พัคฮยอนจูเป็นผู้ช่วยของหลี่ลู่หลานซึ่งเธอก็ถึงกับผงะไปเมื่อเห็นเย่เชียนหลังจากนั้นเธอก็ยิ้มและพูดว่า “สวัสดีค่ะคุณเย่..คุณมาเยี่ยมเธอด้วยหรอคะ?”
“เปล่าครับ..ผมตั้งใจมาหาคุณพัคโดยเฉพาะเลย..คุณพอมีเวลาไปทานข้าวด้วยกันสักหน่อยมั้ยครับ?” เย่เชียนพูด
พัคฮยอนจูก็ตกตะลึงไปชั่วขณะและเธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเธอเพราะเธอรู้มากจากหลี่ลู่หลานเมื่อวันก่อนว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอคือพี่เขยของหลินยี่และดูเหมือนว่าวันนี้เขากำลังมองหาตัวเองเพราะเรื่องของหลินยี่เป็นแน่ ซึ่งเมื่อนึกถึงสิ่งนี้พัคฮยอนจูก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ได้สิคะคุณเย่..คุณเชิญฉันขนาดนี้แล้วฉันจะปฏิเสธคุณได้ยังไงล่ะคะ” หลังจากนั้นเธอก็เดินมาที่รถและเปิดประตูรถแล้วก็เข้าไปนั่ง
“คุณพัคชอบกินอาหารแบบไหนหรอครับ?” เย่เชียนถาม
“ฉันมาประเทศจีนก็เลยอยากจะกินอาหารจีนค่ะ..ฉันเองก็ชอบอาหารเสฉวนมากเลยค่ะ” พัคฮยอยจูพูดตรงไปตรงมาอย่างสบายๆ ผู้ช่วยของเหล่าคนดังอย่างเธอที่มักจะติดต่อกับผู้คนที่แตกต่างกันมาหลายประเภทและทุกเพศทุกวัยจนถึงทุกวันนี้โดยปกติแล้วเธอก็มักจะปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์ และถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่เข้าใจถึงเจตนาและจุดประสงค์ที่แท้จริงของเย่เชียนก็ตามแต่ถึงยังไงแล้วมันก็ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องของหลินยี่อย่างแน่นอนซึ่งเธอคิดเช่นนั้น เธอเองก็มั่นใจในเรื่องนี้อยู่เหมือนกันเพราะไม่เช่นนั้นเย่เชียนก็คงจะไม่เชิญเธอไปทานมื้อค่ำโดยไม่มีเหตุผลอะไรอย่างแน่นอน ซึ่งเธอเองก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลย
ระหว่างที่เย่เชียนขับรถออกจากโรงพยาบาลเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ผมไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าคนเกาหลีจะชอบอาหารเสฉวนน่ะ..รสนิยมของคุณพัคเนี่ยยอดเยี่ยมมากเลยนะครับ..คุณดูไม่เหมือนคนเกาหลีเลย”
พัคฮยอนจูก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ค่ะ..แม่ของฉันเป็นชาวจีนเพราะงั้นฉันก็เลยชอบอาหารจีนมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ.. และก็ประเทศเกาหลีน่ะกินกิมจิกันทุกวันเลย..พอนานๆ ไปฉันก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นกิมจิไปซะแล้วน่ะ”
“คุณพัคเนี่ยเป็นคนอารมณ์ดีมากเลยนะครับ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองก็คุยกันมาตลอดทางและหลังจากนั้นไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงหน้าร้านอาหารจีนเสฉวนและทั้งสองก็ลงจากรถและเดินเข้าไปหาที่จะนั่งและสั่งอาหารกันอย่างเป็นธรรมชาติ
เย่เชียนก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและพูดว่า “การกินอาหารเสฉวนน่ะต้องควบคาไปกับแอลกอฮอล์แรงๆ ..เพราะความเผ็ดร้อนมันจะส่งผ่านจากปากไปยังกระเพาะอาหารโดยตรงและกลิ่นของแอลกอฮอล์ก็จะพุ่งตรงไปยังสมองจากลำคอน่ะ..ความรู้แบบสึกนั้นมันจะสบายและสดชื่นมากกว่าการกินโสมแท้ๆ ซะอีก..คุณน่าจะลองสักแก้วนะครับ”
พัคฮยอนจูก็ยิ้มเบาๆ และพูดว่า “คุณเย่คะ..ฉันคิดว่าที่คุณเย่มาหาฉันแบบนี้คุณคงไม่ได้มาเพราะจะชวนฉันมาดินเนอร์หรอกใช่มั้ยคะ? ..คุณพูดมาเถอะค่ะฉันจะได้ทานอาหารได้อย่างสบายใจ”
“คุณพัคเนี่ยเป็นคนตรงๆ จริงๆ ..ถ้างั้นผมก็จะพูดเลยก็แล้วกัน” เย่เชียนพูด “วันนี้ที่ผมมาหาคุณพัคก็เกี่ยวกับเรื่องของหลี่ลู่หลานน่ะครับ..หลินยี่น่ะเป็นน้องชายภรรยาของผม..ผมเลยไม่อยากให้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา..คุณพัคเข้าใจสิ่งที่ผมจะสื่อใช่มั้ยครับ”
“คุณเย่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ..จริงๆ แล้วฉันจ้องตั๋วเพื่อบินไปประเทศฝรั่งเศสในคืนนี้แล้วค่ะ” พัคฮยอนจูพูดด้วยรอยยิ้ม
ท่าทีและการกระทำของพัคฮยอนเช็คเงินสดนั้นเกินความคาดหมายของเย่เชียนอย่างมากซึ่งหลังจากได้ยินคำพูดของเธอแล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง เมื่อเห็นเช่นนั้นพัคฮยอนจูก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ถึงแม่ว่าฉันจะไม่รู้จักตัวตนของคุณเย่เลยก็เถอะ..แต่ฉันก็เห็นแล้วว่าคุณสามารถนัดพบกับหลี่ลู่หลานจากบริษัทต้นสังกัดได้โดยตรงแบบนั้นฉันก็รู้ได้ทันทีว่าคุณเย่น่ะจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาๆ อย่างแน่นอน..ฉันเองก็รู้ว่าโลกแห่งความเป็นจริงนั้นมันเป็นยังไง..เพราะถ้าเกิดเรื่องแบบในวันนี้ขึ้นฉันก็รู้ว่าเรื่องต่างๆ มันต้องซับซ้อนมากแน่ๆ ..อันที่จริงแล้วตอนที่ฉันก้าวขึ้นรถน่ะฉันก็หวาดกลัวและหวาดระแวงว่าคุณเย่จะฆ่าฉันหรือเปล่า? ..ที่ฉันมาที่นี่ก็แค่มาทำงานเพียงเท่านั้นฉันไม่ได้อยากมาตาย..ซึ่งเรื่องหลี่ลู่หลานมันก็เกิดขึ้นไปแล้วและมันก็ยากสำหรับฉันจริงๆ ที่ต้องกลับไปอธิบายสิ่งต่างๆ ให้ต้นสังกัดฟัง..และพอฉันครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่งฉันก็ตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินเพื่อบินไปยังประเทศฝรั่งเศสตอนสี่ทุ่มคืนนี้ค่ะ”
เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ฉลาดอะไรอย่างนี้! เย่เชียนตะโกนออกมาอย่างลับๆ ในใจ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่สบายและไม่ยุ่งยากนักที่จะเผชิญหน้ากับคนที่ฉลาดเช่นเธอ เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ถ้าคุณพัคพูดแบบนั้นผมก็โล่งใจครับ..ผมจะจดจำความมีน้ำใจของคุณพัคเอาไว้..และถ้าหากคุณพัคต้องการอะไรในอนาคตก็ติดต่อผมมาได้เลยนะครับ..เย่เชียนคนนี้จะทำทุกอย่างให้คุณเอง..ว่าแต่! ..ไม่ทราบว่าคุณพัคมีแผนจะทำอะไรหลังจากไปฝรั่งเศสหรอครับ?”
“จริงๆ แล้วฉันน่ะเบื่อหน่ายกับวงการบันเทิงมามากพอแล้ว..ฉันเบื่อจริงๆ ..และอีกอย่างพ่อกับแม่ของฉันน่ะพวกเขาก็ย้ายไปอยู่ที่ฝรั่งเศสกันตั้งนานแล้ว..และคราวนี้ฉันก็จะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวได้สักที..และก็จะไปหางานอื่นที่ธรรมดาๆ ทำคงจะดีกว่าน่ะค่ะ” พัคฮยอนจูพูด
“ถ้าอะไรที่ทำแล้วสบายใจเราก็ควรจะทำ..ยังไงก็เถอะถ้าในอนาคตหากคุณพัคต้องการอะไรหรือจะให้ผมช่วยอ่ะไรก็ติดต่อผมมาได้เลยนะครับ..แล้วก็ถ้าหากคุณพัคต้องการที่จะหางานทำในประเทศฝรั่งเศสล่ะก็คุณลองไปที่สำนักงานเครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาฝรั่งเศสก็แล้วกันนะครับ..เดี๋ยวผมจะแจ้งให้พวกเขาทราบเอาไว้ก็แล้วกันครับ” เย่เชียนพูด
พัคฮยอนจูก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและถามด้วยความประหลาดใจว่า “เครือน่านฟ้ากรุ๊ปเป็นบริษัทของคุณเย่หรอคะ?”
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆ และพยักหน้าจากนั้นก็พูดว่า “ใช่ครับ! ..เครือน่านฟ้ากรุ๊ปเป็นหนึ่งในของธุรกิจของผมครับ”
พัคฮยอนจูดูแปลกใจและตกตะลึงอย่างมากเพราะเธอเองก็มักจะเดินทางไปต่างประเทศอยู่บ่อยครั้งซึ่งทำให้เธอรู้จักเครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้โดยธรรมชาติ เพราะถึงแม้ว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นจะไม่ใช่บริษัทอันดับหนึ่งของโลกก็ตามแต่ถึงยังไงเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็ติดอันดับ 1 ใน 20 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกได้ซึ่งมันยิ่งใหญ่มากจริงๆ “โห..ขอโทษค่ะที่ถาม..ฉันไม่รู้จริงๆ” พัคฮยอนจูพูด
“ไม่เป็นไรครับ..คุณพัคเนี่ยเป็นคนตรงๆ มากเลย” เย่เชียนก็ยิ้มและเอื้อมมือไปหยิบเช็คเงินสดออกมาจากเสื้อของเขาและพูดว่า “นี่ครับ..นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากผม..ผมหวังว่าคุณพัคจะรับเอาไว้นะครับ”
“โอ้ไม่ๆ ค่ะ..ฉันจะรับเงินของคุณเย่เอาไว้ได้ยังไงกันคะ” ในตอนนี้พัคฮยอนจูรู้สึกแล้วว่าเธอได้ปีนขึ้นไปบนกิ่งไม้ที่สูงสุดหูสุดตาและเธอก็ไม่กล้าที่จะมีความคิดอื่นๆ และความหมายอื่นๆ ในใจของเธออีกต่อไป
เย่เชียนก็ไม่ได้ดึงเช็คเงินสดกลับแต่อย่างใดซึ่งเขาก็ยังคงยื่นให้เธอพร้อมรอยยิ้มและเขาก็พูดว่า “ผมชอบคนแบบคุณพัคนะ..ผมชอบผูกมิตรกับคนนิสัยแบบคุณมาก..ถ้าคุณพัคไม่รับมันเอาไว้เผมก็เสียใจแย่น่ะสิ..เงินน่ะมันก็เป็นเพียงแค่สิ่งของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้..แต่เพื่อนกับมิตรภาพน่ะคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผม”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน