อย่างที่รู้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าคนอย่างเย่เชียนนั้นไม่ใช่พวกปอดแหกหรืออะไรทำนองนั้น เขาแค่ไม่ต้องการที่จะเพิ่มปัญหาที่มีมากอยู่แล้วให้มันมากขึ้นไปอีก อีกอย่างถ้าเกิดว่าเขามีปัญหาขึ้นมาจริง ๆ เขาก็มีคุณปู่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนคอยสะสางให้อยู่แล้ว ถึงมันอาจจะต้องผ่านขั้นตอนอันแสนยุ่งยากก็เถอะ
เย่เชียนจอดรถเข้าข้างทางแล้วเดินลงไปดูสภาพรถจี๊ปที่พังยับเยินคันนั้น เมื่อเดินเข้าไปใกล้เขาก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาสองมวน มวนหนึ่งเพื่อสูบเอง ส่วนอีกมวนนั้นเขายื่นมันให้กับชายที่นั่งฝั่งคนขับ
“พี่ชาย… ทำไมขับรถเร็วจังเลยล่ะ ?” เย่เชียนพูดอย่างอารมณ์ดี
“ฉันไม่มีอารมณ์สูบ!” ชายในรถจี๊ปปฏิเสธบุหรี่ที่เย่เชียนยื่นให้ “นายจะเอายังไง ? ดูซิรถมันพังยับเยินขนาดนี้”
“พี่ชายไม่ต้องห่วง เรียกค่าเสียหายมาได้เลย เดี๋ยวผมจ่ายให้!” แม้เย่เชียนจะรู้สึกว่าชายคนนั้นพยายามพูดจายั่วยุให้เขามีน้ำโห แต่เขาก็ยังคงพูดคุยเหมือนกับว่าเรื่องทุกอย่างเป็นเรื่องเล็ก
“ฉันไม่ได้ต้องการเงิน” ชายคนนั้นพูดพลางเหลือบมองเย่เชียนตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ถ้าพี่ชายไม่ต้องการเงิน แล้วพี่ชายต้องการอะไรล่ะ ?” เย่เชียนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เขาจำคำสอนของอาจารย์ได้ไม่เคยลืมว่า ความอดทนใจเย็นและมีสตินั้นใช้ได้ดีกับทุก ๆ สถานการณ์
“เราจะมาเสียหน้าในพื้นที่ทหารของเราไม่ได้หรอก” ชายคนนั้นพูด
“พวกพี่ชายเป็นใครงั้นหรือ ?” เย่เชียนถาม
“ฉัน… ร้อยเอกหวงฟู่เส้าเจี๋ย!” ชายคนนั้นพูดพลางชี้ไปที่ยศบนบ่าของเขา “สังกัดกรมยุทโธปกรณ์ภาคสนามแห่งกองทัพจีนเขตเมืองหนานจิง… ยศร้อยเอก!”
“โอ้โห! สุดยอดไปเลยพี่!” เย่เชียนแกล้งพูดชมอย่างสุภาพ เพราะยศร้อยเอกนั้นไม่ใช่ยศที่อยู่ในระดับสูงอะไรมากนัก แต่คนที่จะมีมันได้ก็ต้องมีฝีมือดีระดับหนึ่ง ทว่าการที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยคนนี้ได้อยู่ในสังกัดกรมยุทโธปกรณ์ภาคสนามแห่งกองทัพจีนเขตเมืองหนานจิงนั้น มันก็ทำให้ทหารธรรมดา ๆ เทียบไม่ติดเลยเช่นกัน
หวงฟู่เส้าเจี๋ยเหลือบมองไปที่เย่เชียนอีกครั้ง ซึ่งเย่เชียนนั้นก็ยังคงมีทีท่าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงอาการฉุนเฉียวหรือโกรธเกรี้ยวใด ๆ อย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ และถ้าเขาไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเย่เชียนมาก่อน เขาก็คงคิดว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้นั้นเป็นเพียงเด็กธรรมดา ๆ ที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร
“นายคือเย่เชียนคนนั้นใช่มั้ย ? คนที่กำลังเป็นประเด็นร้อนให้ทุกคนพูดถึงอยู่ตอนนี้น่ะ” หวงฟู่เส้าเจี๋ยถามขึ้น
“ผมชื่อเย่เชียน… ที่แปลว่าอ่อนน้อมถ่อมตน และผมก็เป็นอย่างนั้นตามความหมายของชื่อผมแหละ ผมไม่ได้ต้องการที่จะมาสร้างปัญหาอะไรกับใครที่นี่เลย” เย่เชียนพูดเสียงเรียบ เขาไม่ได้ต้องการที่จะมีปัญหากับใครจริง ๆ ตามที่พูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ที่จ้าวหยาอยู่ที่นี่กับเขาด้วย
“อย่ามาพูดจาไร้สาระให้เสียเวลาเลยดีกว่า พอดีฉันรับปากกับเพื่อนของฉันคนนึงเอาไว้ พูดง่าย ๆ เลยนะ นายต้องมาสู้กับฉันสักตั้ง แล้วถ้าฉันแพ้… ฉันจะลืมเรื่องทั้งหมดไปซะ แต่ถ้าฉันชนะล่ะก็ นายต้องไปกับฉันเพื่อไปคุกเข่าขอโทษกับเพื่อนฉันซะ” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูด
เย่เชียนพยักหน้างง ๆ ดูเหมือนว่าชายที่ชื่อหวงฟู่เส้าเจี๋ยคนนี้จะมีเลือดของชายชาติทหารอยู่พอสมควร “แต่ว่าผมไม่รู้จักใครในเขตทหารนี่เลยนะ แล้วผมจะไปทำให้เพื่อนของพี่ชายขุ่นเคืองได้ยังไงกันล่ะ ?”
“เพื่อนของฉันไม่ได้เป็นคนแถวนี้หรอก เอาจริง ๆ เราก็ไม่เชิงว่าเป็นเพื่อนกัน เขาแค่เคยช่วยฉันเอาไว้เมื่อตอนที่ฉันไปเซี่ยงไฮ้ พอมาตอนนี้เขามีเรื่องให้ฉันช่วย ฉันก็เลยอยากตอบแทนเขากับเรื่องในตอนนั้นแค่นั้นเอง” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูด
“ว่าแต่… เพื่อนของพี่ชายคือใครงั้นเหรอ ?” เย่เชียนถามซื่อ ๆ
“เขาชื่อเหว่ยเฉินหลง เจ้าชายแห่งตงเซียนกรุ๊ปยังไงล่ะ นายคงรู้จักเขาดีอยู่แล้วนี่” หวงฟู่เส้าเจี๋ยตอบ
เหว่ยเฉินหลงนั่นเองที่เป็นตัวการที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องงี่เง่านี่ นี่เขาอยากแก้แค้นถึงขนาดขอให้เพื่อนทหารในเขตหนานจิงตามเขามาเลยรึ ? แบบนี้แสดงว่าเย่เชียนยังไม่ได้สั่งสอนบทเรียนดี ๆ สักบทให้กับเหว่ยเฉินหลงเลยสินะ
“ผมน่ะรู้จักเขาดี แล้วพี่ชายล่ะรู้จักเขาดีรึเปล่า ? พี่ชายยื่นมือไปให้ความช่วยเหลือเขาแบบนี้ พี่ไม่กลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับหน้าที่การงานของพี่รึไง ?” เย่เชียนถามหวงฟู่เส้าเจี๋ย
“ฉันรู้หน่าว่าพวกตงเซียนกรุ๊ปน่ะทำอะไรกันอยู่… อีกอย่างฉันมันเป็นคนไม่ลืมคุณคน ใครที่เคยช่วยฉันไว้ ถ้าฉันมีโอกาสตอบแทนได้ มันก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ มันจะได้หมดหนี้บุญคุณกันไปเสียที อ่อ… แล้วเรื่องที่มันกำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้น่ะ มันเป็นเรื่องส่วนตัวล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานเลย เพราะงั้นเรามาสู้กันแบบลูกผู้ชายดีกว่า!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูด
“แต่ผมไม่ได้อยากสู้กับพี่ชายนี่นา” เย่เชียนพูดอย่างเฉยเมย
หวงฟู่เส้าเจี๋ยค่อนข้างจะรู้สึกแปลกใจไปกับคำพูดนั้นของเย่เชียน เพราะเท่าที่เขาเคยได้ยินมานั้น ผู้คนในเมืองหนานจิงต่างก็ร่ำลือกันว่าเย่เชียนคนนี้เป็นคนฉุนเฉียวและมีอำนาจเหนือใคร แล้วทำไมตอนนี้เย่เชียนถึงยังนิ่งเฉยอยู่ได้ทั้งที่เขานั้นท้าสู้ต่อหน้าขนาดนี้
“ถ้านายไม่สู้… งั้นวันนี้พวกเราก็คงไม่ต้องไปไหนกันละ!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดอย่างดุดัน
เย่เชียนยิ้มจาง ๆ แล้วพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า “วันนี้ผมไม่ว่างจริง ๆ ผมมีธุระต้องไปทำต่อ… แต่ถ้าพี่ชายอยากจะสู้กับผมจริง ๆ ล่ะก็ พี่ช่วยนัดเป็นวันอื่นละกัน”
พูดจบเย่เชียนก็ยิ้มให้อย่างจริงใจไปอีกทีหนึ่งก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไปที่รถ การกระทำนั้นทำให้หวงฟู่เส้าเจี๋ยรู้สึกหัวเสียขึ้นมาทันที นี่เขาท้าสู้ถึงขนาดนี้แต่เย่เชียนจะมาบอกให้เขานัดสู้กันวันอื่นเนี่ยนะ ? หวงฟู่เส้าเจี๋ยจึงกระโดดลงจากรถด้วยความกระวนกระวาย จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปกระชากไหล่ของเย่เชียนพร้อมกับตะโกนว่า “หยุด!”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน