อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขาและนั่งกินอาหารอย่างสบายใจเฉิบ เพราะนักเลงเหล่านี้นั้นไม่สามารถดึงดูดสายตาของเย่เชียนได้เลย ส่วนหูวเค่อก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่พวกเขาเหล่านั้นอย่างเย็นชา
หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของหูวเค่ออย่างชัดเจนแล้วเด็กหนุ่มวัยรุ่นเหล่านั้นก็มีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฏอยู่ที่ใบหน้าทันที ซึ่งเด็กหนุ่มผมยาวที่พูดเมื่อครู่นี้ก็ลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะของเย่เชียนอย่างช้าๆ หลังจากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนพลางคิดว่าผู้ชายคนนี้ดูธรรมดามากและหลังจากนั้นเขาก็หันไปมองหูวเค่อและพูดเบาๆ ว่า “สาวสวย..เธอชื่ออะไรเหรอ..เธอมีแฟนหรือยัง?”
เย่เชียนก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วยและยิ่งไปกว่านั้นเขากลับอธิษฐานให้เด็กหนุ่มคนนี้อย่างลับๆ ว่าไปยั่วโมโหหูวเค่อเลยเพราะเธอนั้นอาจจะฆ่าใครก็ตามที่มายุ่งวุ่นวายกับเธอ หูวเค่อก็ขมวดคิ้วและยิ้มอย่างเหยียดหยามและพูดว่า “ออกไปซะ!”
“หืม..อารมณ์ฉุนเฉียวดีหนิ! ..ฉันล่ะชอบผู้หญิงที่เร่าร้อนเหมือนเธอจริงๆ ..มันคงจะสนุกน่าดูถ้าเราอยู่บนเตียงด้วยกัน” เด็กหนุ่มผมยาวพูดขณะที่เขาเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของหูวเค่อ
หูวเค่อก็ใช้มือซ้ายของเธอตบเข้าไปที่หน้าของเด็กหนุ่มผมยาว ซึ่งด้วยการตบหน้าในครั้งนี้นั้นเป็นสิ่งที่เย่เชียนไม่คาดคิดอย่างมากจนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและจ้องมองหูวเค่ออย่างว่างเปล่าและงุนงง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอีกต่อไปแล้วที่ผู้หญิงคนนี้เคยบอกว่าเธอนั้นไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยมือของเธอเองเพราะมันจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเลวร้ายลง ซึ่งนั่นก็จริงเพราะความแข็งแกร่งและความรุนแรงที่แสดงออกมาโดยการตบครั้งนี้นั้นมันไม่ใช่สิ่งที่แม้แต่เย่เชียนเองจะสามารถทำได้เลย
ร่างของเด็กหนุ่มผมยาวกระเด็นออกไปเหมือนว่าวที่หักและล้มลงบนโต๊ะซึ่งแม้แต่โต๊ะเองก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และซุปหม้อไฟร้อนๆ ก็หกใส่หน้าของเขาและเขาก็กรีดร้องอย่างโอดครวญ เหล่าวัยรุ่นที่มากับเด็กหนุ่มผมยาวก็ถึงกับผงะไปเพราะพวกเขานั้นมองไม่เห็นเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เพราะพวกเขาเพียงแค่เพื่อนของเขากำลังเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าขอบหูวเค่อแล้วจากนั้นหูวเค่อก็ตบเขา แต่ทว่าเพื่อนของเขากลับกระเด็นออกมาอย่างไม่มีเหตุผลและพวกเขาก็ไม่เชื่ออย่างสุดใจว่าจะมีมนุษย์ที่สามารถตบมนุษย์กระเด็นออกไปในอากาศเช่นนี้ได้ ซึ่งพวกเขาคิดแค่ว่านี่อาจจะเป็นมือหรือเท้าของเย่เชียนก็แอบทำเพื่อนของเขาก็เป็นได้ เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วพวกเขาก็ไม่ลังเลใดๆ และรีบหยิบเก้าอี้ขึ้นมาแล้วกำลังจะฟาดเข้าไปที่เย่เชียน
“เฮ้ยเดี๋ยวๆ! ..เธอเป็นคนทำแล้วทำไมถึงมาลงที่ฉันล่ะ” เย่เชียนตะโกนอย่างเร่งรีบ
วัยรุ่นเหล่านั้นก็รู้สึกตกใจไปกับคำพูดของเย่เชียนและจากนั้นพวกเขาก็หันกลับมาและฟาดเก้าอี้ไปทางหูวเค่อ และเป็นเพราะว่าทว่าทักษะของหูวเค่อนั้นสูงกว่าของเขาดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเธอ ซึ่งหลังจากนั้นเย่เชียนก็รีบหยิบหม้อไฟขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวและขยับหนีออกไปด้านข้างและวางหม้อไฟลงจากนั้นเขาก็เริ่มกินมันอย่างสบายใจเฉิบ
หูวเค่อก็ชำเลืองมองไปที่เย่เชียนเย่เชียนและพูดว่า “นี่คุณจะไม่ช่วยฉันหน่อยหรอ?” หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนและปัดเก้าอี้ออกไปด้วยฝ่ามือและในทันใดนั้นเก้าอี้มันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และตามด้วยฝ่ามือทั้งสองที่ถูกปล่อยออกมาเป็นชุดและเพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมาพวกเขาเหล่านั้นก็กระเด็นกลับไปกันหมด ซึ่งภายในร้านอาหารหม้อไฟนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของลูกค้าคนอื่นๆ ที่อยู่ห่างออกไป
“หึ! … “เย่เชียนคีบหมูแฮมชิ้นหนึ่งแล้วยัดมันเข้าปากและเขาก็สะดุ้งออกมาเพราะมันร้อนมาก หลังจากนั้นเย่เชียนก็ชำเลืองมองหูวเค่อและพูดว่า “ดูสิ! ..คุณต้องการให้ผมช่วยที่ไหน”
หูวเค่อก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า “ฉันยังไม่ได้กินหม้อไฟเลย”
“อ้อ..มาสิๆ” เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุขและรีบหยิบหม้อไฟมาวางลงบนโต๊ะหลังจากนั้นเขาก็เหลือบไปที่เด็กวัยรุ่นเหล่านั้นแล้วพูดว่า “อย่าหนีไปซะละ..พวกนายทำข้าวของเสียหายไปหลายอย่างแบบนี้แล้วพวกนายก็ควรจะจ่ายค่าเสียหายซะ”
ในขณะนี้เจ้าของร้านอาหารหม้อไฟก็เดินเข้ามาซึ่งเธอเป็นหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่น่ารักอย่างมากและมีอายุเพียงแค่ยี่สิบต้นๆ ซึ่งเธอก็มองไปที่เย่เชียนอย่างสั่นสะท้านและพูดว่า “เอ่อ..ขอโทษนะคะคุณ..ฉันโทรแจ้งตำรวจไปแล้วค่ะ”
เย่เชียนก็หันไปมองเธอและยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “คนสวยครับ..คุณก็เห็นแล้วหนิว่าพวกเขามายุ่งวุ่นวายกับพวกเราก่อนน่ะ..ส่วนค่าเสียหายอย่ากังวลไปเลย” หลังจากนั้นเย่เชียนก็ลุกขึ้นและเดินไปที่กลุ่มวัยรุ่นและค้นตัวพวกเขาและหยิบเงินออกมาทั้งหมดและเดินไปวางมันลงบนมือของหญิงสาวและพูดว่า “นี่น่าจะพอสำหรับชดเชยค่าเสียหายใช่มั้ยครับ? ..ส่วนค่าอาหารของผมก็น่าจะพอเหมือนกัน”
หญิงสาวถึงกับแน่นิ่งไปชั่วขณะและเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เพราะเธอนั้นไม่รู้ถึงตัวตนของเย่เชียนเพราะงั้นเธอก็กลัวว่าเขาอาจจะเป็นคนที่เป็นพวกอันธพาลหรือแก๊งมาเฟียเช่นนั้น เพราะสำหรับคนที่ทำธุรกิจปิดร้านเหมือนพวกเธอนั้นต่างก็กลัวคนเหล่านี้และไม่สามารถที่จะไปทำให้พวกเขาขุ่นเคืองได้ เย่เชียนก็ยิ้มและยืนขึ้นพร้อมกับจับมือของหูวเค่อแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ..เดี๋ยวตำรวจมาแล้วจะเป็นปัญหาเอาได้” จากนั้นเย่เชียนก็มองไปที่หญิงสาวเจ้าของร้านหม้อไฟและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลนะ..ผมไม่ได้เป็นพวกนักเลง..คุณเก็บเงินนี้เอาไว้เถอะ..ผมจะไม่รบกวนคุณ”
“เดี๋ยว! ..ฉันยังไม่ได้กินเลย” หูวเค่อพูด
“เอาหน่าเดี๋ยวค่อยไปกินวันหลัง” เย่เชียนพูดพร้อมกับดึงมือของหูวเค่อออกจากร้านอาหารหม้อไฟไป
หลังจากที่เดินเล่นกันข้างนอกไปสักพักทั้งสองก็กลับไปที่โรงแรมและทันทีที่พวกเขาเข้ามาที่ห้องพักเย่เชียนก็ถอดเสื้อผ้าและพูดว่า “ผมขอไปอาบน้ำก่อนนะ..คุณไปรอผมที่เตียงได้เลย”
หูวเค่อถึงกับผงะไปและพูดว่า “นี่คุณจะทำอะไร? ..คุณอยากตายจริงๆ หรอ?”
“ถ้าต้องตายภายใต้ดอกโบตั๋นที่งดงามอย่างคุณ..ผมยอมเป็นผีก็ได้” เย่เชียนพูดขณะที่เขาเข้าไปในห้องน้ำ และภายในหัวใจของหูวเค่อก็เต้นเร็วขึ้นและหัวใจของเธอก็สับสนวุ่นวายอย่างมากพลางคิดว่าเขาอยากทำจริงๆ อย่างงั้นเหรอ? แล้วถ้าหากว่าเขาต้องการทำจริงๆ ล่ะ? ฉันควรจะทำยังไงดี? หูวเค่อคิดไปต่างๆ นาๆ อย่างกระวนกระวายใจ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน