หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเคยพูดถึงฝีมือของหมาป่าผีไป๋ฮวยให้จื่อจุนฟังมาก่อน เขาจึงพอที่จะรู้มาบ้างว่าไป๋ฮวยนั้นมีฝีมือที่เก่งฉกาจขนาดไหน ขนาดที่ว่าราชาหมาป่าเย่เชียนอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหมาป่าผีไป๋ฮวยเลยก็ว่าได้ จื่อจุนคิดไปคิดมาเขาก็รู้สึกเกรงว่าตัวเองนั้นอาจจะไม่มีความสามารถมากพอใจการจับตัวไป๋ฮวยคนนี้ และถ้าเทียบกันระหว่างตัวเขาเองกับเย่เชียนแล้ว มันก็มีโอกาสมากกว่าที่เย่เชียนจะสามารถจับไป๋ฮวยได้ เพราะเย่เชียนนั้นรู้เรื่องราวเกี่ยวกับไป๋ฮวยมามากกว่าเขา
ขณะนั้นเองที่มีชายชาวจีนสามคนเดินเข้ามาเยี่ยมชมสถานที่บริเวณนั้น ทว่าจู่ ๆ พวกเขาก็เดินเข้าไปหากลุ่มชาวต่างชาติร่างกำยำ ในมือของชายชาวจีนคนหนึ่งถือผ้าสไบซึ่งห่อสิ่งของบางอย่างเอาไว้ในมือด้วย
เย่เชียนและคนอื่น ๆ ต่างก็พากันจับตามองคนเหล่านั้นอย่างใจจดใจจ่อ แต่เย่เชียนก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ที่ไป๋ฮวยไม่ได้มาด้วย อันที่จริงแล้วเขารู้สึกสับสนนิดหน่อย เพราะใจหนึ่งเขาก็รู้สึกอย่ากให้ไป๋ฮวยมา ส่วนอีกใจกลับไม่อยากให้มาสักเท่าไหร่
“เขาไม่มาเหรอ ?” อู๋หวนเฟิงถามด้วยความงุนงง
“เขาอยู่ที่นี่แหละ!” เย่เชียนพูด เขารู้สึกได้ว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยจะต้องมาด้วยอย่างแน่นอนและอาจจะอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้เป็นแน่ มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก ซึ่งเขาเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไมเหมือนกัน
จื่อจุนและเซียวหวันต่างก็หันไปมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจ พวกเขาสงสัยว่าทำไมเย่เชียนถึงได้แน่ใจนักว่าหมาป่าผีไป๋ฮวยอยู่ที่นี่ด้วย
อย่างไรก็ตามมันก็เป็นอย่างที่เย่เชียนว่า เพราะจากระยะไกลนั้นไป๋ฮวยกำลังมองผ่านกล้องส่องทางไกลอินฟาเรดสำหรับมองกลางคืนอยู่ เขาคอยสังเกตการณ์อยู่ห่าง ๆ แต่ไม่คลาดสายตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว สิ่งนี้เองที่ทำให้เขาได้ฉายาว่า หมาป่าผี เพราะว่าเขานั้นมักจะซ่อนตัวอยู่อย่างลับ ๆ ในสถานที่แปลก ๆ ซึ่งการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนของกันกับหน่วยซีไอเอในครั้งนี้นั้น ไป๋ฮวยไม่ได้จริงจังกับมันมากนัก เพราะเขาไม่ใช่คนประเภทที่ถูกคนอื่นใช้ให้เป็นเบี้ย แต่มันเป็นไปในทางกลับกันเสียมากกว่า
และมันก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ไป๋ฮวยก็รู้สึกได้เช่นกันว่าเย่เชียนนั้นอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน แต่เขาก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกได้แบบนั้น
ชายชาวจีนสามคนกับกลุ่มสายลับซีไอเออีกห้าคนกำลังยืนคุยกันอยู่เงียบ ๆ และเนื่องจากอยู่ไกลพวกเย่เชียนจึงไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นพูดกัน
“ใช่! มันเป็นการซื้อขายพระบรมสารีริกธาตุนั่นแหละ” เซียวหวันพูดขึ้น
เย่เชียนจ้องมองเซียวหวันอย่างงุนงง เขารู้สึกสงสัยมากว่าเซียวหวันรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่ แต่เมื่อเซียวหวันเห็นความสับสนในแววตาของเย่เชียน เธอจึงพูดขึ้นมาว่า “ฉันอ่านปากได้น่ะ”
เย่เชียนพยักหน้าและคิดกับตัวเองว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมไปเลย
“พวกเขากำลังจะเริ่มการซื้อขายกันแล้ว… คุณต้องการที่จะลงมือเลยหรือเปล่า ?” เซียวหวันถาม แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้เห็นว่าเย่เชียนเป็นผู้บัญชาการในปฏิบัติการนี้ เพราะเธอถามจื่อจุน
จื่อจุนมองไปทางเย่เชียน ซึ่งเย่เชียนก็พยักหน้าตอบ แต่เมื่อทุกคนกำลังเตรียมพร้อมที่จะลงมือ จู่ ๆ เย่เชียนก็เห็นร่างดำ ๆ หลายร่างอยู่ใกล้ ๆ กับการทำธุรกรรมการซื้อขายแลกเปลี่ยน แต่ทว่าเนื่องจากเวลามันผ่านไปเร็วเกินไป เย่เชียนจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าและร่างของคู่ต่อสู้ได้อย่างชัดเจนมากนัก
“เดี๋ยว!” ก่อนที่เซียวหวันจะกระโดดลงไป เย่เชียนก็คว้าตัวเธอมากอดเอาไว้แน่น
“อะไรเล่า !? มันจะไม่ทันเวลานะแบบนี้!” เซียวหวันพูดพลางพยายามเอามือของเย่เชียนออกจากตัวเธอด้วยความโกรธเกรี้ยวเล็กน้อย
ในช่วงเวลาวิกฤตและคับขันเช่นนี้เย่เชียนไม่อยากที่จะทะเลาะกับเธอเลย เขาจึงพูดเพียงว่า “มีบางอย่างผิดปกติ… รอดูสิ”
เซียวหวันไม่ใช่คนที่ไม่เข้าใจถึงลำดับความสำคัญ เพราะเมื่อได้ยินสิ่งที่เย่เชียนพูดแล้ว เซียวหวันก็ระงับความฉุนเฉียวของตัวเองเอาไว้และยอมอยู่กับเขาอย่างเชื่อฟัง
จู่ ๆ ก็มีคนประมาณเจ็ดถึงแปดคนวิ่งออกมาจากทางด้านหลังของศาลาจูซิงอย่างรวดเร็ว พวกเขายกปืนขึ้นและกราดยิงไปยังกลุ่มที่กำลังทำธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนกันอยู่โดยไม่ลังเล
ชายชาวจีนทั้งสามคนอยู่ในอาการตื่นตระหนก พวกเขาพยายามมองหาที่หลบวิถีกระสุนเพื่อเอาตัวรอด ชายหนึ่งในสามคว้าห่อผ้าสไบมาแนบไว้ที่อกแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันเขาก็ชักปืนออกมายิงตอบโต้กลับไปด้วย ความเร็วในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นแสดงให้เห็นว่าชายสามคนนี้คงไม่ใช่พวกอันธพาลข้างถนนธรรมดา ๆ เพราะดูจากท่าทางของพวกเขาแล้ว พวกเขานั้นเหมือนกันพวกทหารมืออาชีพที่ได้รับการฝึกมาแล้วอย่างดีต่างหาก
สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้เย่เชียนรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เพราะดูเหมือนว่าไป๋ฮวยนั้นจะมีกำลังคนอยู่เป็นจำนวนมาก และพวกเขาก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เจนสนามรบอย่างแท้จริง แต่สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ถึงขนาดนี้แล้วไป๋ฮวยก็ยังคงไม่ปรากฎตัวออกมาให้เห็นอีก
ไป๋ฮวยที่ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ผ่านกล้องส่องทางไกลอยู่ห่าง ๆ ยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างพอใจราวกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นได้เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้แล้วยังไงยังงั้น
“คนพวกนี้เป็นใครกันน่ะ ?” เซียวหวันถามด้วยความประหลาดใจ
“ดูเหมือนว่าพวกเขาน่าจะมาจากญี่ปุ่นนะ” อู๋หวนเฟิงพูด

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน