วันรุ่งขึ้นเหล่าผู้บริหารอุตสาหกรรมของเฉินฟู่เฉิงทั้งหมดก็ได้ประกาศให้การสนับสนุนเย่เชียนต่อสาธารณะชนอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกันคนหนุ่มสาวในเมืองหนานจิงต่างก็พูดคุยกันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับพลังอันยิ่งใหญ่ของคนรุ่นใหม่อย่างเย่เชียนที่เขานั้นได้ช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีและขับเคลื่อนพลังของคนรุ่นใหม่ในเมืองหนานจิง
เย่เชียนในตอนนี้นั้นถูกผลักดันให้กลายเป็นดั่งวีรบุรุษแห่งยุคใหม่ที่มีจิตวิญญาณอันโชติช่วง
ทว่าเย่เชียนกลับไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าในเวลานี้เขาได้กลายเป็นบุคคลตัวอย่างในดวงใจของคนหนุ่มสาวยุคใหม่ทุกคนไปแล้ว เพราะขณะนี้เขากำลังนอนพักผ่อนอยู่ในโรงแรมและเพลิดเพลินไปกับความเงียบสงบที่ช่างหาได้ยากยิ่งสำหรับคนอย่างเขา
เฉินฟู่เฉิงนั้นมีเซฟเฮ้าส์หลายแห่งอยู่ในเมืองหนานจิง ซึ่งในมุมมองของเย่เชียน เขาคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันยังคงเป็นสมบัติของเฉินฟู่เฉิงอยู่ แม้แต่บริษัทที่อยู่ภายใต้การครอบครองของเย่เชียนนั้น เขาก็ไม่เคยคิดที่จะยึดมันเอาไว้เป็นของตัวเองเลย เขาแค่ยึดมั่นในคำสัญญาและตั้งใจจะทำตามสัญญาที่ว่าจะช่วยเฉินฟู่เฉิงปกป้องสิ่งเหล่านี้ให้เขา ยิ่งไปกว่านั้นเฉินฟู่เฉิงเองก็ยังคงมีภรรยาและลูกสาวของเขาอยู่ ตราบใดที่เย่เชียนพบพวกเขาแล้ว เย่เชียนก็ยินดีที่จะมอบทรัพย์สินและสมบัติเหล่านี้ให้กับพวกเขาทั้งหมด
ช่วงเวลาประมาณเที่ยงวัน เย่เชียนได้รับโทรศัพท์จากหยูซิงซึ่งโทรมาบอกว่าเฝิงเฝิงกำลังส่งคนมาที่หนานจิงแล้ว เย่เชียนจึงบอกให้หยูซิงไปพักผ่อนก่อน ถ้าพวกนั้นมาถึงก็ค่อยว่ากันทีหลัง หลังจากที่ลุกขึ้นไปอาบน้ำล้างตัวแล้ว เย่เชียนก็กำลังจะออกไปข้างนอก แต่แล้วจู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายทันทีโดยไม่ได้ดูเบอร์
“เฮ้! เย่เชียน! ฉันอยู่ที่สนามบินหนานจิงแล้วตอนนี้ นายมารับฉันหน่อยสิ” เสียงจ้าวหยานั่นเองที่ดังขึ้นมาผ่านหูโทรศัพท์
เย่เชียนตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เธอมาทำอะไรที่เมืองหนานจิงนี่ ?”
“แล้วทำไมฉันจะมาไม่ได้ล่ะ ? ที่นี่ไม่ใช่ที่ของนายคนเดียวสักหน่อย” จ้าวหยาพูดต่อ “อีกอย่างนายลืมไปแล้วหรือไงว่าตอนนี้มันเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนน่ะ ? ฉันก็เลยพาแม่ของฉันมาเที่ยวที่นี่”
เย่เชียนถอนหายใจพรืด จากนั้นก็พูดว่า “เธอนี่มันเลือกสถานที่ท่องเที่ยวได้ดีจริงจริ๊ง! ตอนนี้ที่นี่มันร้อนจะตายอยู่แล้ว มันเหมาะสำหรับมาเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิหรือไม่ก็ฤดูใบไม้ร่วงมากกว่า คิดจะมาเที่ยวที่นี่ตอนหน้าร้อนแบบนี้ เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ”
“นายพูดบ้าอะไรของนายน่ะหา ? ฉันเพิ่งจะมาถึงที่นี่แท้ ๆ ! รีบ ๆ มารับฉันเดี๋ยวนี้เลย อย่ามาโอ้เอ้…” จ้าวหยากำลังพูดอยู่ แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงอีกคนหนึ่งแทรกเข้ามาเบา ๆ แต่เย่เชียนจับใจความไม่ได้ว่าเธอพูดว่าอะไรกันแน่
เย่เชียนเดาว่าเจ้าของเสียงนั้นน่าจะเป็นแม่ของจ้าวหยา เขาจึงตัดสินใจตอบกลับไปว่า “ก็ได้ ๆ รอฉันอยู่ที่นั่นก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปรับ”
“นี่เราไม่ได้เจอหน้ากันตั้งนาน แต่นายกลับให้คนอื่นมารับฉันเนี่ยนะ ? ทำไมนายไม่มาด้วยตัวเองล่ะ ? ใช่ซี้…” จ้าวหยาพูดอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“ฉันมีธุระด่วนต้องไปจัดการน่ะ คงไปรับเธอด้วยตัวเองไม่ได้หรอก” เย่เชียนยืนกรานคำเดิม
“เชอะ! คนไม่จริงใจ” จ้าวหยาพูดแล้วบุ้ยปาก
“โธ่… เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับความจริงใจเลยนะ เธอเชื่อฉันเถอะหน่า เพราะฉันมีบางอย่างที่ต้องไปทำจริง ๆ อีกอย่างฉันเองก็จริงใจกับเธอมากด้วย” เย่เชียนพูดอย่างหมดหนทาง
“ก็ได้ ๆ ฉันจะยอมเชื่อนายอีกสักครั้งก็ได้” จ้าวหยาพูด “แต่หลังจากนี้นายต้องไปเที่ยวและไปดื่มกับฉันด้วยนะ”
“ได้เลยไม่มีปัญหา! ฉันจะไปเที่ยวกับเธอ ดื่มกินกับเธอ แล้วก็จะนอนกับเธอทั้งคืนเลยดีมั้ยล่ะ ?” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข
“อะแฮ่ม ๆ !” เสียงไอแห้ง ๆ ของหญิงวัยกลางคนดังผ่านทางโทรศัพท์เข้ามา เมื่อเป็นเช่นนั้นเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะเหงื่อตกและรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย เขาคิดว่าเธอคนนั้นจะต้องเป็นแม่ของจ้าวหยาอย่างแน่นอนและเธอก็คงจะได้ยินสิ่งที่เขาเพิ่งจะพูดออกไปเมื่อกี๊นี้


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน