เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดนักรบจอมราชัน นิยาย บท 368

ตอนที่ 368 ความอิจฉา

เฉาฮงหลีและเฉายู่เหลียงก็กำลังคาดหวังให้จ้าวหยานั้นพูดปฏิเสธการร่วมมือไป

บุคลากรคนอื่นๆ ของเดอะมัวร์กรุ๊ปก็หันมาสนใจจ้าวหยาเช่นกันเพราะถ้าหากเธอไม่แสดงความคิดเห็นก่อนพวกเขาคนอื่นๆ ก็จะไม่กล้าแสดงความคิดอย่างแน่นอนและถึงแม้ว่าพวกเขาทุกคนจะคิดว่าซูเหว๋ยนั้นประหม่ามากแค่ไหนแต่ซอฟต์แวร์ก็สอดคล้องกับข้อกำหนดของเดอะมัวร์กรุ๊ปอย่างสมบูรณ์ แต่อย่างไรก็ตามจ้าวหยาก็เป็นถึงประธานของบริษัทเดอะมัวร์กรุ๊ปภาคเอเชีย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรับฟังความคิดเห็นของเธอก่อนจึงจะสามารถแสดงความคิดเห็นของตัวเองได้

การจ้องมองของเย่เชียนก็เปลี่ยนไปเพราะเขารู้สึกเบาๆ ได้ว่าหัวใจของจ้าวหยานั้นรู้สึกอิจฉาและหึงหวงเขาเล็กน้อย ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ใช่คนโง่และในทางกลับกันเขาก็เป็นคนที่มีอารมณ์ละเอียดอ่อนและเขาก็สามารถเข้าใจอะไรเช่นความรู้สึกได้เป็นอย่างดีและถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นอะไรกับซูเหว๋ยเลยก็ตามแต่ถึงยังไงในตอนนี้เขาก็ไม่สามารถพูดกับจ้าวหยาแบบนี้ได้ ‘ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับซูเหว๋ยเลย’ ซึ่งการพูดเช่นนี้ไม่เพียงแค่ไม่เหมาะสมในเวลานี้เพียงเท่านั้นแต่เย่เชียนเองก็พูดเรื่องแบบนี้ไม่เก่งมากนัก

ในที่สุดจ้าวหยาก็ตื่นขึ้นจากความคิดที่สับสนวุ่นวายของเธอและจ้องมองไปที่ทุกคนและมองไปที่เย่เชียนโดยไม่ได้ตั้งใจและเธอก็เห็นความคาดหวังในดวงตาของเย่เชียนและเธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างลับๆ “พวกคุณคิดว่าไงบ้าง?” จ้าวหยามองไปที่เหล่าบุคลากรของเดอะมัวร์กรุ๊ปที่มากับเธอและถาม

“ซอฟต์แวร์นี้ดีกว่าที่เราคิดไว้อีกและเราก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่าบริษัททะเลสี่ทิศจะสามารถออกแบบซอฟต์แวร์ที่สมบูรณ์แบบนี้ได้” ชายวัยกลางคนอายุราวๆ สามสิบปีก็พูดออกมาด้วยความจริงใจ

จ้าวหยาก็พยักหน้าเล็กน้อยซึ่งชายวัยกลางคนคนนี้นั้นจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในประเทศสหรัฐอเมริกาและเขาก็ยังมีชื่อเสียงในด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างมาก ดังนั้นถ้าหากเขาคนนี้บอกว่าซอฟต์แวร์นี้ยอดเยี่ยมล่ะก็แน่นอนว่าจ้าวหยาต้องเชื่ออยู่แล้ว แต่เย่เชียนนั้นรู้สึกงุนงงอย่างมากเพราะเขาไม่คาดคิดเลยว่าแจ็คจะใช้เวลาเพียงแค่สองชั่วโมงในการออกแบบและแก้ไขซอฟต์แวร์และได้รับคำชมอย่างเต็มที่เช่นนี้ อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เครดิตและฝีมือทั้งหมดของแจ็คเพราะท้ายที่สุดแล้วงานส่วนอื่นๆ ของซอฟต์แวร์นี้ได้เสร็จสิ้นในช่วงแรกแล้วแต่แจ็คก็เพิ่งจะแก้ไขมันให้สมบูรณ์เท่านั้น

หลังจากนั้นจ้าวหยาก็ยื่นมือไปหาเลขาที่อยู่ข้างๆ เธอแล้วเลขาก็หยิบสัญญาที่เตรียมเอาไว้ออกมาจากกระเป๋าเอกสารและยื่นให้จ้าวหยา “ประธานซูคะนี่คือสัญญาค่ะ..ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็เซ็นได้เลย!” จ้าวหยาส่งมอบสัญญาและพูด

เฉาฮงหลีและเฉายู่เหลียงก็ถึงกับตกตะลึงเพราะก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นได้ชัดเลยว่าจ้าวหยานั้นไม่สบอารมณ์อย่างมากและในตอนนี้เหตุใดพวกเขาจึงตัดสินใจเซ็นสัญญาด้วยกันเช่นนี้? “เอ่อคือ..คุณจ้าวพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วหรือยังครับ?” เฉาฮงหลีถามด้วยความประหม่าและไม่สามารถยับยั้งตัวเองเอาไว้ได้

ทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่เขาและเฉาฮงหลีก็ตระหนักได้ว่าเขานั้นได้พูดสิ่งที่ไม่ควรออกไปจริงๆ จนใบหน้าของเขานั้นแดงไปถึงที่โคนคอของเขาและการแสดงออกของซูเหว๋ยก็ดูไม่สบอารมณ์อย่างมากและเฉาฮงหลีก็หันหน้าหนีไปด้วยความอับอายและไม่กล้ามองไปที่ซูเหว๋ยเลย

“คุณคิดว่าฉันควรจะถามคุณก่อนเซ็นสัญญาหรือเปล่า?” จ้าวหยาพูด ซึ่งเธอเองก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบริษัททะเลสี่ทิศแห่งนี้มีความแตกแยกกันภายในเพราะระหว่างซูเหว๋ยกับเฉาฮงหลีนั้นไม่ลงรอยกันอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่…ไม่ครับ!” เฉาฮงหลีพูดอย่างรีบร้อน

ซูเหว๋ยก็ได้อ่านเนื้อหาของสัญญาโดยคร่าวๆ และก็เซ็นชื่อของเธอและหลังจากนั้นเธอก็ส่งสัญญาให้กับมือของจ้าวหยาพร้อมพูดว่า “ขอบคุณค่ะคุณจ้าว..หวังว่าเราจะสามารถร่วมมือกันได้เป็นอย่างดีในอนาคตนะคะ”

จ้าวหยาก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดเบาๆ ว่า “ฉันคิดว่าประธานซูจำเป็นต้องเสริมสร้างการบริหารจัดการภายในของบริษัทใหม่นะคะ..ดูเหมือนฉันจะรู้สึกว่าบริษัทของคุณไม่มั่นคง..ดังนั้นคุณต้องรู้ว่าเดอะมัวร์กรุ๊ปของเราเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกติด 1 ใน 20 อันดับแรก..เพราะงั้นฉันก็หวังว่าบุคลากรภายในบริษัทของคุณจะไม่ส่งผลกระทบต่อความร่วมมือของเราเนื่องจากปัญหาภายในนะคะ”

“ค่ะ!” ซูเหว๋ยพูดอย่างรีบร้อนว่า “โปรดมั่นใจนะคะคุณจ้าว..มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อความร่วมมือของเราอย่างแน่นอนค่ะ”

จ้าวหยาก็พยักหน้าและมองไปที่เย่เชียนแล้วถามว่า “คุณซูคะ..สุภาพบุรุษคนนี้คือใครหรอ?”

ซูเหว๋ยก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอย่างมากและเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจ้าวหยาถึงได้ให้ความสนใจกับเย่เชียนมากถึงขนาดนี้เพราะเย่เชียนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำเลยตั้งแต่ต้นจนจบเขาเพียงแค่ไอเบาๆ เท่านั้น หรือจ้าวหยาจะตกหลุมรักเย่เชียนตั้งแต่แรกพบหรือเปล่า? แต่ด้วยความที่ต้องสุภาพซูเหว๋ยจึงแนะนำว่า “นี่คือผู้ช่วยของฉัน..เย่เชียน!”

“อ๋อค่ะ!” จ้าวหยาก็ตอบพลางมองไปที่เย่เชียนอย่างขี้เล่นและพูดหยอกล้อว่า “เอ่อคุณเย่คะ…ดูเหมือนว่าพวกเราจะเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า”

เย่เชียนก็เหงื่อแตกอย่างรุนแรงและเห็นได้ชัดเลยว่าผู้หญิงคนนี้กำลังแกล้งตัวเองและแอบหัวเราะอยู่ในใจ แต่เย่เชียนก็ไม่ตอบสนองใดๆ ซึ่งทำให้ทุกคนงงงวยไปกับฉากนี้ ซึ่งซูเหว๋ยนั้นได้ยินเย่เชียนพูดว่าเขาเป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและถึงแม้ว่าเธอจะสงสัยแต่เธอก็ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่ถึงยังไงก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะจ้าวหยาเป็นประธานบริหารที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ของเดอะมัวร์กรุ๊ปประจำภาคเอเชีย ส่วนเฉายู่เหลียงนั้นก็ยิ่งประหลาดใจอย่างมากและในความคิดของเขานั้นเย่เชียนก็เป็นแค่นักเลงอันธพาลแล้วเย่เชียนจะไปรู้จักกับบุคคลคนระดับสูงอย่างจ้าวหยาได้อย่างไร

“คุณเย่คะ..คุณพอมีเวลาตอนเที่ยงนี้หรือเปล่า..ทำไมเราไม่ไปทานมื้อเที่ยงกันสักหน่อยล่ะ” จ้าวหยาพูด

“ได้สิ!” เย่เชียนตอบด้วยความงุนงงและจ้าวหยาเองก็ผงะไปเล็กน้อย

ในขณะนี้ซูเหว๋ยก็ยิ่งงงงวยมากกว่าเดิมหรือจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จ้าวหยาจะชอบเย่เชียนจริงๆ? ซูเหว๋ยนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาและถึงแม้ว่าซูเหว๋ยจะรู้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้ชอบเย่เชียนแต่เธอก็มีความรู้สึกดีๆ ให้กับเขาและเธอก็รู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่เคียงข้างเย่เชียนและเย่เชียนก็เป็นคนที่สามารถรับฟังสิ่งที่เธออยากจะเล่ามาตลอดชีวิตได้ ดังนั้นเมื่อได้ยินการชวนออกเดทอย่างตรงไปตรงมาของจ้าวหยากับเย่เชียนแล้วมันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เธอจะรู้สึกอิจฉา

“แล้วคุณซูล่ะคะ? ..ถ้ามีเวลาก็ไปด้วยกันได้นะคะ!” จ้าวหยาพูด

“ได้ค่ะ!” ซูเหว็ยพูด อย่างไรก็ตามเย่เชียนเองนั้นก็รู้สึกได้ชัดเลยว่าเรื่องนี้มันมีเงื่อนงำจนเขารู้สึกทำอะไรไม่ถูกและไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี ซึ่งเขาจำฉากตอนที่ฉินหยูกับหวังยู่ทะเลาะกันได้อย่างชัดเจนเพราะเมื่อผู้หญิงทั้งสองเริ่มจุดสงครามกันขึ้นมาแล้วสิ่งต่างๆ มันก็จะไม่ธรรมดาและมันมากกว่าการที่ผู้ชายสองคนทะเลาะกันเสียอีก

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน