การเป็นคนดังในวงการบันเทิงนั้นไม่ได้มีอิสระแต่อย่างใดเพราะต้องเข้าร่วมกิจกรรมและอีเว้นท์ต่างๆ อยู่เสมอ ซึ่งถ้าหากมีสปอนเซอร์หรือผู้สนับสนุนรายใหญ่แล้วเหล่าคนดังเช่นนี้ก็มักจะตอบตกลงอย่างง่ายดายเพื่อเพิ่มชื่อเสียง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติที่เหล่าคนดังในวงการบันเทิงจะมีผู้สนับสนุนที่ดีอยู่เบื้องหลังพวกเขาและพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธสปอนเซอร์และผู้สนับสนุนได้
…..
สองวันต่อมาหลี่ลู่หลานก็มาปรากฏตัวที่เมืองหางโจวเพื่อเข้าร่วมการหารือเกี่ยวกับเสื้อผ้าแบรนด์เนม โดยเย่เชียนนั้นได้โทรไปหาหลี่จื้อเทียนเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งหลี่จื้อเทียนเองก็แค่สันนิษฐานและคาดเดาว่าเย่เชียนคงจะชื่นชอบหลี่ลู่หลานเป็นการส่วนตัว ดังนั้นหลี่จื้อเทียนจึงไม่ได้ถามอะไรมากนักและเขาก็ช่วยดำเนินการต่างๆ ให้และหลังจากนั้นหลี่ลู่หลานก็ตอบตกลงที่จะมาเมืองหางโจวอย่างง่ายดาย
ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ของหลี่จื้อเทียนนั้นจะใหญ่โตมากแค่ไหนก็ตามแต่เขาก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับวงการบันเทิงมากนักแต่ครั้งนี้เขาก็ทำเพื่อเย่เชียนเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาหลี่จื้อเทียนก็ได้เตรียมความพร้อมสำหรับคาสิโนในมณฑลเหอหนานอย่างถี่ถ้วนแต่เย่เชียนเองก็ยังไม่เคยไปร่วมมือกับเขาเลย ดังนั้นเย่เชียนจึงสงสัยว่าหลี่จื้อเทียนนั้นกำลังทำอะไรอยู่บ้างในช่วงนี้และเขาเองก็ยินดีที่จะร่วมมือกับหลี่จื้อเทียนแล้วเพื่อพัฒนามณฑลเหอหนานซึ่งทำให้หลี่จื้อเทียนนั้นต้องทำงานหนักมากในขณะที่เย่เชียนสบายอย่างมากในช่วงนี้
การที่หลี่ลู่หลานมาปรากฏตัวที่เมืองหางโจวอย่างกะทันหันเช่นนี้ก็ทำให้หลินยี่ประหลาดใจและตื่นเต้นอย่างมาก
ในห้องพักของโรงแรมนั้นหลี่ลู่หลานก็กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งอย่างสบายใจเฉิบและแต่งหน้าอย่างประณีตในขณะที่ผู้ช่วยข้างๆ เธอกำลังจ้องมองเธออย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งผู้ช่วยคนนี้เธอไม่สามารถที่จะละเลยได้เลยแม้แต่น้อยเพราะไม่อย่างนั้นไม่เพียงแค่เธอจะตกงานแต่เธออาจจะถูกประณามโดยแฟนคลับและผู้ติดตามของหลี่ลู่หลานก็เป็นได้ ซึ่งด้านหน้าของประตูห้องนั้นก็ได้รับการรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดและเคร่งครัดโดยเหล่าบอดี้การ์ดของต้นสังกัดและผู้สื่อข่าวก็ไม่ได้มาติดตามเธออีกต่อไปเพราะเจ้าหน้าที่ของโรงแรมได้สั่งให้พวกเขาออกไปแล้วและห้ามเปิดเผยข่าวใดๆ โดยเด็ดขาด
รถแลมโบกีนี่ของเย่เชียนที่ดูสะดุดตาเป็นพิเศษภายใต้หิมะสีขาวโพลนก็มาหยุดที่หน้าของโรงแรมและเย่เชียนก็ลงจากรถมาและเดินตรงไปที่ห้องที่หลี่ลู่หลานพักอยู่ซึ่งที่ประตูนั้นบอดี้การ์ดก็หยุดเย่เชียนเอาไว้และพูดว่า “ขอโทษครับ..คุณเข้าไปไม่ได้!”
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ผมชื่อเย่เชียนครับ..ผมมีนัดกับคุณหลี่..คุณลองเข้าไปถามเธอดูก็ได้ครับ”
บอดี้การ์ดคนนี้ก็ตกตะลึงเล็กน้อยและเขาก็บอกให้เย่เชียนรอสักครู่จากนั้นเขาก็เคาะประตูและเดินเข้าไปเพื่อถาม หลังจากนั้นไม่นานบอดี้การ์ดก็เดินออกมาและพูดด้วยความขอโทษว่า “ขอโทษครับที่เสียมารยาท..คุณเย่เชิญเข้าไปได้เลยครับ!”
เย่เชียนก็พยักหน้าและถึงพอใจกับท่าทีและการวางตัวของบอดี้การ์ด จากนั้นเย่เชียนก็เดินเข้าไปซึ่งแน่นอนว่าหลี่ลู่หลานนั้นไม่รู้เลยว่าเย่เชียนนั้นเป็นใครและทำอะไรแต่ทว่าต้นสังกัดของเธอจัดตารางงานให้เธอมาพบเย่เชียน ดังนั้นเธอจึงต้องตอบตกลงโดยไม่รู้ข้อมูลอะไรใดๆ เลย
เมื่อเห็นร่างของเย่เชียนในกระจกที่สะท้อนออกมาหลี่ลู่หลานก็ค่อยๆ ยืนขึ้นและหันกลับไปและก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณมาแล้วหรอ..นั่งลงก่อนสิคะ!”
เย่เชียนก็ยิ้มตอบและเดินไปที่โซฟาและนั่งลง ซึ่งเย่เชียนนั้นก็ได้รู้จักตัวตนของหลี่ลู่หลานผ่านหลี่จื้อเทียนมาบ้างแล้วซึ่งฉายาของเธอก็คือราชินีเพลงแห่งเอเชีย ซึ่งเธอก็ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่เด็กๆ และวัยรุ่น ซึ่งเธอนั้นก็มักจะไปคลุกคลีกับเหล่านักธุรกิจหรือมหาเศรษฐีรวมไปถึงนักการเมืองและผู้มีอิทธิพลเป็นประจำอยู่เสมอ
“คุณเย่มีเรื่องอะไรที่อยากจะคุยกับฉันหรอคะ” หลี่ลู่หลานพูดขณะที่เธอเดินไปที่ฝั่งตรงข้ามของเย่เชียนและนั่งลงซึ่งเธอก็ไม่อายเลยที่สวมกระโปรงสั้นๆ และค่อยๆ นั่งลงงอขาอย่างสง่างาม หลังจากนั้นเธอก็ยื่นมือไปหยิบบุหรี่ที่อยู่ในกล่องบนโต๊ะกาแฟแล้วหยิบเข้าปากและจุดไฟจากนั้นเธอก็สูบมันอย่างช้าๆ
หลี่ลู่หลานนั้นเดาได้โดยธรรมชาติเลยว่าเย่เชียนนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาๆ อย่างแน่นอนเพราะเขาสามารถติดต่อไปยังต้นสังกัดของเธอได้และให้เธอมาหาเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นถึงแม้ว่าความโด่งดังในอาชีพของเธอจะรุ่งเรืองและรุ่งโรจน์ขึ้นเรื่อยๆ ก็ตามแต่ถึงยังไงโชคชะตาก็ทำให้ชีวิตของเธอยิ่งโศกเศร้ามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเธอนั้นไม่อาจรู้ได้เลยว่าวันไหนผู้จัดการและประธานต้นสังกัดของเธอจะให้เธอไปปรนนิบัติลูกค้าและทำให้เธอกลายเป็นโสเภณีเต็มตัวเมื่อไหร่
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นหลี่ลู่หลานก็อาศัยรูปร่างหน้าตาและความนิยมของตัวเองในการใกล้ชิดกับนักธุรกิจหรือผู้ทรงอำนาจทรงอิทธิพลและร่ำรวยซึ่งหลินยี่เองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเพราะถึงแม้ว่าหลินยี่จะไม่มีอิทธิพลหรืออำนาจก็ตามแต่ถึงยังไงหลินไห่ผู้เป็นลุงของหลินยี่นั้นก็เป็นถึงรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคประจำจังมณฑลเจ้อเจียง นั่นก็เพราะว่าถ้าหากวันหนึ่งในอนาคตเธอไม่อยากที่จะเป็นดาราอีกต่อไปแล้วเธอก็สามารถปกป้องตัวเองได้ด้วยภูมิหลังครอบครัวของหลินยี่ในมณฑลเจ้อเจียงแห่งนี้นั่นเอง
ดังนั้นตั้งแต่ที่เธอสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับบุคลิกและนิสัยของหลินยี่ได้แล้วหลี่ลู่หลานนั้นก็แสร้งทำตัวเหมือนผู้หญิงที่อ่อนโยนมาเสมอและเธอเองก็เซ็กซี่ไม่แพ้ผู้หญิงคนใดในเวลาเดียวกัน ซึ่งผู้ชายนั้นมักจะมีความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อยู่เสมอเธอจึงถูกสังคมมองว่าเธอนั้นมักจะชอบโชว์เรือนร่างของเธอและล่อลวงสายตาของผู้คนด้วยเรือนร่างของเธอเช่นนั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วที่เธอไปใกล้ชิดกับเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพลเหล่านั้นก็ไม่ใช่เรื่องงานแต่อย่างใดเพราะส่วนมากจะเป็นการดื่มกินและการมอบความบันเทิงให้แก่คนเหล่านั้นเสียมากกว่า และหลินยี่เองก็มักจะรู้สึกว่าเธอพิเศษเหนือกว่าใครและคิดไปเองเพียงคนเดียวเพราะหลี่ลู่หลานนั้นต่อหน้าหลินยี่เธอมักจะทำตัวไร้เดียงสาอยู่เสมอ
เมื่อเผชิญหน้ากับเย่เชียนแล้วแน่นอนว่าหลี่ลู่หลานนั้นจะไม่ลืมที่จะหว่านเสน่ห์ใส่เย่เชียน เพราะถ้าหากว่าเธอทำให้เย่เชียนโปรดปรานเธอได้แล้วมันก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเธอในอนาคต
หลี่ลู่หลานก็โบกมือให้ผู้ช่วยและพูดว่า “เธอออกไปก่อน!”
ผู้ช่วยก็ตอบแล้วเดินออกไป
เย่เชียนนั้นก็ถือได้ว่าเขาเป็นผู้มีประสบการณ์มากมายและโชกโชนอย่างมากเพราะเขานั้นมักจะอยู่ท่ามกลางสาวสวยที่ราวกับดอกไม้นับหมื่นดอกและขนาดผู้หญิงที่งดงามดั่งนางฟ้าอย่างซ่งหลันนั้นเย่เชียนก็ยังสามารถควบคุมและยับยั้งชั่งใจเอาไว้ได้แล้วนับประสาอะไรกับหลี่ลู่หลานคนนี้ ซึ่งเมื่อเทียบกับการยั่วยวนที่ร้อนแรงของซ่งหลันแล้วหลี่ลู่หลานก็แทบจะเหมือนเด็กๆ ที่ไร้เดียงสาไปเลย
เย่เชียนนั้นก็ไม่ได้มองหรือแยแสเธอเลยในขณะที่หลี่ลู่หลานนั้นค่อยๆ เปิดต้นขาของเธออย่างยั่วยวน ซึ่งเย่เชียนก็จงใจเงยหน้าขึ้นและไม่สนใจการกระทำที่ยั่วยวนของเธอเลยแม้แต่น้อยและจิบน้ำอย่างเย็นชาซึ่งทำให้หลี่ลู่หลานหัวเราะออกมาเบาๆ ซึ่งในใจของเธอนั้นเธอคิดว่าเย่เชียนคงจะเป็นพวกผู้ชายที่เย่อหยิ่งและไม่ง่ายนักที่จะพิชิตเขา ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเธอจะต้องสยบเย่เชียนให้ได้ด้วยมือของเธอเอง
“เอ่อ..คุณเย่คะ!” เมื่อหลี่ลู่หลานเห็นท่าทางที่เฉยเมยอย่างน่าหลงใหลของเย่เชียนเช่นนี้เธอก็เอ่ยปากเรียกเขา
“อ้อคุณหลี่เรียกผมหรอครับ?” เย่เชียนถามด้วยท่าทางที่ดูงุนงง
เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของเย่เชียนใกล้ๆ แล้วหัวใจของหลี่ลู่หลานก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างลับๆ เพราะเธอมองว่าเย่เชียนนั้นเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและร่ำรวยแต่ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะพิชิตใจเขาด้วยมือของเธอเอง “คุณเย่มีเรื่องอะไรถึงอยากพบฉันหรอคะ?” หลี่ลู่หลานถาม


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน