เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดนักรบจอมราชัน นิยาย บท 362

ตอนที่ 362 เกมสนุกเกอร์

ในที่สุดเย่เชียนก็รู้แล้วคำเตือนของซูเหว๋ยนั้นมันหมายถึงอะไรเพราะโชคร้ายเขาแทงผิดมุมและแล้วเขาก็ไม่มีโอกาสพลิกกลับได้อีก และในทันใดนั้นซูเหว๋ยก็ยักคิ้วและมองไปที่เย่เชียนอย่างเย้ยหยันพร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยลอยอยู่รอบๆ ปากของเธอและก็พูดว่า “นายพร้อมที่จะเป็นทาสรับใช้ของฉันหรือยัง?”

เย่เชียนก็หัวเราะด้วยความขมขื่นและพูดว่า “เอ่อ..คือว่า..ทาสรับใช้ที่คุณหมายถึงนี่ไม่รวมหลับนอนกับคุณด้วยใช่มั้ย..ถ้าให้ผมไปทำแบบนั้นผมจะไม่ทำ..ผมยังขาวสะอาดบริสุทธิ์อยู่นะ”

“ฝันไปเถอะ..ฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก” ซูเหว๋ยเหลือบมองเย่เชียนและยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า “เอาโทรศัพท์มือถือของนายมา!”

“คุณจะเอาไปทำอะไร?” เย่เชียนถามขณะยื่นโทรศัพท์มือถือที่ซื้อมาใหม่ให้ซูเหว๋ยซึ่งเธอก็หยิบมันและบันทึกหมายเลขโทรศัพท์มือถือของเธอเอาไว้และซูเหว๋ยก็พูดว่า “นี่คือเบอร์โทรศัพท์ของฉัน..จำเอาไว้ด้วยว่าฉันสามารถโทรหานายได้ตลอด 24 ชั่วโมง!”

“ทำไมเป็นงั้นล่ะ..ถึงแม้ว่าผมจะเป็นทาสรับใช้ของคุณแต่ผมก็มีสิทธิมนุษยชนนะ” เย่เชียนพูดอย่างน่าสงสาร

“ขอโทษทีนะ..ทาสรับใช้ของฉันน่ะจะไม่มีสิทธิมนุษยชนใดๆ ทั้งนั้น..ก็นายแพ้ฉันเองหนิ..เราพนันกันแล้วนะ..นอกเสียจากนายจะยอมรับว่านายไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้วฉันจะลืมๆ มันไปซะ!” ซูเหว๋ยพูดอย่างไม่แยแส

เย่เชียนก็คิดว่านี่ตัวเองโง่ขนาดนี้เลยเหรอทำไมถึงเลือกทำแบบนี้? นี่มันคือการเดินเข้าไปให้คนอื่นรังแกเลยไม่ใช่เหรอ? แต่ในเมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกลั่นวาจาออกไปแล้วเย่เชียนก็ไม่สามารถกลับคำได้เพราะเขาจะไม่ใช่ลูกผู้ชายนั่นเอง ในขณะนี้จู่ๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจากด้านนอกประตูโดยสวมชุดสูท Armani สุดหรูและทันทีที่เขาคนนั้นก้าวเข้ามาเขาก็ขมวดคิ้วแน่นทันทีและพูดอย่างดูถูกว่า “ที่นี่มันอะไรกันวะเนี่ยเหม็นสาบจริงๆ!”

เมื่อเขาเดินเข้าไปหาซูเหว๋ยเขาก็เห็นเย่เชียนกับซูเหว๋ยกำลังคุยกันและหัวเราะด้วยกันดังนั้นเขาจึงมีร่องรอยของความโกรธเกรี้ยวอยู่บนใบหน้าของเขาและมองเย่เชียนด้วยความรังเกียจจากนั้นเขาก็หันไปสบตากับซูเหว๋ยแล้วพูดว่า “ซูเหว๋ย! ..เธอมาที่นี่ทำไม? ..ถ้าเธออยากเล่นสนุกเกอร์ฉันก็สามารถพาเธอไปที่คลับที่ดีกว่านี้ได้..ที่นี่รสนิยมก็แย่และมีแต่คนไม่ดี” เขาพูดขณะหันไปมองเย่เชียนราวกับว่าเขาหมายถึงว่าเย่เชียนเป็นคนไม่ดี

เดิมทีนั้นซูเหว๋ยก็มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเธอแต่ทว่าเมื่อเธอเห็นเฉายู่เหลียงแล้วรอยยิ้มของเธอก็หายไปในทันทีและเธอก็พูดอย่างไม่แยแสว่า “ก็ฉันชอบที่นี่..ถ้าคุณไม่ชอบก็ไม่ต้องมา..ไม่มีใครบังคับคุณเลยหนิ!”

ใบหน้าของเฉายู่เหลียงก็มืดมนลงเล็กน้อยและหลังจากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างประจบประแจงและพูดว่า “ฉันก็แค่กลัวว่าเธอจะถูกคนอื่นหลอกน่ะ” หลังจากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “นายมาทำอะไรที่นี่..รีบไสหัวไปซะ!”

“ผมอาศัยอยู่ที่นี่แล้วคุณจะไล่ผมไปได้ยังไง?” ดวงตาของเย่เชียนเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าและเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยุ

“ไอ้เด็กเวรนี่..แกคิดว่าแกเก่งนักใช่มั้ย?” เฉายู่เหลียงพูดอย่างโหดเหี้ยม

“โถ่ๆ พี่ชาย..ถึงแม้ว่าคุณจะใส่สูทผูกไทก็ตามแต่ถึงยังไงคุณก็เป็นคนหยาบคายอยู่ดี” เย่เชียนพูดต่อ “นอกจากนี้ผมก็เป็นของเสี่ยวเหว๋ย..ถ้าคุณจะไล่ผมไปคุณก็ต้องถามเธอก่อนสิ” ขณะที่เขาพูดเขาก็เอื้อมมือไปโอบเอวของซูเหว๋ยทันทีจนซูเหว๋ยถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะและเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้เปลี่ยนอิริยาบถได้เร็วถึงขนาดนี้ แต่ถึงยังไงสถานการณ์เช่นนี้เธอก็ยังคงยิ้มเล็กยิ้มน้อยอยู่

เมื่อเฉายู่เหลียงได้ยินเช่นนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะและเขาก็มองไปที่ซูเหว่ยด้วยความประหลาดใจซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่เข้าใจว่าทำไมซูเหว๋ยถึงได้ไปตกหลุมรักเด็กชายหนุ่มคนนี้และเธอก็ดูสนิทกับเขาด้วย “ใช่! ..เขาเป็นของฉัน! ..เพราะงั้นมันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของ..และจะไม่มีใครมารังแกสุนัขของฉันได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน!” ซูเหว๋ยพูดอย่างเกรี้ยวกราด

เย่เชียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเพราะปรากฏว่าหญิงสาวคนนี้กลับเปลี่ยนวิธีเรียกโดยเรียกเขาว่าสุนัข เมื่อเป็นเช่นนี้เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองเธออย่างดุเดือดแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรใดๆ แต่กลับโน้มตัวเข้าไปใกล้และเอนหัวของเขาพิงบนไหล่ของซูเหว๋ยอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ดูเหมือนว่าใบหน้าของซูเหว๋ยจะไม่สบอารมณ์เล็กน้อย หลังจากนั้นการแสดงออกของเฉายู่เหลียงก็เปลี่ยนไปและความโกรธเกรี้ยวในดวงตาของเขาก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก แต่เนื่องจากซูเหว๋ยอยู่ที่นี่ด้วยจึงยากที่จะบุ่มบ่ามทำอะไรลงไป

สำหรับซูเหว๋ยแล้วเธอไม่ได้ชอบเฉายู่เหลียงเลยแม้แต่น้อยแต่พวกเขาทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องและเครือญาติกัน ซึ่งการที่เฉายู่เหลียงเข้าหาซูเหว๋ยนั้นก็เพียงแค่ต้องการกลืนกินบริษัทของซูเหว่ยและตัวเธอเพียงเท่านั้น เนื่องจากบริษัทดังกล่าวมีการร่วมทุนแบบตระกูลและเนื่องจากพ่อแม่ของซูเหว๋ยนั้นถือหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทเอาไว้และหลังจากที่พ่อแม่ของซูเหว๋ยเสียไปเธอก็ได้รับมรดกของบริษัทไปและดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการใหญ่และเธอก็มีความกดดันอย่างมากที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวจะต้องบริหารบริษัทขนาดใหญ่เช่นนี้และญาติๆ คนอื่นๆ ที่เป็นคณะกรรมการบอร์ดบริหารของ บริษัทก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะกลืนกินบริษัทของเธอไป

บางครั้งในครอบครัวที่ร่ำรวยเช่นนี้ก็ไม่สามารถสัมผัสกับความอบอุ่นของความรักในครอบครัวได้เลยและไม่เพียงแค่นั้นเพราะซูเหว๋ยเองเธอก็ไม่มีแม้แต่เพื่อนแท้เลยสักคน ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกดีใจเล็กน้อยเมื่อเห็นพฤติกรรมต่างๆ ของเย่เชียนเพราะเธอนั้นปรารถนามิตรภาพและเพื่อนแท้มาโดยตลอดโดยสามารถพูดคุยกันยิ้มให้กันและทะเลาะกันบ้างบางเวลาและก็เป็นห่วงกันเสมอเช่นนั้น

“ไอ้เด็กน้อย..มาแข่งกันมั้ยล่ะ? ..ถ้าแกแพ้ก็ไสหัวไปไกลๆ ซะแล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!” เฉายู่เหลียงพูดอย่างท้าทาย

“เขาจะไม่แข่งอะไรกับคุณทั้งนั้นแหละ..ฉันก็บอกไปแล้วหนิว่าเขาเป็นคนของฉัน! ..มันขึ้นอยู่กับฉันที่จะตัดสินใจว่าเขาจะไปหรือไม่ไป” ซูเหว๋ยรีบพูดอย่างร้อนรนเพราะเธอรู้ดีถึงทักษะการเล่นสนุกเกอร์และพลูของเฉายู่เหลียง ซึ่งขนาดเธอเองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแล้วอย่างเย่เชียนที่ไม่สามารถเอาชนะเธอได้แล้วนับประสาอะไรกับเฉายู่เหลียง ซึ่งเธอก็กลัวว่าถ้าเย่เชียนแพ้เขาอาจจะถูกรังแกดังนั้นเธอจึงปกป้องเขา

“คิดว่าผมกลัวคุณเหรอ?” เย่เชียนพูดต่อ “แล้วถ้าคุณแพ้ล่ะ?”

“ฉันเนี่ยนะจะแพ้? ..ฮ่าๆ ..เอาสิ..ถ้าแกชนะฉันได้ฉันจะเรียกแกว่าท่านอาจารย์เลย!” เฉายู่เหลียงพูดอย่างมั่นใจ

“นั่นคือสิ่งที่คุณพูดนะ..เสี่ยวเหว๋ยเป็นพยานให้ผมด้วย” เย่เชียนพูด เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนแล้วเจ๊ฮงที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นก็ถอนหายใจเล็กน้อยและแอบสงสารเฉายู่เหลียงเพราะเธอนั้นคิดว่าเฉายู่เหลียงจะต้องเรียกเย่เชียนว่าอาจารย์อย่างแน่นอนในวันนี้ แต่ในด้านของซูเหว๋ยเธอก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและพูดว่า “ไม่ๆ ..นายเอาชนะเขาไม่ได้หรอก!”

ตอนที่ 362 เกมสนุกเกอร์ 1

ตอนที่ 362 เกมสนุกเกอร์ 2

ตอนที่ 362 เกมสนุกเกอร์ 3

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน