เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดนักรบจอมราชัน นิยาย บท 245

สุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟฟ์นั้นตัวใหญ่และแข็งแรงมาก ถึงแม้ว่ามันจะถูกแทงไปซะขนาดนั้นแต่มันก็ยังคงพยายามดิ้นรนเพื่อสูดเอาลมหายใจสุดท้ายเข้าปอดเป็นเฮือกสุดท้าย แต่ในที่สุดชีวิตของมันก็ต้องจบลงด้วยน้ำมือของอู๋หวนเฟิง

บางครั้งความเลือดเย็นของอู๋หวนเฟิงก็ทำให้เย่เชียนเองรู้สึกกลัวอยู่เช่นกัน เพราะส่วนใหญ่แล้วเด็กคนนี้จะเป็นคนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่ค่อยแสดงอารมณ์อะไรให้เห็นสักเท่าไหร่ แต่จู่ ๆ เขาก็อาจจะระเบิดความบ้าคลั่งออกมาเมื่อไหร่ก็ได้

เย่เชียนจำได้ว่าครั้งหนึ่งอู๋หวนเฟิงเคยต้องเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าในแถบขั้วโลกเหนือมาแล้ว ซึ่งแม้ว่าในตอนนั้นอู๋หวนเฟิงจะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน แต่ทว่าเขาก็ยังคงสามารถเก็บอารมณ์และความรู้สึกเอาไว้ได้อย่างดี แม้ว่าท้ายที่สุดร่างกายของเขาจะเต็มไปด้วยรอยแผลมากมายจากการต่อสู้ แต่สำหรับฝูงหมาป่าเหล่านั้น พวกมันกลับต้องจบชีวิตของพวกมันเองไปทั้งฝูง

หากเทียบกันระหว่างหมาป่าขั้วโลกเหนือกับสุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟฟ์แล้ว สัตว์ทั้งสองชนิดต่างก็มีทั้งความแข็งแรงและดุร้ายพอ ๆ กัน ซึ่งถ้าสู้กันหนึ่งต่อหนึ่งทางด้านสุนัขน่าจะมีความได้เปรียบมากกว่า แต่ถ้าหากว่าพวกหมาป่ารวมฝูงกันแล้วนั้นมันจะมีพลังและอันตรายมากกว่าสุนัขพันธุ์ทิเบตันอย่างแน่นอน ซึ่งสำหรับอู๋หวนเฟิงที่เคยฆ่าหมาป่าทั้งฝูงอย่างเลือดเย็นมาแล้ว นับประสาอะไรกับสุนัขทิเบตันมาสติฟฟ์เพียงตัวเดียว

เมื่อมีดในมือของอู๋หวนเฟิงแทงเข้าไปที่ลำคอของสุนัขที่โชคร้ายตัวนั้นแล้ว เขาก็ทุบเข้าไปที่หัวของมันอีกสองสามครั้ง ทำให้มันล้มลงไปกับพื้นและดวงตาที่ดุร้ายของมันก็ค่อย ๆ สูญเสียแสงสว่างไป มันชักและดิ้นทุรนทุรายอยู่สองสามครั้ง ท้ายที่สุดมันก็หลับตาลงและจากโลกนี้ไปอย่างสงบ

“กรี๊ดดดดดดด!!!”

หญิงสาวคนนั้นกรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจ แน่นอนว่าเธอต้องรู้สึกเสียใจอยู่แล้วที่สุนัขของตัวเองต้องมาถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ แต่ทว่าความน่ากลัวและรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านไปจนทั่วบริเวณ มันกลับทำให้เธอรู้สึกสยดสยองมากกว่า

“พวกคุณเป็นใครน่ะ ? ต้องการอะไรจากฉัน ?!” หญิงสาวคนนั้นถามและยังคงมีสีหน้าตื่นตระหนกอยู่

“คุณคือซูอิ๋งเจิ้นใช่มั้ย ? ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณแต่ไม่ทราบว่าคุณน่ะจะสะดวกคุยด้วยรึเปล่า ?” เย่เชียนถาม

ถึงแม้ว่าฟังดูแล้วเย่เชียนจะแค่ถามเธอ แต่ซูอิ๋งเจิ้นก็เข้าใจถึงความหมายที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้คำถามนั้นว่ามันไม่ได้เป็นประโยคคำถามจริง ๆ หรอก แต่มันคือประโยคคำสั่งต่างหาก เธอจะปฏิเสธอะไรเขาได้ในเมื่อคนที่มาด้วยกันกับเขาเพิ่งจะฆ่าสุนัขของเธอไปอยากเลือดเย็นแบบนั้น และเธอเองก็ไม่อยากที่จะตกเป็นเหยื่อรายต่อไปหรอก

“เอ่อ… งั้นเข้ามาคุยข้างในดีกว่า” ซูอิ๋งเจิ้นพูดอย่างประหม่า เธอไม่ต้องการที่จะยืนคุยกับชายแปลกหน้าทั้งสองตรงนี้และมองดูสุนัขของตัวเองนอนจมกองเลือดอยู่ต่อหน้าต่อตา

ซูอิ๋งเจิ้นบอกกับตัวเองให้ใจเย็น ๆ และตั้งสติให้ดี เธอไม่รู้ว่าชายทั้งสองคนนี้คือใครและต้องการอะไรจากเธอ แต่มันคงไม่ใช่ชีวิตของเธอแน่ เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงจะลงมือทำมันไปแล้ว คงไม่มัวมาลีลาอะไรแบบนี้อยู่หรอก เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็เดินนำพวกเขาเข้าไปข้างใน พลางคิดในในว่าจะพยายามหาโอกาสในการโทรไปแจ้งตำรวจ

เย่เชียนเห็นท่าทีที่สุขุมของซูอิ๋งเจิ้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้นั้นจะมีความกล้าหาญไม่เบาเลยทีเดียว เขายิ้มมุมปากก่อนที่จะเดินตามเธอเข้าไปในบ้าน ในขณะที่อู๋หวนเฟิงเองก็กำลังเช็ดคราบเลือดออกจากมีดและมือของเขา จากนั้นเขาก็เดินตามทั้งสองคนเข้าไปในบ้านเช่นกัน

บ้านหลังนี้ยังคงใหม่มาก แม้แต่เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ และของตกแต่งภายในบ้านก็ใหม่เช่นกัน ดูเหมือนว่ามันเพิ่งจะสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้เอง

“คุณสองคนอยากดื่มอะไรมั้ย ? เดี๋ยวฉันจะไปเอามาให้” ซูอิ๋งเจิ้นพูดพลางแอบคิดที่จะใช้โอกาสนี้โทรแจ้งตำรวจ

“ไม่เป็นไร… เดี๋ยวเราจัดการเอง คุณนั่งลงเถอะ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หันไปมองอู๋หวนเฟิงที่กำลังเดินเข้าไปในครัวอย่างรู้ทันว่าเย่เชียนคิดอะไรอยู่

เมื่อเห็นเช่นนั้นซูอิ๋งเจิ้นก็ตกตะลึงเล็กน้อย มันคงจะเป็นไปไม่ได้แล้วที่เธอจะแอบโทรไปแจ้งตำรวจ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเธอเองก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย เพราะดูจากรูปการณ์แล้วมันคงจะไม่ได้เป็นการปล้นจี้หรือคุกคามอะไร ไม่เช่นนั้นชายคนนี้ก็คงไม่บอกให้ตัวเองนั่งลงและคุยกันอย่างแน่นอน เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขามีจุดประสงค์อื่นแฝงอยู่

หลังจากนั่งลงที่ตรงข้ามเย่เชียนแล้ว ซูอิ๋งเจิ้นก็จ้องมองเย่เชียนด้วยแววตาสงสัย ทว่าเธอนั้นไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ไม่นานอู๋หวนเฟิงก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับรินน้ำชาสามถ้วยแล้ววางเอาไว้บนโต๊ะกาแฟ จากนั้นเขาก็นั่งลงข้าง ๆ เย่เชียน

“คุณซูเนี่ยใจเย็นมากเลยนะ… คุณไม่อยากรู้เหรอว่าพวกเรามาทำไม ?” เย่เชียนถามขึ้น

ซูอิ๋งเจิ้นยิ้มแหย ๆ และตอบว่า “เพราะเจียงเจิ้งยี่หรือเปล่า ?”

เย่เชียนต้องยอมรับเลยว่าผู้หญิงคนนี้นั้นมีความกล้าและมีไหวพริบดีมาก เธอสามารถเดาความตั้งใจของเขาได้อย่างแม่นยำภายในครั้งเดียว ซึ่งมันก็ทำให้เย่เชียนนั้นแอบคิดอยู่ในใจว่า ถ้าหากผู้หญิงคนนี้ได้รับการฝึกฝนและได้รับการอบรมณ์สักหน่อยล่ะก็ เธอคงจะมีบทบาทที่สำคัญในอนาคตและอาจจะช่วยพวกเขาได้มากอย่างแน่นอน

“คุณซูเนี่ยมีไหวพริบมากเลยนะ” เย่เชียนพูด “ที่เรามาก็เพราะเรื่องของเจียงเจิ้งยี่เนี่ยแหละ คุณเป็นนายหญิงของเขา คุณก็ต้องรู้จักเขาดีใช่มั้ยล่ะ ?”

“ก็เพราะว่าฉันรู้มากเนี่ยแหละ มันจึงเป็นสาเหตุที่เจียงเจิ้งยี่ไม่เคยกล้าทิ้งฉันและคอยให้สิ่งต่าง ๆ กับฉันแบบนี้” ซูอิ๋งเจิ้นพูด

“ถ้าอย่างงั้นก็ดีเลย!” เย่เชียนพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างพอใจ “เพราะที่ผมมาที่นี่ในวันนี้ ผมหวังว่าคุณซูจะสามารถให้ความร่วมมือกับผมในการเปิดโปงการทุจริต การบิดเบือนกฎหมายและการรับสินบนทั้งหมดของเจียงเจิ้งยี่ได้”

“แล้วทำไมฉันถึงต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ ? ทำไปฉันจะได้อะไร ?” ซูอิ๋งเจิ้นถามอย่างไม่แยแส

มุมปากของเย่เชียนฉีกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็พูดว่า “พูดตรง ๆ เลยนะ… ต่อให้คุณจะไมให้ความร่วมมือกับผมก็ตาม ถึงยังไงผมก็ยังสามารถจัดการกับเจียงเจิ้งยี่ได้อยู่ดี แต่ที่ผมทำแบบนี้ก็เพื่อเพิ่มหลักประกันเพียงเท่านั้น เพราะคุณผู้หญิงซูเป็นคนฉลาด และผมก็เชื่อว่าคุณรู้ว่าคุณต้องทำยังไง”

ซูอิ๋งเจิ้นมองเย่เชียนจากหัวจรดเท้าและแอบสงสัยว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าของเธอนั้นเป็นศัตรูทางการเมืองของเจียงเจิ้งยี่หรือเปล่า ? แต่เธอก็ไม่สามารถเดาอะไรได้เลยจากสีหน้าและแววตาของเย่เชียน

หลังจากที่เงียบกันไปสักพัก ซูอิ๋งเจิ้นก็พูดขึ้นมาว่า “เจียงเจิ้งยี่น่ะ… เขาเป็นเหมือนบ่อเงินบ่อทองของฉัน ถ้าฉันทำอย่างที่คุณว่ามันก็เท่ากับว่าทุกอย่างที่ฉันเคยมีเคยได้มันก็ต้องจบน่ะสิ”

“มันก็คงต้องเป็นอย่างงั้น!” เย่เชียนตอบ “คุณซูคิดว่าระหว่างเงินทองกับชีวิตของตัวเองันไหนมันสำคัญกว่ากันล่ะ ? เพราะถ้าคุณตายไปวันนี้วันพรุ่ง คุณก็ไม่สามารถเอาอะไรติดตัวไปได้ไม่ใช่รึไง ?”

ตอนที่ 245 เมียน้อย 1

ตอนที่ 245 เมียน้อย 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน