“พี่คะ..พี่สอง..ไม่นะ..ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว” ฮันเซ่วรีบเดินมาและพูดด้วยความกังวล นั่นเป็นเพราะว่าเธอนั้นไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนเลย ซึ่งเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการศึกษาเหล่านี้ก็เป็นคนใหญ่คนโตและมีอำนาจเพราะฉะนั้นฮันเซ่วเธอจึงกลัวว่าเย่เชียนจะต้องพบเจอกับปัญหาเพื่อเธอ
“ยัยเด็กโง่..ไม่เป็นไรหรอก..ฉันก็แค่อยากจะให้โลกใบนี้ได้เห็นว่าถ้าหากมีใครกล้ามารังแกน้องสาวฮันเซ่วที่น่ารักของฉันแล้วล่ะก็..ต่อให้เป็นถึงราชาแห่งสวรรค์หรือพระเจ้าองค์ไหนก็ตาม..ฉันนี่แหละที่จะจัดการด้วยมือของฉันเอง!” เย่เชียนพูดอย่างแน่วแน่
เหล่าผู้อำนวยการโรงเรียนและคนจากกระทรวงการศึกษาถึงกับตัวสั่นและกรีดร้องโอดครวญออกมา แต่พวกเขาก็พบว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่แยแสใดๆ อีกต่อไปแล้ว หลังจากนั้นหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็หยิบเบียร์ขึ้นมาอย่างตื่นเต้นและใช้ฟันของเขาเพื่อเปิดฝาขวดและก็ค่อยๆ เทเบียร์ลงส่วนเหล่าเจ้าหน้าที่ของไอร่อนบลัดก็ทำตามอย่างเคร่งครัด ซึ่งเบียร์ที่ตกลงไปที่ผิวหนังของพวกเขานั้นภายใต้ปฏิกิริยาของอุณหภูมิที่หนาวเย็นแล้วมันก็ค่อยๆ ก่อตัวเป็นก้อนน้ำแข็งบางๆ อย่างรวดเร็ว
เหล่าผู้อำนวยการโรงเรียนและคนจากกระทรวงการศึกษานั้นก็ต้องการที่จะต่อต้านแต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้และพวกเขาก็ถูกทุบตีไปทั่วร่างกายและไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนได้อีก ซึ่งในตอนนี้พวกเขานั้นกลับมีความคิดที่อยากจะตายที่นี่ในตอนนี้ทันทีแต่มันก็เป็นเพียงความคิดชั่ววูบเพราะพวกเขาจะยอมทิ้งชีวิตไปได้ที่ไหนกัน
ในไม่ช้าหลังจากนั้นก็มีรถไม่กี่คันจากหน่วยงานเทศบาลเขตและคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลางก็มาถึง และเมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้จากระยะไกลแล้วหวังปิงก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ ซึ่งระหว่างทางที่มาที่นี่นั้นเขาก็ได้บอกกับผู้อำนวยการกระทรวงการศึกษาธิการและผู้อำนวยการของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลางสั้นๆ แล้ว และพวกเขาทุกคนต่างก็รู้จักเย่เชียนเป็นอย่างดีและพวกเขาก็รู้สึกปวดหัวและทำใจกันมาบ้างแล้ว
เมื่อรถหยุดหวังปิงก็พาผู้อำนวยการของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลางและผู้อำนวยการกระทรวงการศึกษาธิการออกมาจากรถและเมื่อผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมปลายและเจ้าหน้าที่กระทรวงการศึกษาเห็นพวกเขามาที่นี่แล้วต่างก็รู้สึกได้ว่าผู้ช่วยชีวิตของเขาได้มาช่วยเขาแล้วและพวกเขาก็พยายามที่จะวิ่งไปหาแต่ทว่าทันทีที่เขาขยับพวกเขาก็ล้มลง
“น้องเย่! ..ให้ฉันแนะนำนะ..สองคนนี้คือสหายเจิงเจิ้งจงผู้อำนวยการคณะกรรมการตรวจวินัยและสหายผู่ซู่จิ่วผู้อำนวยการกระทรวงการศึกษาธิการ!” หวังปิงก็เหลือบมองคนเหล่านั้นและรีบเดินเข้าไปหาเย่เชียน ซึ่งเรื่องนี้นั้นจะต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุดมิฉะนั้นผลกระทบต่างๆ ก็จะเลวร้ายและหวังปิงก็ไม่กล้าที่จะเพิกเฉยแต่อย่างใด
“สวัสดีครับ! ..สวัสดี! ..สวัสดี!” เจิงเจิ้งจงและผู่ซู่จิ่วต่างก็จับมือกับเย่เชียนตามลำดับและพูดอย่างสุภาพ
เย่เชียนนั้นไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลเพราะถ้าหากว่าคนไหนใจดีและเป็นมิตรกับเขาล่ะก็เขาก็จะสุภาพกับคนคนนั้นเช่นกัน เป็นความจริงที่ว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลนั้นต่างก็มีพวกเลวทรามผสมอยู่ แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดเลยทีเดียว
“พี่สอง! ..มันเกิดอะไรขึ้นพี่” หลี่ฮ่าวเดินเข้ามาถามด้วยความประหลาดใจ
“นายก็ลองถามพวกเขาดูเองสิ..ว่าเรื่องที่พวกเขาบังคับนักเรียนหญิงเหล่านี้มาดื่มกินและปนเปรอกับสิ่งเลวทรามมันเป็นความจริงมั้ย! ..คิดดูนะว่าถ้าน้องสาวเซ่วไม่โทรมาหาฉันล่ะก็..ฉันไม่อยากคิดเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้แล้วเย่เชียนก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที ส่วนฮันเซ่วที่อยู่ข้างๆ ก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก
ทันทีที่หลี่ฮ่าวเห็นว่าสถานการณ์มันเป็นเช่นนี้เขาก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดออกมานั้นมันเป็นเรื่องจริงและเขาเองก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันทีและเดินเข้าไปหาชายวัยกลางคนหัวล้านและกำลังจะง้างเท้าเพื่อเตะ
“เดี๋ยว! ..เสี่ยวหลี่!” หวังปิงก็รีบตะโกนห้ามเมื่อเห็นว่าหลี่ห่าวกำลังจะทำอะไรบางอย่าง เพราะท้ายที่สุดแล้วหลี่ฮ่าวก็เป็นถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล ดังนั้นการทำเช่นนี้จึงไม่ดีต่ออนาคตของเขา จากนั้นหลี่ฮ่าวก็พยายามระงับความโกรธของเขาเอาไว้และเดินกลับไป
“คุณเย่..เดี๋ยวพวกเราจะรีบจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจังและเคร่งครัด..ตอนนี้รัฐบาลของเราไม่อนุญาตให้มีคนเลวทรามแบบนี้อยู่อย่างแน่นอน” ผู่ซู่จิ่วนั้นไต่เต้าจากอาจารย์ธรรมดาๆ สู่ตำแหน่งผู้อำนวยการกระทรวงการศึกษาธิการในปัจจุบันและชื่อเสียงของเขาที่อยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ก็ดีและขาวสะอาดมาโดยตลอด
“ใช่ๆ คุณเย่..เดี๋ยวทางเราจะรีบให้คำตอบที่น่าพอใจแก่คุณโดยเร็วอย่างแน่นอน” เจิงเจิ้งจงพูดต่อ
“เอาน่าน้องเย่..วันนี้มันเป็นวันที่อากาศไม่เป็นใจเลย..ถ้าเกิดอะไรขึ้นมันจะไม่ดี..ฉันสัญญาเลยว่าฉันจะให้คำตอบและผลลัพธ์ที่น่าพอใจแก่เหล่านักเรียนและผู้ปกครองทุกคนเอง” หวังปิงพูด
“ครับ..เนื่องจากพวกคุณทั้งสามคนถึงกับพูดแบบนี้แล้วผมก็รู้สึกโล่งใจ” เย่เชียนพูด “พวกเธอและเยาวชนทุกคนคือเสาหลักและอนาคตของประเทศเรา..และพวกเขาก็ต้องได้รับการปกป้องและการสนับสนุนจากคนอย่างพวกเราๆ ..พวกคุณคิดเหมือนผมมั้ย?”
“ใช่..ใช่..ใช่!” ทั้งสามคนพูดและพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมๆ กัน “เสี่ยวหลี่พาพวกเขาไปในรถตำรวจและพาพวกเขากลับไปที่สำนักงานใหญ่ก่อน..เราจะจัดการกับพวกเขาเมื่อพวกเรากลับไป” หวังปิงสั่ง
“ครับ!” หลี่ฮ่าวตอบและสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพาเหล่าผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการศึกษาเข้าไปในรถตำรวจ และอาจเป็นไปได้ว่าหลี่ฮ่าวนั้นตั้งใจที่จะทรมานคนเหล่านี้เขาจึงไม่ได้สั่งให้เหล่าตำรวจนำเสื้อผ้าหรือเครื่องนุ่งห่มมาให้พวกเขา
“จริงๆ แล้วผมเองก็กำลังจะเตรียมกองทุนการศึกษาเพื่อสนับสนุนนักเรียนที่ยากจนเหล่านั้นด้วย..และสิ่งเหล่านี้อาจจะต้องสร้างความยุ่งยากให้กับท่านผอ.ผู่มากเลยในอนาคต..ผมต้องขอรบกวนคุณด้วยนะครับ” เย่เชียนพูด
“โอ้คุณเย่..ต้องการสนับสนุนการเรียนการสอนของประเทศนี้ด้วยหรือ..ผู่ซู่จิ่วคนนี้ยินดีช่วยอย่างยิ่งเลย” ผู่ซู่ซู่พูดอย่างหนักแน่น
หวงฟู่เส้าเจี๋ยที่อยู่ข้างๆ เย่เชียนก็จ้องมองไปที่เย่เชียนอยู่ครู่หนึ่งและก็ชื่นชมเย่เชียนอาจารย์ของเขาอย่างใจจริง ซึ่งเย่เชียนนั้นไม่เพียงแค่ไม่สูญเสียความสง่าผ่าเผยของเขาไปแต่ยังเพิ่มชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ของเขามากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้วเย่เชียนนั้นไม่เคยสนใจเรื่องชื่อเสียงหรือการเยินยอชื่นชมจากผู้คนเลย เพราะไม่เช่นนั้นในหลายๆ ปีที่ผ่านมาที่มีการมอบกองทุนขนาดใหญ่ภายใต้เครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่ได้ช่วยเหลือผู้คนไปจำนวนมากในทุกปีๆ แต่ก็ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้เลยว่าเย่เชียนคนนี้เองที่เป็นคนช่วยเหลือพวกเขา
เย่เชียนนั้นมีหลักการเป็นของตัวเองและบางทีนี่อาจจะเป็นการสั่งสอนที่พ่อของเขาปลูกฝังเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก และตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่เขาทำได้แล้วล่ะก็เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับการชื่นชมและมันก็ไม่จำเป็นที่จะให้ผู้คนมาจดจำเขาถ้าหากเขาสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว ซึ่งเย่เชียนนั้นแตกต่างจากคนดังในวงการบันเทิงที่ยังคงให้การสนับสนุนเด็กๆ และนักเรียนที่ยากจนในพื้นที่ประสบภัยและรับมาซึ่งชื่อเสียงและเกียรติยศและหลังจากนั้นก็ลืมเลือนตัวตนเหล่านั้นไป
“คือ..ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่วันนี้ผมรบกวนพวกคุณสามคน..ทั้งๆ ที่พวกคุณต่างก็มีงานที่ต้องทำอีกตั้งมากมาย” เย่เชียนพูดอย่างนอบน้อม
“ไม่เป็นไรๆ คุณเย่..ถ้าไม่ใช่เพราะคุณแล้วพวกเราก็ไม่รู้เลยว่ามันมีพวกขยะเลวทรามแบบนี้อยู่ในรัฐบาลของเราด้วย..คุณเย่ไม่ต้องกังวลไปหรอก..พวกเราจะจัดการเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง” เจิงเจิ้งจงพูดอย่างหนักแน่น
“ถ้างั้นผมต้องขอรบกวนพวกคุณด้วยครับ” เย่เชียนก็จับมือกับพวกเขาทีละคนและกล่าวคำอำลา
ในระหว่างที่เหล่าเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติงานกันอยู่หวังปิงก็แอบดึงเย่เชียนออกไปอย่างเงียบๆ และพูดเบาๆ ว่า “น้องเย่รู้เรื่องตงเซียงกรุ๊ปแล้วใช่มั้ย?”
เย่เชียนยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ผมรู้แล้วครับ..แต่ผู้ว่าการหวังครับ..มันก็แปลกๆ อยู่นะที่ตงเซียงกรุ๊ปถูกส่งไปยังสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติแบบนี้และไม่คิดว่ามันจะมีสายลับอยู่ในนั้นด้วย”
“เหอะๆ ..ทางเราเองก็ไม่ได้คาดคิดเหมือนกัน..แต่โชคดีที่คุณหวงฟู่อยู่ที่นั่นด้วย..ไม่งั้นพวกเขาอาจจะพ้นจากข้อหาได้เลยด้วยซ้ำ” หวังปิงพูด
เย่เชียนก็กัดฟันแน่นพลางว่าสำนวนที่ว่าขิงแก่มันจะเผ็ดนั้นไม่ผิดเลยจริงๆ เพราะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนใช้ตัวเองเพื่อกำจัดตงเซียงกรุ๊ปและไม่เพียงแค่เขาชนะเพียงเท่านั้นแต่ยังไม่สร้างผลกระทบใดๆ ต่อเศรษฐกิจของเมืองเลยด้วยซ้ำ แต่อาจจะมีข้อพิพาทกับโลกใต้ดินของประเทศญี่ปุ่นก็เป็นได้


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน