เป็นช่วงเวลาเช้าตรู่ที่ฉินเทียนและเย่เชียนได้เดินทางมาถึงเมืองหนานจิง พวกเขาไม่แม้แต่จะหยุดพักระหว่างทางเลย หลังจาที่ลงเครื่องพวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลหนานจิงอย่างเร่งรีบ
ถึงแม้ว่าเวลาการเข้าเยี่ยมผู้ป่วยจะเลยมานานแล้ว แต่เฉินฟู่เฉิงนั้นเป็นคนไข้พิเศษและทางโรงพยาบาลก็อนุมัติการเข้าเยี่ยมของฉินเทียนอย่างราบรื่น เฉินฟู่เฉิงดูไม่แปลกใจเลยเมื่อเขาเห็นฉินเทียนเดินเข้ามา เพราะถ้าฉินเทียนไม่มานั้นเขาจะประหลาดใจมากกว่า
ถึงแม้ว่าฉินเทียนจะรู้ว่าเฉินฟู่เฉิงกำลังกลับคืนสู่แสงสว่างและชีวิตของเขาก็กำลังจะสิ้นไป แต่ฉินเทียนกลับไม่แสดงความโศกเศร้าหรืออาลัยอาวรณ์อะไรมากนัก เพราะสำหรับผู้ชายแล้วความรู้สึกบางอย่างมันก็ควรที่จะเก็บอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ จะว่าไปแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉินฟู่เฉิงนั้นสามารถกล่าวได้ว่า มิตรภาพระหว่างสุภาพบุรุษทั้งสองนั้นเป็นเหมือนดั่งสายน้ำที่มั่นคง ทั้งสองคนสนิทกันมากและโดยปกติแล้วเฉินฟู่เฉิงจะไม่ชอบเห็นฉินเทียนเศร้าจนเกินไป เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาหวังว่าจะได้เห็นจากเพื่อนรักของเขา
มีพบก็ต้องมีจาก ผู้คนมักจะต้องจากไปเสมอเมื่อถึงเวลาอันควรถึงแม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม แต่สำหรับเฉินฟู่เฉิงที่ผ่านชีวิตมามากมายแล้วนั้น เขาไม่ได้ถึงแสดงโศกเศร้าหรือความเสียใจอะไรมากนัก
“พี่มาแล้วหรือ ?” เฉินฟู่เฉิงยิ้มเล็กน้อยและดิ้นรนที่จะลุกขึ้นจากเตียง
“อย่าลุกมา… ฉันมาแล้ว” ฉินเทียนนั้นไม่มีร่องรอยของประธานหงเหมินกรุ๊ปเลยในเวลานี้ เขาดูราวกับว่าเขาเป็นคุณลุงธรรมดา ๆ ผู้อ่อนโยนคนหนึ่ง
เฉินฟู่เฉิงยิ้มและไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่ฉินเทียนเดินไปช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นนั่ง ส่วนเย่เชียนเองก็รีบหยิบหมอนขึ้นมาอย่างสุภาพและวางตั้งไว้ที่ด้านหลังของเฉินฟู่เฉิง ด้วยเหตุผลบางอย่างอยู่ ๆ เย่เชียนก็มีความรู้สึกคุ้นเคยที่ไม่สามารถอธิบายไม่ได้เมื่อเขาเห็นเฉินฟู่เฉิง มันรู้สึกราวกับว่าพวกเขานั้นเคยพบเจอกันมาก่อนหน้านี้แล้ว
เฉินฟู่เฉิงหันหน้าไปมองเย่เชียนและยิ้ม จากนั้นก็พูดว่า “พ่อหนุ่มคนนี้คือใครกันน่ะ ?”
“ผมชื่อเย่เชียนครับ” เย่เชียนพูดด้วยความเคารพและสุภาพ แม้ว่าต่อหน้าฉินเทียนเย่เชียนจะไม่ได้ปฏิบัติกับเขาดีเช่นนี้ก็ตาม แต่ฉินเทียนก็ดูมีความสุขไปกับเขาด้วย ทว่าฉินเทียนก็อดไม่ได้ที่จะชะงักและนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หันหน้ามองไปที่เย่เชียนและเห็นได้ชัดว่าเย่เชียนนั้นดูประหลาดใจเล็กน้อยกับการแสดงของเขา แต่จากนั้นฉินเทียนก็พยักหน้าเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ
“โอ้… ดี… ดี!” เฉินฟู่เฉิงพยักหน้าและพูดเช่นนั้น ซึ่งเขาหมายถึงชื่อดีหรือคนดีนั้นก็ไม่มีใครทราบถึงความหมายของคำพูดนั้นได้
“เขาคือคนที่พี่กำลังมองหาอยู่น่ะหรือ ?” เฉินฟู่เฉิงหันไปถามฉินเทียน
เย่เชียนหันไปมองที่ฉินเทียนด้วยความประหลาดใจและไม่เข้าใจถึงความหมายของคำพูดของเฉินฟู่เฉิง ฉินเทียนเพียงแค่พยักหน้าและพูดว่า “นายกับฉันมีวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกันมาตลอด… นายจะคิดว่าเขาพอจะเป็นไปได้มั้ย ?”
เฉินฟู่เฉิงยิ้มและพูดว่า “ก็แค่เข้าใจความแตกต่างเฉย ๆ ฮ่า ๆ ๆ พี่ฉิน… พี่ออกไปข้างนอกสักครู่จะได้มั้ย ? ฉันอยากคุยอะไรกับพ่อหนุ่มคนนี้สักหน่อยน่ะ”
ฉินเทียนรู้ดีว่าชีวิตของเฉินฟู่กำลังจะจบลงในไม่ช้า และเฉินฟู่เฉิงก็ต้องอธิบายหลายสิ่งหลายอย่าง ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า และเดินไปหาเย่เชียนพร้อมกับตบไหล่เขาเบา ๆ “คุยกันไปตามสบายนะ” หลังจากพูดแบบนี้แล้วฉินเทียนก็หันหลังเดินออกไปจากห้อง
เย่เชียนนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ตั้งแต่ตอนแรกที่เขาขึ้นเครื่องบินนั้น เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมฉินเทียนถึงดูเป็นกังวลอย่างมาก จนกระทั่งเขาได้รู้ว่าเฉินฟู่เฉิงนั้นกำลังจะตายในอีกไม่ช้านี้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเขาได้ยินการสนทนาระหว่างเฉินฟู่เฉิงและฉินเทียนเมื่อครู่นี้ เย่เชียนก็ไม่สามารถแม้แต่จะเข้าใจได้ว่าพวกเขาทั้งสองนั้นกำลังพูดถึงอะไรกันอยู่และมันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
“เธอเล่นหมากรุกเป็นมั้ย ?” เฉินฟู่เฉิงชำเลืองมองเย่เชียนและถามด้วยรอยยิ้ม

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน