เมื่อเห็นเย่เชียนและม่อหลงเข้าอย่างกะทันหันเช่นนี้น้องสามก็ประหลาดใจและตะคอกว่า “เฮ้ยพวกแกเป็นใครวะ!”
ม่อหลงจ่อปืนเล็งไปที่พวกเขาแต่ก็น่าเสียดายที่พวกเขากำลังเปลือยเปล่าอยู่และไม่สามารถที่จะตอบโต้ใดๆ ได้เลย เย่เชียนก็หัวเราะอย่างอำมหิตและพูดว่า “ฮ่าๆ ..พวกเราก็คือเขี้ยวหมาป่าพี่พวกคุณเพิ่งจะพูดถึงยังไงล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนเช่นนี้ผู้หญิงน้องสามคนนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นและยืนขึ้นจากบ่อน้ำพุร้อนโดยไม่มีท่าทีเขินอายเลยแม้แต่น้อยและเธอก็แสยะยิ้มและพูดว่า “พวกแกเข้ามาที่นี่ได้ยังไง..มีเด็กๆ ของแก๊งยามากุจิอยู่ตั้งหลายร้อยคน..ถึงยังไงแกก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่ดี”
เมื่อเย่เชียนเห็นเธอลุกขึ้นมาเย่เชียนก็กำลังจะพูดแต่ม่อหลงก็ตะคอกกลับไปเสียก่อนว่า “ถ้าไม่อยากตายก็นั่งอยู่นิ่งๆ ซะ..ไม่งั้นฉันจะส่งคุณไปเยือนนรกตอนนี้ซะเลย”
ทั้งสามคนก็กัดฟันทนและไม่สบอารมณ์อย่างมาก ส่วนเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “ก็ในเมื่อเราเข้ามาได้ง่ายๆ แล้วทำไมเราจะออกไปง่ายๆ ไม่ได้กันล่ะ”
“มาเถอะ! ..แกต้องการอะไร” พี่ใหญ่ขมวดคิ้วและถาม
“มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก..เหล่าพี่น้องเขี้ยวหมาป่าของพวกเราน่ะเป็นเด็กๆ ที่มาจากครอบครัวที่ยากจนและยากไร้..พวกเรามีไม่จะกิน..ไม่มีจะอยู่..แม้แต่ชุดที่ใส่ก็เก่าๆ ปราศจากความอบอุ่นมาเสมอ..แต่พวกคุณมีเงินตั้งมากมายมหาศาลที่สามารถใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้อย่างสบายๆ ..เพราะงั้นผมจึงมาขออาหารประทังชีวิต..ผมหวังว่าคุณจะแสดงความเมตตาใช่มั้ยครับ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มและทำหน้าตาน่าสงสาร
“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา..คุยกันได้” น้องสามพูดต่อ “พวกเรามาร่วมมือกันเถอะ..ฉันรับปากเลยว่าพวกแกจะมีรายได้อีกมากมาย”
“แต่ผมรอไม่ไหวแล้ว..พี่ๆ น้องๆ แทบจะอดตายกันหมดแล้ว..และตอนนี้ยังมีอีกตั้งหลายร้อยคนในองค์กรที่รอกินข้าวกันอยู่” เย่เชียนพูด ซึ่งตอนนี้ถึงยังไงเขาก็อยู่ที่นี่แล้วเพราะฉะนั้นเย่เชียนก็จะไม่ปล่อยความได้เปรียบนี้ไปโดยธรรมชาติและแน่นอนว่ายิ่งมีเงินมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งดีมากเท่านั้น อย่างไรก็ตามเหล่าผู้นำนายน้อยนายหญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ก็ล้วนเป็นคนที่ร่ำรวยและมั่งคั่งทั้งนั้น
“ถ้าอย่างนั้นแกต้องการอะไรล่ะ?” พี่ใหญ่พูดด้วยความโกรธเกรี้ยวเล็กน้อยเพราะด้วยรสชาติของการถูกข่มขู่ด้วยปืนนั้นมันช่างน่าอึดอัดจริงๆ และพวกเขาก็ไม่เคยพบประสบการณ์เช่นนี้มาก่อนเพราะพวกเขาเคยแต่จ่อปืนไปที่หัวของคนอื่นเพียงเท่านั้นไม่เคยถูกปืนจ่อเอง
เย่เชียนก็แสยะยิ้มและเหลือบมองไปที่ผู้หญิงน้องสองและพูดว่า “ก่อนอื่นเลย..คุณช่วยนั่งลงไปในน้ำก่อนจะได้มั้ย..เห็นสิ่งที่เหี่ยวเฉาของคุณแล้วผมรู้สึกคลื่นไส้เลยน่ะ” ผู้หญิงคนนั้นก็จ้องเขม็งด้วยความโกรธเกรี้ยวและถึงแม้ว่าเธอจะไม่สบอารมณ์มากแค่ไหนก็ตามถึงยังไงในเวลานี้เธอก็ต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ก่อน
พวกเขาจะคาดถึงผลลัพธ์เช่นนี้ได้ที่ไหนเพราะภายใต้การคุ้มกันที่แน่นหน้าและเข้มงวดเช่นนี้กลับมีคนที่สามารถบุกเข้ามาได้เช่นนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะประเมินความแข็งแกร่งของคนอื่นมากเกินไป ในขณะนี้เย่เชียนก็กวาดสายตามองไปรอบๆ และก็เห็นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่อยู่ใกล้ๆ และเขาก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “มาเถอะๆ ..ผมรู้ว่าพวกคุณใจดีและมีเมตตา..และจะให้เงินค่าขนมผมสักหน่อย”
ถึงแม้ว่าพี่ใหญ่จะไม่เต็มใจเลยสักนิดก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็ไม่มีทางอื่นเขาจึงต้องลุกขึ้นมาและห่อตัวด้วยผ้าขนหนูอาบน้ำแล้วเดินไปที่คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค “แล้วอยากได้เท่าไหร่?” พี่ใหญ่ถาม
“ผมสิที่ต้องถามคุณว่าพวกคุณมีค่าสักแค่ไหนกัน..หืม?” เย่เชียนจ้องมองเขาอย่างขี้เล่นและพูดอย่างเย้ยหยัน ส่วนม่อหลงก็ยังคงเล็งปืนจ่อไปที่น้องสองและน้องสามที่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเพื่อไม่ให้พวกเขาตอบโต้หรือขัดขืนใดๆ
พี่ใหญ่ก็กัดฟันเข้าเว็บไซต์ธนาคารระหว่างประเทศอย่างรวดเร็วด้วยความโกรธเกรี้ยวและป้อนรหัสผ่านบัญชีของเขาจากนั้นเย่เชียนก็บอกเลขบัญชีกลางขององค์กรเขี้ยวหมาป่าให้ พี่ใหญ่ก็ใส่จำนวนตัวเลขไปประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเย่เชียนก็ฉีกยิ้มอย่างชั่วร้ายและในทันใดนั้นเจตนาฆ่าก็ปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเขาและเขาก็คว้ามีดโลหิตหมาป่าออกมาจากนั้นก็ปาดเข้าไปที่ลำคอของพี่ใหญ่อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเย่เชียนก็โอนเงินทั้งหมดในบัญชีของอีกฝ่ายเข้าไปยังบัญชีของเขี้ยวหมาป่าโดยตรงด้วยตัวเอง
เงินจำนวนนี้ไม่ได้มากไปหรือน้อยเกินไปสำหรับเย่เชียนซึ่งนั่นก็เพราะว่ายังมีคนอีกจำนวนมากภายใต้เขี้ยวหมาป่าไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนและค่าตอบแทนที่จะต้องจ่ายในทุกๆ เดือนและยังต้องแบ่งส่วนไปช่วยเหลือครอบครัวของพวกเขาอีกด้วย และนอกจากนี้เย่เชียนก็ยังต้องสะสมเงินจำนวนมากเพื่อเตรียมจัดตั้งฐานทัพเรือของเขี้ยวหมาป่าในมหาสมุทรแปซิฟิกในอนาคตซึ่งมันไม่ใช่ต้นทุนเพียงเล็กน้อยเลย
เมื่อเห็นว่าพี่ใหญ่ของพวกเขาถูกเย่เชียนฆ่าโดยใช้มีดปาดคอไปแล้วน้องสองและน้องสามก็ตกใจอย่างมากและพวกเขาก็รู้แล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้อีก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถที่จะรอความตายมาเยือนได้และจู่ๆ ทันใดนั้นน้องสองก็ดึงผ้าขนหนูมาพันรอบตัวเอาไว้และกระโดดออกมาจากบ่อน้ำพุร้อนและกลิ้งเข้าไปหาม่อหลงซึ่งในขณะเดียวกันน้องสามก็ตะโกนอย่างดังว่า “เฮ้ย..เข้ามานี่..มีศัตรูบุก” ในขณะที่พูดเขาก็ห่อร่างของเขาด้วยผ้าขนหนูอย่างรวดเร็วและกระโดดออกจากบ่อน้ำพุร้อนและกลิ้งตามน้องสองมายังม่อหลงและเตะม่อหลงที่ขา
ในฐานะพลซุ่มยิงหรือมือสไนเปอร์ที่ทรงพลังที่สุดในเขี้ยวหมาป่าแล้วม่อหลงนั้นจึงมีความอดทนและสมาธิของมนุษย์สูงมาก ซึ่งมันเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับมือปืนคือไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไรถึงยังไงเขาก็ต้องรักษาสมาธิและไม่ถูกรบกวนจากทุกสรรพสิ่งของโลกภายนอกและเมื่อน้องสองกลิ้งเข้าหาเขาม่อหลงก็ยิงสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามทักษะของน้องสองนั้นไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใดเพราะเธอสามารถหลบหลีกการยิงของสุดยอดนักแม่นปืนได้และโดนยิ่งแค่แขนเพียงเท่านั้นไม่โดยจุดสำคัญใดๆ
เมื่อเห็นการเตะจากน้องสามแล้วม่อหลงก็บล็อกการโจมตีเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวและในขณะเดียวกันปืนในมือของม่อหลงก็ลั่นไกเข้าใส่น้องสองทันที
ทันทีที่เสียงปืนดังขึ้นสมาชิกของแก๊งยามากุจิที่อยู่ด้านนอกต่างก็รีบวิ่งกรูกันเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเย่เชียนก็ไม่รีรอแต่อย่างใดเขารีบชักปืนพกออกมาและยิงสวนออกไปอย่างรวดเร็วซึ่งทันทีที่เหล่าสมาชิกของแก๊งยามากุจิถีบประตูเข้ามาพวกเขาต่างก็ล้มลงไปทีละคนๆ เพราะถูกเย่เชียนยิงอย่างแม่นยำ
ด้วยปืนที่อยู่ในมือของม่อหลงแล้วนั้นจึงทำให้หญิงสาวน้องสองไม่สามารถมีโชคใดๆ ที่จะช่วยเธอให้หลบหลีกได้อีกครั้งเธอจึงถูกกระสุนเจาะเข้าไปที่หัวใจและแทบจะไม่มีโอกาสกระเสือกกระสนหรือดิ้นรนใดๆ และล้มลงไปทันทีและเลือดก็ค่อยๆ ไหลลงไปในบ่อน้ำ ซึ่งหลังจากที่ยิงน้องสองไปแล้วม่อหลงก็หันกลับมาอย่างรวดเร็วและด้วยการที่ศัตรูเข้ามาระยะประชิดแล้วปืนจึงไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไปโดยเฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากับนักสู้อย่างน้องสามคนนี้เพราะดูเหมือนว่าคาราเต้ของเขานั้นไม่ธรรมดาเลย
ม่อหลงก็ดึงมีดของเขาออกมาอย่างรวดเร็วและรีบวิ่งสวนเข้าไป ซึ่งนอกเหนือจากการฝึกฝนตามความสามารถเฉพาะตัวแล้วถึงยังไงประสิทธิภาพการต่อสู้ระยะประชิดของเหล่าเขี้ยวหมาป่าก็ยังได้รับการฝึกฝนและใช้จริงผ่านชีวิตและความตายมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนนับไม่ถ้วนและโดยปกติแล้วน้องสามนั้นก็ไม่สามารถเทียบอะไรกับม่อหลงได้เลย นั่นอาจเรียกได้ว่าความอยู่ยงคงกระพันนั่นเอง
ศพที่หน้าประตูก็กองสะสมสูงขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การโจมตีของเย่เชียนนั้นสมาชิกแก๊งยามากุจิที่เหลือก็ไม่มีโอกาสที่จะเข้ามาเลยแม้แต่น้อย ในเวลาเดียวกันเย่เชียนก็พูดกับวิทยุว่า “ชิงเฟิง..คุ้มกันด้วย!”
เมื่อได้ยินคำสั่งระยะไกลจากวิทยุชิงเฟิงก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและใช้เครื่องยิงจรวดและยิงมันเข้าไปในสโมสรโดยตรงและในทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นไปทั่วพื้นที่



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน