่อของเขามาเยี่ยมเยือนตามที่รับปากกับเขาไว้จริง ๆ และนอกจากนี้สีหน้าพ่อของเขาก็ดูเหมือนจะให้อภัยเจิ้งต้าฟูแล้ว
เจิ้งต้าฟูได้กล่าวคำขอโทษเพื่อขอขมาและชดเชยค่ารักษาพยาบาลให้พ่อของเขาแล้วเรียบร้อย
เย่เชียนไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล ถึงแม้ว่าเจิ้งต้าฟูจะทำผิดไป แต่สุดท้ายเขาก็ได้เรียนรู้ถึงการแก้ไขในสิ่งที่ตนทำผิดพลาดนั้น สำหรับเขาแล้ว การได้พบเจิ้งต้าฟูมันไม่มีอะไรมากไปกว่าการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพ่อของเขาเอง ส่วนเรื่องเงินค่ารักษาพยาบาล เขาไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อชายคนนี้ได้มาขอโทษอย่างจริงใจเพื่อยอมรับข้อผิดพลาดของตน เย่เชียนก็ยอมที่จะเลิกแล้วต่อกัน ยิ่งไปกว่านั้น พ่อของเขาก็เป็นคนร้องขอให้เย่เชียนเลิกแล้วต่อกันไปเสีย
เย่เชียนรู้ว่าพ่อเป็นห่วงว่าเขาจะก่อปัญหาอีก ดังนั้นเขาจึงสัญญากับพ่อและบอกพ่อว่าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
ที่โรงพยาบาล เย่เชียนกับพ่อพูดคุยกันไปตามประสาพ่อลูก เย่เชียนเอ่ยปากพูดถึงการหางานที่มั่นคงทำ เขาคิดว่าเขาต้องมีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง พ่อถึงจะรู้สึกโล่งใจ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงขอตัวลาพ่อเพื่อออกไปดูว่าเขาจะสามารถทำอะไรที่ไหนได้บ้าง
หลังจากที่เย่เชียนขับรถที่ยึดมาจากพวกนักเลงคราวก่อนออกจากโรงพยาบาลมาได้ไม่ไกลนัก เขาก็สังเกตเห็นกลุ่มคนจำนวนมากกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ข้างถนน เขาคุ้นหน้าบางคนในกลุ่มเพราะคนเหล่านี้เป็นกลุ่มนักเลงข้างถนนที่เขาจัดการไปเมื่อคราวก่อนนั่นเอง แตกต่างกันเพียงแค่ครั้งนี้พวกมันกลับมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ดู ๆ แล้วน่าจะมีอย่างน้อยสามสิบคนได้
เย่เชียนแสยะยิ้มชั่วร้ายเพราะมันเดาได้ไม่ยากเลยว่าคนเหล่านี้มาเพื่อที่จะแก้แค้นเขา
แน่นอนว่าเขาไม่รีรอ เปิดประตูรถและเดินออกไปข้างนอกทันทีโดยเดินเข้าไปหาคนพวกนั้นพร้อมกับพูดอย่างเฉยเมย
“นี่พวกแกเอาเงินมาให้แล้วเหรอวะ ? เร็วกว่าที่คิดไว้อีกนะ!”
หลี่ตงผู้เป็นหัวโจกของแก๊งจ้องมองมายังเย่เชียนอย่างเคียดแค้น เขาชี้หน้าเย่เชียนแล้วตะคอกเสียงดัง
“เล่นมันให้ตายยยยยยยยยย!!!”
เย่เชียนยิ้มมุมปาก เขาคิดอยู่แล้วเชียวว่าพวกคนเหล่านี้จะต้องเป็นพวกโง่เง่าเต่าตุ่นและเป็นคนประเภท ‘ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา’
ในขณะที่พวกมันพากันโบกควงทั้งท่อเหล็กและมีดสปาต้าอย่างเกรี้ยวกราดนั้น เย่เชียนส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย เพื่อยุติเหตุการณ์ไร้สาระกับคนเหล่านี้ ดูเหมือนว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการใช้ความรุนแรงเพื่อลดความรุนแรง
เย่เชียนไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวที่จะต่อสู้กับพวกเขาทั้งหมดพร้อมกันในครั้งเดียว เขาจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อยขณะพุ่งเข้าใส่พวกมันแล้วหมุนเตะต้อนรับพวกมันอย่างแคล่วคล่องว่องไว
หลี่ตงตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเย่เชียนไม่มีความเกรงกลัวต่อเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ต้องตกตะลึงมากกว่าเดิมที่เย่เชียนเป็นคนเริ่มเปิดฉากกับพวกเขาก่อน เขาได้แต่คิดในใจว่าไอ้หนุ่มคนนี้มันช่างไม่กลัวตายเอาเสียเลย
แน่ล่ะ… เวลาทั้งชีวิตของเย่เชียนที่ได้อยู่ท่ามกลางเหล่าทหารรับจ้าง มันได้หล่อหลอมให้เขาไม่กลัวความตายจริง ๆ ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากความคิดของหลี่ตง ต่อให้เย่เชียนต้องเผชิญหน้ากับเหล่านักเลงจำนวนกว่าสามสิบคนก็เถอะ เขาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อยเพราะทักษะของเขานั้นเป็นที่หนึ่งในหน่วยรบเขี้ยวหมาป่า ซึ่งสังกัดกองกำลังพิเศษของประเทศแถบขั้วโลกเหนือ ขนาดทหารผ่านศึกผู้มากความสามารถ เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เชียนก็ยังไม่สามารถที่จะรับมือกับเขาได้เลย นับประสาอะไรกับนักเลงข้างถนนเหล่านี้ที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝนมาอย่างเป็นทางการ บทสรุปจะเป็นเช่นไรก็คงเดาได้ไม่ยาก
เย่เชียนในตอนนี้เป็นเหมือนหมาป่าที่ดุร้าย เขาย่อตัวลงและกระโดดออกไปกำจัดพวกนั้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว มีเพียงเสียงที่โหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังระงมเพราะใครก็ตามที่อยู่ใกล้เย่เชียน ทั้งกระดูกแขนหรือแม้แต่กระดูกซี่โครงก็แตกร้าวราวกับขนมถุงก๊อบแก๊บด้วยทักษะการต่อสู้ที่เย่เชียนฝึกฝนมามากมายหลายแขนงนี้
ไม่นานนักพวกนักเลงข้างถนนทั้งหมดก็ทรุดตัวลงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้ตอบโต้กลับเพียงสักครั้ง หลี่ตงในเวลานี้เข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมเย่เชียนจึงสงบและเยือกเย็นอยู่ได้ เมื่อเขาได้เห็นลูกน้องมากมายนอนกองอยู่กับพื้น เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาประเมินชายคนนี้ต่ำไปมาก เย่เชียนคนนี้จะต้องมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาแน่ ๆ เพราะขนาดเขาต้องรับมือกับคนจำนวนมากกว่าสามสิบคนก็ไม่ทำให้เขารู้สึกท้าทายอะไรเลย
แค่อึดใจเดียวพวกนักเลงที่ถูกเรียกมาโดยหลี่ตงก็ลงไปนอนตะเกียกตะกายอยู่กับพื้นโดยเย่เชียนทีละคน ๆ ซึ่งแต่ละคนนอนโอดครวญอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวด
เย่เชียนยิ้มเย้ยหยันและหยิบมีดสปาต้าออกจากมือของชายคนหนึ่งที่สลบเหมือดไปแล้ว จากนั้นเขาก็เดินตรงเข้าไปหาหลี่ตงอย่างช้า ๆ
‘ปีศาจ!’ ในความคิดของหลี่ตง เขาไม่สามารถสรรหาคำใด ๆ มาเปรียบเทียบกับคนอย่างเย่เชียนได้นอกจากคำว่าปีศาจ เขาคิดไม่ออกเลยว่าในโลกนี้มันจะมีอะไรนอกเหนือจากคำนี้ คำที่สามารถอธิบายถึงตัวตนของเย่เชียนได้อย่างชัดเจนที่สุด
เมื่อเห็นเย่เชียนก้าวเข้ามาใกล้เขาทีละก้าว ๆ หลี่ตงก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก ร่างกายของเขาขยับไปไหนไม่ได้ราวกับเป็นอัมพาต ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนดีอะไรแต่เขาก็ไม่ใช่คนเลวถึงขนาดที่จะต้องมาพบกับจุดจบเช่นนี้ เขาไม่ใช่มาเฟียจริง ๆ ด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่อาศัยอิทธิพลของพวกมาเฟียมาใช้ในการกลั่นแกล้งคนธรรมดาก็เท่านั้น…


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน