“แล้วแกเกี่ยวอะไรด้วย..มันเป็นเรื่องของครอบครัวของเรา..มันไม่ใช่เรื่องที่แกจะเข้ามายุ่ง!” หลินยี่ตะโกน
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเย็นยะเยือกในทันที หลินยี่ผู้ชายคนนี้ช่างหยาบคายจริงๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดอย่างเย็นยะเยือกว่า “นี่ไอ้น้อง!..ฉันน่ะเคยเห็นคนแบบนายมาเยอะแล้ว..และคนแบบนี้ก็มักจะอายุไม่ยืน..มีคนมากมายที่ตายไปด้วยน้ำมือของฉัน..แล้วเด็กอย่างนายมันจะไปรู้อะไร..และนายจะยิ่งใหญ่สักแค่ไหนกัน..นายเองยังไม่รู้อะไรเลยสักอย่างแล้วจะพูดได้ยังไงว่าฉันไม่สมควรเป็นพี่เขยของนาย?”
น่าแปลกที่ทั้งหลินไห่และซูเหม่ยนั้นไม่ได้พูดอะไรใดๆเลยแม้แต่น้อยซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขานั้นรู้ดีถึงความสามารถของเย่เชียน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการให้เย่เชียนสั่งสอนเด็กคนนี้สักหน่อย ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็คงจะไม่สามารถควบคุมอะไรหลินยี่ได้อีกต่อไปแล้ว
“แล้วไง?..และแกล่ะ?..แกมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาเป็นพี่เขยของฉัน?” หลินยี่พูดอย่างไม่แยแส
“พอได้แล้วหลินยี่” หลินโรวโร่วตะโกน “ไม่ว่าเขาจะมีคุณสมบัติอะไรที่จะเป็นพี่เขยของนายถึงยังไงนั่นมันก็ไม่ใช่การตัดสินใจของนายสักหน่อย..เว้นแต่ว่านายจะไม่อยากอยู่ในตระกูลหลินอีกต่อไป”
เย่เชียนก็หันหน้ากลับไปและยิ้มให้หลินโรวโร่วและพูดว่า “ปล่อยเด็กคนนี้ให้ผมจัดการเถอะ..ผมไม่เชื่อหรอกว่าผมจะไม่สามารถสยบความพยศของเขาได้” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็ยืนขึ้นแล้วกระดิกนิ้วท้าทายไปที่หลินยี่และพูดว่า “ไอ้หนู!..ถ้านายเป็นลูกผู้ชายพอก็ออกมาเจอกันหน่อยซิ..ถ้าหากว่านายชนะฉันได้ฉันก็จะไม่เป็นพี่เขยของนายและจะไม่มาเหยียบเมืองหางโจวอีกต่อไป”
“คิดว่าจะกลัวเหรอ?” หลินยี่ก็พูดอย่างเย้ยหยัน
ซูเหม่ยก็ถึงกับผงะไปและเมื่อเธอกำลังจะเปิดปากพูดแต่ในทันใดนั้นหลินไห่ก็ขยิบตาให้เธอจนซูเหม่ยแอบตกตะลึงและรีบปิดปากของเธอไปทันที
ปากของเย่เชียนกระตุกเล็กน้อยและรอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นมาที่ริมฝีปากของเขา หลังจากนั้นเย่เชียนก็มองไปที่หลินโรวโร่วเพื่อบอกให้เธอโล่งใจและก็เดินออกไป เมื่อเย่เชียนเดินไปถึงหน้าประตูเขาก็หันกลับไปและเห็นว่าหลินยี่ก็ยังคงยืนอยู่ที่นั่นและเมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “มาสิ..อย่าบอกนะว่านายกลัว?..ถ้ากลัวก็ขอโทษฉันซะตอนนี้..และเรียกฉันว่าพี่เขยซะ..แค่นั้นก็จบ”
“เหอะ..ฉันเนี่ยนะกลัวแก?” หลินยี่พูดอย่างมั่นใจและเดินตามเย่เชียนไป
เมื่อเห็นเด็กๆทั้งสองเดินออกไปแล้วแม่ของหลินยี่ก็พูดด้วยความกังวลว่า “พี่ใหญ่คะ..มันจะมีอะไรเกิดขึ้นมั้ยคะ?”
“ไม่ต้องกังวลไปเสี่ยวเย่น่ะสุดยอด..เดี๋ยวเขาจะสอนบทเรียนให้กับหลินยี่เอง..หลินยี่ควรจะเจอของจริงซะบ้างเพราะไม่งั้นฉันเองก็รู้เลยว่าในอนาคต่อๆไปเขาจะไปทำอะไรได้” หลินไห่พูด
ซูเหม่ยเองก็ยังคงกังวลอยู่เล็กน้อยและพูดว่า “ถึงยังไงพวกเราก็ออกไปดูกันเถอะ..มันไม่ควรเกิดเรื่องอะไรขึ้นในวันปีใหม่แบบนี้”
หลังจากที่ซู่เหม่ยพูดจบพวกเขาทั้งสี่คนก็ลุกขึ้นและเดินออกไปที่ระเบียงและมองลงไปยังสถานการณ์ด้านล่าง
หิมะในเมืองหางโจวนั้นไม่ตกหนักเท่าเมืองเซี่ยงไฮ้และหิมะที่สนามหญ้าด้านนอกก็ละลายไปเกือบหมดแล้วแต่ลมหนาวก็ยังคงหนาวเหน็บอยู่เช่นเคย
หลินยี่เดินตามเย่เชียนไปที่ด้านนอกอย่างมั่นใจและพูดอย่างหยิ่งผยองว่า “ฉันไม่อ่อนข้อให้หรอกนะ..ฉันล่ะอยากรู้จริงๆว่าแกมีดีอะไรที่ต้องให้ฉันเรียกแกว่าพี่เขย”
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยหลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “นายเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว..แต่ถึงยังไงฉันก็จะใช้แค่มือข้างเดียวพอก็แล้วกัน..และเดี๋ยวนายก็จะรู้เองว่าฉันจะทำให้นายเรียกฉันว่าพี่เขยได้ยังไง”
“แม่งเอ๊ย..อย่ามาโทษฉันก็แล้วกันถ้าฉันพลั้งมือฆ่าแกตายน่ะ” เมื่อหลินยี่พูดจบเขาก็ต่อยไปที่เย่เชียน ทว่าเย่เชียนก็หลบได้อย่างง่ายดายและถีบสวนหลินยี่ไปทันทีและหลินยี่ก็กระเด็นล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง
“นี่คุณ..แบบนี้มันจะดีจริงๆหรอ” ซูเหม่ยพูดอย่างกระวนกระวายและเธอกำลังจะหันกลับไปและลงไปที่ชั้นล่าง
“อย่าลงไป!” หลินไห่ตะโกน และถึงแม้ว่าซูเหม่ยจะเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งและมั่นใจอยู่ตลอดเวลาก็ตามแต่เมื่อเห็นว่าหลินไฮ่ไม่สบอารมณ์มากขนาดนี้แล้วแม้แต่ซูเหม่ยเองก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะคัดค้านใดๆเลย เธอจำใจต้องหันกลับไปและพูดอย่างกังวลว่า “แล้วถ้ามันเกิดอะไรขึ้นเราจะทำยังไงกันล่ะ?”
“มันจะไปมีอะไร..เขาไม่ถึงกับฆ่าแกงกันหรอก..อย่างมากหลินยี่ก็แค่นอนในโรงพยาบาลสักสองสามวันก็แค่นั้น” หลินไห่พูด ซึ่งแม้แต่แม่ของหลินยี่เองก็ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรใดๆและเธอก็ทำได้เพียงแค่แอบภาวนาให้เย่เชียนสงบสติอารมณ์เข้าไว้และไม่ทำอะไรที่มันร้ายแรงจนเกินไป
“นายเลือกที่จะออกมาเผชิญหน้ากับฉันเองไม่ใช่เหรอ..เอาสิเข้ามา!” เย่เชียนหัวเราะเยาะ
“ไอ้เวรนี่” หลินยี่ก็ลุกขึ้นและพุ่งเข้าหาเย่เชียนอีกครั้ง “ปัก!” ในขณะที่เขาวิ่งเข้ามาเย่เชียนก็เตะขาของหลินยี่ไปจนหลินยี่ล้มลงกับพื้นอย่างแรงอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ยังคงยั้งมือเอาไว้และผ่อนแรงลงอย่างมากเพื่อที่หลินยี่จะได้ไม่บาดเจ็บมาก
“โห..คนไร้ประโยชน์ปรากฏตัวแล้ว!” เย่เชียนก็ยังคงเย้ยหยันต่อไป
“ไอ้เวรเอ๊ย!..เจอนี่หน่อยก็แล้วกัน!” หลังจากที่หลินยี่พูดจบเขาก็หยิบก้อนอิฐแต่งสวนหย่อมขึ้นมาและรีบวิ่งเข้าไปหาเย่เชียนด้วยหน้าตาที่ดูสิ้นหวังเล็กน้อย
ใครจะไปรู้ล่ะว่าเย่เชียนนั้นไม่ได้หลบแต่เขายืนอยู่เฉยๆและโดนอิฐของหลินยี่ฟาดเข้าไปที่หัวอย่างรุนแรง ซึ่งในขณะนี้ไม่เพียงแค่หลินยี่เท่านั้นที่ประหลาดใจเพราะแม้แต่หลินไห่และคนอื่นๆที่อยู่ชั้นต่างบนก็ตกตะลึงกันอย่างมาก
ด้วยเสียง “โพล๊ะ!” ก้อนอิฐกระแทกเข้าไปที่ศีรษะของเย่เชียนอย่างรุนแรงและหลินโรวโร่วก็อดไม่ได้ที่จะลั่นตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ซึ่งอิฐก้อนนั้นก็แตกออกไปครึ่งหนึ่งหลังจากนั้นเย่เชียนก็ปัดผมของเขาเพื่อปัดเศษก้อนอิฐออกอย่างเฉยเมยแล้วพูดว่า “เอ้า..ทำต่ออีกสิ!” หลินยี่ก็ถึงกับตกตะลึงอยู่ตรงนั้นพร้อมกับอิฐอีกครึ่งก้อนของเขา
เย่เชียนก็เดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ “ปัก!” เย่เชียนถีบหลินยี่ออกไปและถามว่า “ตอนนี้จะเรียกฉันว่าพี่เขยได้รึยัง?”
“ไม่!” หลินยี่ตะโกน
“ผัวะ!” เย่เชียนตบหน้าของหลินยี่เบาๆ “ไหนเรียกพี่เขยซิ!”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน