นักโทษเหล่านั้นก็ส่งเสียงดังมากจนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เอากระบอกเหล็กเคาะไปที่ประตูเหล็กอย่างแรงและตะโกนว่า “หุบปากไป! ..อย่าโวยวาย”
เย่เชียนก็หันหน้าไปมองเจ้าหน้าที่ตำรวจและพูดว่า “เปิดประตูหน่อย!” เนื่องจากหลินยี่ถูกนักโทษเหล่านั้นทุบตีเช่นนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตื่นตระหนกและกระวนกระวายอย่างมาก และเมื่อเป็นเช่นนี้เขาจะกล้าคิดอะไรได้อีกเขาจึงรีบหยิบกุญแจห้องขังและไขประตูเหล็กออก
เย่เชียนก็เดินเข้าไปดูอาการของหลินยี่และตบไหล่เขาเบาๆ แล้วถามว่า “เป็นไง..สบายดีมั้ย..บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
หลินยี่ก็ส่ายหัวและพูดว่า “มันก็แค่ผิวเผินเท่านั้นครับ..ผมไม่เป็นไร”
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ มองไปที่เหล่านักโทษในห้องขังและพูดว่า “ไหนพูดมาซิว่าใครเป็นคนทำเขา?”
เหล่านักโทษก็มองไปที่เย่เชียนอย่างเย้ยหยันและชายหัวโล้นคนหนึ่งก็ลุกออกมาจากเตียงและเดินไปหาเย่เชียนอย่างช้าๆ และมองเย่เชียนขึ้นและลงจากหัวจรดเท้าและพูดว่า “แกเป็นใครวะ? ..เก่งนักรึไงวะ?”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและใบหน้าของเขาก็มืดมนลงในทันทีจากนั้นเย่เชียนก็ง้างท้าวถีบชายหัวโล้นโดยไม่มีการเตือนใดๆ จนชายหัวโล้นกระเด็นกลับไปทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตกใจเมื่อเห็นฉากเหล่านี้แต่เขาก็เลือกที่จะปิดปากของตัวเองไปอย่างเชื่อฟัง ซึ่งถ้าหากเย่เชียนถูกกระทำล่ะก็เขาก็จะเข้าไปห้ามและหยุดเอาไว้แต่ทว่าตอนนี้กลับเป็นเย่เชียนเองที่เป็นฝ่ายกระทำดังนั้นเขาก็จะปิดปากไปอย่างเชื่อฟังเพื่อไม่ให้เย่เชียนขุ่นเคือง
ชายหัวโล้นร่างใหญ่ที่สูง 1.8 เมตรและหนักอย่างน้อยๆ สองร้อยกิโลกรัมแต่ร่างทั้งร่างของเขาก็กระเด็นออกไปราวกับว่าวที่แตกหักไปกระแทกเตียงเหล็กและดูเหมือนว่าเขาจะกระดูกซี่โครงหักด้วย ซึ่งตอนนี้ชายหัวโล้นก็นอนโอดครวญอยู่บนพื้นอย่างไม่หยุดไม่หย่อน “พวกแกนี่คงจะเบื่อหน่ายกับชีวิตกันแล้วสินะถึงได้มากระทืบน้องชายภรรยาของฉันแบบนี้เนี่ย!” เย่เชียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์
เห็นได้ชัดเลยว่าชายหัวโล้นร่างใหญ่คนนี้เป็นหัวโจกของนักโทษเหล่านี้และเมื่อเหล่าลูกน้องเห็นว่าเขาถูกทำร้ายเช่นนี้แล้วนักโทษคนอื่นๆ ก็ลุกออกมาจากเตียงและพุ่งเข้าหาเย่เชียนซึ่งเย่เชียนก็แสยะยิ้มและหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเพียงเสียงคร่ำครวญและโอดครวญและนักโทษทั้งหมดก็นอนดิ้นกันอยู่บนพื้น ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นฉากนี้แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งตัวและคิดอย่างลับๆ ว่า “เขาไม่ธรรมดาเลย”
เย่เชียนก็เดินไปข้างหน้าชายหัวโล้นอย่างช้าๆ และนั่งยองๆ จากนั้นก็แล้วตบไหล่เขาเบาๆ แล้วพูดว่า “นี่แกรู้มั้ยว่าเขาน่ะเป็นใคร?” เย่เชียนพูดพร้อมชี้ไปที่หลินยี่
“รู้สิ..พวกเรารู้ว่าลุงของเขาคือหลินไห่รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคประจำมณฑล!” ชายหัวโล้นพูดด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว
“ถ้างั้นพวกแกกล้าทำเขาได้ยังไง? ..ใครสั่งแกมา?” เย่เชียนยังคงถามต่อ
“ก็..ก็นายน้อยเสี่ยวสั่งให้พวกเราทำแบบนี้ครับ..คือ..คือหัวหน้าครับพวกเราก็แค่ทำเพราะถูกสั่งมาน่ะครับ..ท่านหัวหน้าโปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วยครับ..พวกเราถูกบังคับมาจริงๆ” ชายหัวโล้นพูดด้วยความสั่นเทาและน้ำเสียงสั่น
“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันหรอก..แกไปถามน้องชายของฉันสิว่าเขาจะปล่อยพวกแกไปมั้ย!” เย่เชียนพูด
เมื่อชายหัวโล้นได้ยินเช่นนี้ดังนั้นเขาจึงรีบพยายามคลานไปที่ด้านข้างของหลินยี่และขอร้องว่า “นายน้อยหลินครับ..ผมขอโทษ..ผมขอโทษจริงๆ ..พวกเราผิดไปแล้วครับโปรดยกโทษให้เด็กน้อยอย่างพวกผมด้วยครับ..ในอนาคตถ้าหากมีสิ่งใดที่นายน้อยหลินต้องการล่ะต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟพวกเราก็จะไม่ลังเลเลยครับ!”
หลินยี่ก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนที่กำลังจ้องมองตนอยู่อย่างคาดหวังแต่เย่เชียนก็ไม่ได้พูดหรือบอกใบ้อะไรใดๆ กับเขาเลย ซึ่งหลังจากที่เงียบไปชั่วขณะหลินยี่ก็ยื่นมือออกไปช่วยพยุงชายหัวโล้นขึ้นมาและพูดว่า “ถ้านายสำนึกผิดได้แล้วก็ไม่เป็นไร..และเมื่อไหร่ที่นายออกจากคุกมาแล้วพวกนายก็มาหาฉันก็แล้วกัน..มาเป็นพวกพ้องของฉันซะ..ฉันยินดีต้อนรับ!”
ชายหัวโล้นก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะแล้วเขาก็รีบขอบคุณหลินยี่ครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะเขานั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่เขาเดินมาเหยียบขี้แบบนี้แล้วเขาจะโชคดีได้ถึงขนาดนี้ เพราะถ้าหากเขาได้ติดตามหลินยี่เมื่อไหร่ล่ะก็ชีวิตของเขาก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอน และยิ่งไปกว่านั้นหลินยี่คนนี้ก็มีผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่อย่างเย่เชียนอยู่ด้วยเพราะฉะนั้นนับจากนี้ไปเขาก็จะสามารถเดินบนท้องถนนในเมืองหางโจวได้อย่างสง่าผ่าเผย
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพึงพอใจกับวิธีการจัดการและการตัดสินใจของหลินยี่อย่างมาก นั่นก็เพราะว่าคนเหล่านี้นั้นไม่สามารถแก้ปัญหาและดัดนิสัยได้ด้วยการตบตีพวกเขาแต่ถ้าหากเราซื้อใจพวกเขาได้แล้วล่ะก็มันจะเป็นทางเลือกที่ดีอย่างมากและก็จะมีกำลังคนเพิ่มขึ้นเพื่อที่เขาจะได้แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย หลังจากนั้นเย่เชียนก็เดินไปข้างๆ ชายหัวโล้นและพูดว่า “วันพรุ่งนี้กับมะรืนนี้เสี่ยวเจี๋ยมันจะมาอยู่ที่นี่ด้วย..เพราะงั้นพวกนายก็จำเอาไว้ว่าพวกนายต้องต้อนรับมันให้ดีล่ะ..แต่อย่าให้ถึงตายล่ะเข้าใจมั้ย?”
“ได้เลยครับหัวหน้า!” ชายหัวโล้นพยักหน้าและพูด
เย่เชียนก็ตบไหล่ของชายหัวโล้นเบาๆ แล้วพูดว่า “ดูแลน้องชายของฉันให้ดีล่ะ..และในอนาคตฉันรับรองได้เลยว่าพวกนายจะได้อยู่เหนือเหล่ามาเฟียในเมืองหางโจวแห่งนี้! ..ว่าแต่นายรู้มั้ยเนี่ยว่าฉันเป็นใคร?”
ชายหัวโล้นก็ส่ายหัวอย่างว่างเปล่าและถามด้วยความงุนงงว่า “เอ่อ..ท่านหัวหน้า?”
“ฉันชื่อเย่เชียน..ก็เป็นเรื่องปกติที่นายจะไม่รู้จักฉัน..แต่นายก็น่าจะรู้จักตู้ไห่ใช่มั้ย? ..นั่นแหละ..เขาคนนั้นเมื่อเห็นหน้าฉันเขายังต้องก้มหัวเคารพฉันเลย! ..เอาล่ะ..หลังจากที่พวกนายออกมาจากคุกกันแล้วฉันจะเตรียมงานเอาไว้ให้พวกนายอย่างดีเลยก็แล้วกัน..”
ตู้ไห่คือใครน่ะเหรอ? ซึ่งชายหัวโล้นก็รู้จักเขาเป็นอย่างดีเพราะหลังจากที่ราชาแห่งขุนเขาเฝิงเฝิงตายไปตู้ไฮ่คนนี้ก็มาแทนทีบัลลังก์ยักษ์ใหญ่แห่งเมืองหางโจวแทน ซึ่งขนาดบุคคลระดับนี้ยังต้องก้มหัวต่อหน้าเย่เชียนเช่นนี้แล้วซึ่งแสดงให้เห็นว่าเย่เชียนคนนี้นั้นน่ากลัวและยิ่งใหญ่เพียงใด ซึ่งเมื่อคิดเช่นนั้นแล้วชายหัวโล้นก็คิดว่าการที่เขาถูกเย่เชียนทำร้ายเมื่อครู่นี้นั้นมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งในชีวิตของเขา
หลังจากนั้นเย่เชียนก็หันหน้าไปและชำเลืองมองหลินยี่และพูดว่า “หลินยี่..นายอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจแล้วล่ะ..เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเรื่องข้างนอกก่อน..อย่าคิดมากมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก” จากนั้นเย่เชียนก็โน้มตัวไปข้างๆ หูของหลินยี่และกระซิบเบาๆ ว่า “จำเอาไว้นะว่าถ้าพวกเขามาถามนายว่านายอยู่ที่ไหนตอนเกิดเหตุ..นายก็แค่ตอบไปว่านายอยู่กับฉัน..เพราะมันจะไม่มีใครกล้ามาถามฉันเข้าใจมั้ย?”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน