บางครั้งการแก้ไขปัญหาบางอย่างมันก็จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการดำเนินการด้วย นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนยังคงไม่ตัดสินใจจัดการกับราชาแห่งขุนเขาเฝิงเฝิงในตอนนี้ เขาต้องการที่จะคอยดูพฤติกรรมของเฝิงเฝิงต่อไปอีกสักพักก่อน อีกอย่างหากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจัดการกับเฝิงเฝิงไปในทันที มันก็อาจจะทำให้มลฑลเจียงซูวุ่นวายได้
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นยังคงนึกถึงสิ่งที่ประเทศชาติต้องการมากที่สุด นั่นก็คือ ความมั่นของและเสถียรภาพ! และการกำจัดเฝิงเฝิงไปในตอนนี้นั้นมันก็ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสมเท่าใดนัก
ก่อนที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะเดินออกจากห้องประชุมไป เขากวาดสายตามองไปที่ทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งคนสุดท้ายที่เขาเหลือบมองคือเย่เชียน จากนั้นเข้าก็พูดว่า “มากับฉันซิ ฉันมีอะไรจะคุยด้วยหน่อย” เมื่อหวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดจบแล้ว เขาก็เดินออกไป ทิ้งไว้เพียงแต่บรรยากาศอันแสนอึดอัดอยู่เบื้องหลัง
เมื่อหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเดินออกจากห้องไปแล้ว ซูเชี้ยนจุนและจู้ซานก็เหลือบสายตามองไปที่เฝิงเฝิง พวกเขาเห็นใบหน้าของเฝิงเฝิงเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและหดหู่ ความหยิ่งผยองและรังสีออร่าของความยิ่งใหญ่ที่เขามีก่อนหน้านี้นั้นได้มลายหายไปจนหมดสิ้นแล้ว ทั้งซูเจี้ยนจุนและจู้ซานเองต่างก็คาดไม่ถึงเลยว่าคนอย่างเย่เชียนจะมีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ มันทำให้พวกเขาอดคิดไม่ได้ว่า นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปพวกเขานั้นอาจจะไม่มีที่ยืนในหนานจิงอีกแล้ว พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เชียนเลยแม้แต่นิด ไม่ต้องไปพูดถึงการสร้างปัญหาใด ๆ ในอนาคตเลย
เย่เชียนส่งยิ้มซุกซนทว่ากวนประสาทไปให้เฝิงเฝิงและคนอื่น ๆ ในห้องก่อนที่จะเดินตามหวงฟู่ชิงเตี๋ยนออกไป ถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นอาจจะไม่รู้สึกชอบใจหรืออะไร แต่พวกเขาจะทำอะไรได้ ? ในเมื่อหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นคอยสนับสนุนเย่เชียนอยู่ ? หรืออย่างน้อย ๆ พวกเขาก็คิดเช่นนั้น
ขณะที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนกำลังจะเดินออกไปจากสโมสรหมิงยู่อยู่นั้น เขาก็หันกลับไปมองเย่เชียนและพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู… มาดื่มชาด้วยกันสักหน่อยสิ”
“โธ่… ปู่! ผมไม่มีเวลาแล้ววันนี้น่ะ ผมมีธุระที่ต้องไปทำ” เย่เชียนปฏิเสธอย่างเป็นกังวล
“เอ็งไม่ต้องห่วงแฟนของเอ็งหรอกหน่า… ฉันส่งคนไปรับเธอให้แล้ว ป่านนี้เธอคงถึงที่โรงแรมแล้วมั้ง เอาไง ? ที่นี้เอ็งจะไปกับฉันได้รึยัง ?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดอย่างสบายอารมณ์
เย่เชียนพยักหน้าน้อย ๆ ด้วยความโล่งใจ จากนั้นก็ตอบหวงฟู่ชิงเตี๋ยนไปว่า “ก็ได้ ๆ งั้นผมไปด้วยก็ได้ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในฐานะราชาหมาป่าเย่เชียนนะ ผมพักร้อนอยู่…”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนหัวเราะออกมาด้วยความยินดี จากนั้นก็พูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ มันก็แค่การดื่มชาด้วยกันระหว่างหลานกับปู่เท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรมากหรอก อีกอย่าง… เอ็งก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปกปิดกับฉันนี่ เพราะตั้งแต่เอ็งเดินทางเข้ามาเหยียบแผ่นดินจีน ฉันก็รู้หมดแล้วว่าพวกเอ็งวางแผนที่จะทำอะไรกันอยู่”
“นี่ปู่อย่าบอกนะ… ว่าปู่ส่งคนมาคอยตามดูผมไปนอนกับสาว ๆ น่ะ ?” เย่เชียนพูดหยอกล้อ
“ดูพูดเข้า! เอ็งนี่มันเหลือร้ายจริง ๆ ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “เอาล่ะ ๆ เลิกพูดเล่นกันได้แล้ว เราไปกันเถอะ! เอ็งไม่รู้หรอกว่ากว่าที่ฉันจะหาโอกาสมาที่เมืองหนานจิงนี่ได้มันยากขนาดไหน เพราะงั้น… ไปดื่มกันดีกว่า”
“เอ้า… ปู่! นี่มันไม่ใช่แค่ดื่มชาแล้วมั้ง” เย่เชียนพูด
“ฮ่า ๆ ๆ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนหัวเราะพลางเอื้อมมือไปโอบไหล่ของเย่เชียนราวกับว่าเขานั้นเป็นหลานแท้ ๆ คนหนึ่ง แล้วทั้งคู่ก็เดินไปขึ้นรถด้วยกัน
เมื่อจื่อจุนและเซียวหวันที่เดินตามมาอยู่ข้างหลังเห็นทั้งสองคนสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ เพราะถึงแม้ว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะใจดีอยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่เคยที่จะเอ็นดูพวกเขาเหมือนที่ทำกับเย่เชียนเลย ความสัมพันธ์ของพวกเขากับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้น มันเหมือนกับความสัมพันธ์แบบเจ้านายและลูกน้องมากกว่า พวกเขานั้นให้ความเคารพต่อหวงฟู่ชิงเตี๋ยนในฐานะผู้อำนวยการกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติที่ทั้งมีเกียรติและทรงอำนาจเป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศจีน
……
เมืองหนานจิงแห่งนี้เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของหกราชวงศ์ ซึ่งโรงน้ำชาหลายแห่งนั้นเป็นธุรกิจที่ถูกสืบทอดต่อ ๆ กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ มันจึงทำให้การตกแต่งภายในมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมอันเก่าแก่ทว่าสง่างามไปในคราวเดียวกัน
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนกับเย่เชียนนั้นนั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง ส่วนจื่อจุนและเซียวหวันยังคงยืนอยู่ข้างหลังหวงฟู่ชิงเตี๋ยนอย่างเคารพเหมือนเช่นเคย
แต่เมื่อหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเห็นทั้งสองคนยังคงยืนอยู่นั้น เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “พวกเธอก็นั่งลงด้วยสิ… ที่นี่ไม่มีคนนอกอยู่หรอก”
เย่เชียนได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย เพราะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนกำลังทำเหมือนกับว่าตัวเขานั้นเป็นหนึ่งในพวกพ้องของพวกเขายังไงยังงั้นแหละ
สิ้นเสียงคำพูดของหวงฟู่ชิงเตี๋ยน จื่อจุนและเซียวหวันก็นั่งลงอย่างเชื่อฟัง ซึ่งเซียวหวันนั้นนั่งลงตรงที่นั่งฝั่งตรงข้ามของเย่เชียน และทุกครั้งที่เย่เชียนมองไปที่เธอ เขาก็พบว่าเซียวหวันนั้นมักจะชำเลืองมองมาที่เขาอยู่ทุกครั้งไป เมื่อเย่เชียนได้เห็นหน้าของเซียวหวันในระยะใกล้ เขาก็คิดว่าเธอนั้นทั้งสวยและสง่างามมาก ใบหน้าของเธอมันดูช่างลงตัวกันกับบุคลิกแบบทหารที่แอบแฝงอยู่ข้างในได้อย่างเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน
“นี่คุณ! หน้าผมมันมีอะไรแปลกเหรอ ? ทำไมคุณถึงจ้องหน้าผมแบบนั้นล่ะ ? หรือว่า… คุณจะไม่ชอบขี้หน้าผมกันห๊ะ ?” เย่เชียนถามขึ้นด้วยความสงสัย
เซียวหวันถึงกับผงะไปครู่หนึ่งกับคำถามที่เย่เชียนถามเธออย่างตรงไปตรงมา แต่เมื่อเธอเรียกสติกลับคืนมาได้ เธอก็ตอบเขาไปอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เอ้า… แล้วคนอย่างนายมันมีอะไรให้น่าชอบบ้างมั้ยล่ะ ?”
“หึ ๆ ๆ สุดสวย! นี่คุณยังจะกล้าถามผมอีกเหรอว่าคนอย่างผมมันมีอะไรให้น่าชอบ ? คุณก็เห็นอยู่แล้วนี้ว่าผมน่ะมันหล่อขนาดไหน คารมผมก็ดี หน้าที่การงานของผมก็ดี แถมยังมีทั้งบ้านมีทั้งรถ ขาดก็แต่ผู้หญิงสวย ๆ อย่างคุณมาให้ผมดูแลนี่แหละ ถ้าผมมีโอกาสได้ทำหน้าที่นั้นล่ะก็นะ ผมจะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถผมไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลย คุณไม่ชอบเหรอ ?” เย่เชียนพูดจายียวน
“เหอะ! นายมันไอ้พวกคนกะล่อน” เซียวหวันพึมพำเบา ๆ เพราะเธอไม่อยากที่จะทำอะไรมากไปกว่านี้ต่อหน้าของหวงฟู่ชิงเตี๋ยน หากเธอโต้ตอบอะไรกลับไป มีหวังจะได้สู้กันกับเย่เชียนสักตั้ง ซึ่งนั่นมันอาจจะทำให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนต้องขุ่นเคือง
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน