เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดนักรบจอมราชัน นิยาย บท 228

แม้ว่าเย่เชียนจะแกล้งถามหวังยู่ออกไปอย่างนั้น แต่ลึก ๆ แล้วเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่นะ ? เขารู้สึกว่าระหว่างเขากับหวังยู่นั้นมันเหมือนมีเส้นด้ายที่มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ผูกกันไว้ระหว่างเธอกับเขา ยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่ทั้งสองคนเจอกันมันก็ดูเหมือนกับว่าจะต้องเรื่องราวยุ่งเหยิงวุ่นวายเกิดขึ้นเสมอทุกครั้งไป

ทันใดนั้นเองเสียโทรศัพม์มือถือของเย่เชียนก็ดังขึ้นขัดจังหวะ เย่เชียนจึงขอตัวหวังยู่เพื่อเดินออกมารับสาย ที่ปลายสายนั้นเป็นเสียงของเซียวหวันดังลอดออกมาเบา ๆ

“เย่เชียน… ตอนนี้นายอยู่ไหนน่ะ ? รีบมาที่วัดขงจื๊อด่วนเลย!” เสียงเล็กแหลมของเซียวหวันนั้นเบามาก ฟังดูเหมือนกับว่าเธอพยายามกระซิบให้เบาที่สุดเพราะกลัวว่าจะมีใครได้ยิน

เย่เชียนคิดได้อย่างเดียวคือ หมาป่าผีไป๋ฮวยคงกำลังจะทำการส่งมองพระบรมสารีริกธาตุแน่ ๆ มิเช่นนั้นเซียวหวันคงจะไม่เป็นกังวลถึงเพียงนี้ “ผมจะรีบไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย!” เย่เชียนตอบแล้วกดวางสายไป

จากนั้นเย่เชียนก็เดินกลับไปหาหวังยู่แล้วพูดอย่างขอโทษว่า “ผมมีงานเข้า! ต้องรีบไปด่วนเลย”

“นายไปเถอะ… ระวังตัวด้วยล่ะ!” หวังยู่เห็นท่าทางของเย่เชียนก็เดาได้ว่าเขาคงจะมีเรื่องบางอย่างที่สำคัญมากต้องไปทำด่วน สำหรับหวังยู่แล้ว ทุกครั้งที่เย่เชียนต้องไปจัดการกับเรื่องอะไรก็ตามดูเหมือนว่าเรื่องพวกนั้นจะเป็นเรื่องใหญ่อยู่เสมอ และครั้งนี้เองก็เช่นกัน มันคงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รีบไปขนาดนี้ แม้ว่าเธออยากจะช่วยเขาก็ตาม แต่ในเมื่อเย่เชียนไม่ได้ขอให้เธอช่วย เธอก็รู้ว่ามันคงเป็นเรื่องที่คนอย่างเธอไม่สมควรที่จะเข้าไปพัวพันด้วย เธอจึงได้แต่หวังว่าเขาจะปลอดภัยกับอะไรก็ตามที่เขาจะต้องไปเผชิญหน้าด้วย

เมื่อเย่เชียนเข้าไปนั่งในรถ เขาก็กดโทรศัพท์หาอู๋หวนเฟิงทันที โชคดีที่อู๋หวนเฟิงนั้นอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เย่เชียนอยู่ เย่เชียนจึงบอกให้เขารออยู่ที่นั่นเพื่อให้เขาขับรถไปรับมาด้วยกัน

แม้ว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นจะไม่ใช่คนธรรมดา ๆ แต่การขโมยและส่งมอบพระบรมสารีริกธาตุนั้น เขาคงจะไม่สามารถลงมือทำทุกอย่างเองเพียงคนเดียวได้ เขาจะต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยอย่างแน่นอน ดังนั้นการที่เย่เชียนมีอู๋หวนเฟิงไปด้วย มันก็อาจจะทำให้เขาทำภารกิจนี้สำเร็จได้ง่ายขึ้นอีกระดับหนึ่ง

หลังจากที่เย่เชียนรับอู๋หวนเฟิงขึ้นรถมาด้วยกันแล้ว เย่เชียนก็ขับรถตรงไปที่วัดขงจื๊ออย่างรวดเร็ว

ดินแดนแห่งหกราชวงศ์นั้นมีแม่น้ำฉินหวยที่ยาวถึงสิบไมล์ ซึ่งวัดขงจื๊อที่เป็นสถานที่ประดิษฐานและสักการะบูชาขงจื๊อและยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเมืองหนานจิงอีกด้วย ทำให้เย่เชียนนั้นไม่ได้คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนสมบัติของชาติ ยิ่งไปกว่านั้นที่แห่งนี้ยังเป็นดินแดนของขงจื๊อ ซึ่งพวกนั้นเลือกที่จะซื้อขายสิ่งของทางพุทธศาสนาซึ่งมันเป็นเรื่องที่ตลกเล็กน้อย

ไม่นานนักเย่เชียนและอู๋หวนเฟิงก็มาถึงที่วัดขงจื๊อ เย่เชียนขับรถไปจอดในที่ลับตาคนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดขงจื๊อมากนัก ซึ่งขณะที่อยู่ระหว่างทาง เย่เชียนก็ได้เล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้อู๋หวนเฟิงฟังจนหมดแล้ว ทว่าอู๋หวนเฟิงนั้นกลับไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแต่นึกถึงหมาป่าผีไป๋ฮวย และมีเพียงประกายไฟปะทุขึ้นภายในดวงตาของเขาโดยไม่รู้ตัว

เย่เชียนเงยหน้าขึ้นและกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลากลางคืนจึงทำให้นักท่องเที่ยวในวัดขงจื้อมีจำนวนน้อยมาก แต่ถึงยังไงก็ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ริมแม่น้ำฉินหวยที่อยู่หน้าวัดขงจื๊อ มีทั้งคู่รักหลายคู่เดินเล่นกันไปตามริมแม่น้ำและมีความสุขไปกับโลกใบเล็ก ๆ ของพวกเขา ซึ่งเย่เชียนกวาดสายตามองไปแต่ก็ไม่พบจื่อจุนกับเซียวหวันเลย ซึ่งพวกเขาจะต้องซ่อนตัวเอาไว้อย่างดีเป็นแน่

ขณะที่เย่เชียนกำลังจะเข้าไปเพื่อที่จะมองหาพวกเขา จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของเย่เชียนก็ดังขึ้น ซึ่งมันเป็นเสียงเตือนข้อความ ‘ศาลาจูซิง!’ ข้อความถูกส่งมาโดยเซียวหวัน นี่จะต้องเป็นที่ตั้งของธุรกรรมการแลกเปลี่ยนครั้งนี้อย่างแน่นอน หลังจากเปลี่ยนเสียงโทรศัพท์ให้เป็นระบบสั่นแล้ว เย่เชียนก็เหลือบมองไปที่อู๋หวนเฟิงและเดินเข้าไป

ทั้งสองไม่ได้ตรงดิ่งเข้าไปทางประตู แต่กลับเดินไปรอบ ๆ แสร้งทำเป็นนักท่องเที่ยวและเดินเล่นจนมาถึงศาลาจูซิง หลังจากนั้นเย่เชียนก็กวาดสายมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง แต่เขาก็ยังไม่พบร่องรอยของหมาป่าผีไป๋ฮวยเลย แต่กลับมีชายร่างใหญ่ผมสีบลอนด์ทองและตาสีฟ้าสองสามคนที่ดึงดูดความสนใจของเย่เชียนอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ที่ชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวบ่อยก็ตาม แต่ทว่าชาวต่างชาติเหล่านี้กลับดูไม่ใช่นักท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด เพราะดวงตาของพวกเขานั้นคอยสอดส่องไปรอบ ๆ จนดูผิดสังเกต และพวกเขาก็ไม่ได้ชื่นชมทิวทัศน์เลยแม้แต่น้อย เพราะบนใบหน้าของพวกเขานั้นแสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังรอใครบางคนอยู่ ซึ่งเย่เชียนก็เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาเหล่านี้จะต้องเป็นคนที่ทำธุรกรรมการแลกเปลี่ยนพระบรมสารีริกธาตุกับไป๋ฮวยอย่างแน่นอน

จู่ ๆ โทรศัพท์ของเย่เชียนก็สั่นอยู่ภายในกระเป๋าเสื้อ และเมื่อเขาหยิบมันออกมาดูก็เห็นเป็นข้อความสั้น ๆ ว่า “ฉันเห็นนายแล้วนะ… เงยหน้าขึ้นมา!”

เย่เชียนเก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าแล้วกวาดสายตามองขึ้นไปก็พบร่างสีดำสองร่างที่นั่งยอง ๆ อยู่บนหลังคา ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มออกมา เพราะคิดว่าพวกเขาทั้งสองคนนั้นมีความอดทนสูงมากที่สามารถทนกับยุงที่เกรี้ยวกราดของเมืองหนานจิงในฤดูร้อนได้ ซึ่งเย่เชียนคิดว่าพวกเขาคงจะสวมชุดวัสดุป้องกันพิเศษเฉพาะรูปแบบภารกิจสำหรับเจ้าหน้าที่หน่วยลับ

หลังจากเย่เชียนขยิบตาให้อู๋หวงเฟิงแล้ว ทั้งสองก็แอบย่องไปทางด้านข้างและปีนข้ามกำแพงไป ซึ่งสำหรับพวกเขาแล้วที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วงในเขี้ยวหมาป่านั้นก็ไม่มีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น หลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนกับอู๋หวนเฟิงก็ปีนขึ้นไปบนยอดของอาคารได้ในชั่วอึดใจเดียว

เมื่อเย่เชียนย่องและคลานต่ำไปจนถึงอาคารฝั่งของเซียวหวันแล้ว เย่เชียนก็ลูบหัวเธอเบา ๆ อย่างอ่อนโยนและกระซิบว่า “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ?”

สำหรับพฤติกรรมที่ดูน่าอับอายและสนิทสนมกันจนเกินไปของเย่เชียนเช่นนี้ มันทำให้เซียวหวันทำตัวไม่ถูก เธอเพียงจ้องเขม็งไปที่เย่เชียนอย่างดุร้าย แต่เธอก็ไม่ได้ตำหนิเขาหรืออะไร เพราะเธอกลัวว่าตำแหน่งที่ซุ่มอยู่จะถูกเปิดเผย เมื่อคิดเช่นนี้เซียวหวันก็ต้องฝืนทนกับเย่เชียนเอาไว้และพูดเบา ๆ ว่า “เราได้รับรายงานมาว่าคืนนี้พวกเขาซื้อขายกันที่นี่ เพราะงั้นพวกเราจึงรีบมากันก่อน โชคดีที่ฉันรู้เบอร์โทรศัพท์ของนาย ไม่งั้นฉันก็คงติดต่อนายไม่ได้ นายหายไปไหนมา ? ไม่คิดจะบอกกันบ้างหรือไง ?” ประโยคหลังนั้นเห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นการบ่นและตำหนิติเตียนราวกับความโกรธเคืองของภรรยาที่สามีกลับบ้านช้าจนดึกดื่นและไม่บอกอะไรเธอล่วงหน้าเลย

“อ้าว! มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกหรือไง ? ในเมื่อเธอน่ะเป็นคนไปเติมเชื้อไฟให้กับหวงฟู่เส้าเจี๋ยเองนี่ เขาถึงอยากจะสู้กับฉันขนาดนั้นน่ะ” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะหยิบเรื่องนี้ออกมาพูด

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้วเซียวหวันก็รีบปิดปากของเธออย่างเชื่อฟัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหวงฟู่เส้าเจี๋ยต้องเป็นฝ่ายแพ้ให้กับเย่เชียนอย่างแน่นอน ถึงว่าล่ะเย่เชียนเก่งขนาดนี้นี่เอง คุณปู่หวงฟู่ถึงได้ปฏิบัติกับเขาดีเป็นพิเศษและเข้าข้างเขาอยู่ตลอด

จากนั้นเซียวหวันก็หันหน้าไปมองที่อู๋หวนเฟิงที่หมอบต่ำอยู่ข้าง ๆ เย่เชียน แล้วเธอก็มองไปที่เย่เชียนเหมมือนกับว่าเธอนั้นอยากจะถามอะไรบางอย่าง

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน