ตอนที่ 392 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
ม่อหลงนั้นเป็นมือสไนเปอร์อันดับต้นๆ ของโลกเพราะเพียงแค่วิธีการยิงปืนสไนเปอร์ของเขาเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงความอดทนอย่างมากอีกด้วย ซึ่งเขาสามารถคลานเคลื่อนไหวได้เป็นเวลาหลายชั่วโมงและสามารถนอนหมอบได้โดยไม่ต้องเคลื่อนไหวเป็นวันๆ และเขาก็คือคนที่เหมาะที่สุดสำหรับภารกิจเฝ้าระวังและยิ่งไปกว่านั้นทักษะการต่อสู้ของม่อหลงก็ยังเป็นถึงอันดับต้นๆ ของเหล่าพี่น้องเขี้ยวหมาป่าอีกด้วยและถึงแม้ว่าจะเป็นหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ตามถึงยังไงม่อหลงก็สามารถรับมือได้เช่นกัน
ดังนั้นเย่เชียนจึงให้ม่อหลงมาที่นี่เพื่อเฝ้าระวังและคอยคุ้มกันกงห่าวเพราะเขอคือคนที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้
หลังจากที่เย่เชียนอธิบายเรื่องนี้และแจกแจงสิ่งต่างๆ แล้วเย่เชียนก็ออกจากบ้านของกงห่าวและขับรถไปที่บ้านของนักประเมินราคาโบราณวัตถุคหนนึ่งซึ่งเขาเป็นผู้รับผิดชอบในการประเมินโบราณวัตถุต่างๆ ในการประมูลครั้งนี้ ซึ่งเย่เชียนนั้นก็ใช้ความระมัดระวังอย่างมากและต้องเตรียมพร้อมเพราะถ้าหากกริชดาวตกที่กงห่าวทำขึ้นมานั้นมันไม่เหมือนของจริงล่ะมันก็ไม่สามารถปกปิดนักประเมินราคาและสายตานักสะสมได้เลย
หมินเว่ยเหวินนั้นเป็นนักตีราคาและนัดประเมินราคาของเก่าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งในจีนและในปัจจุบันเขาก็มีของเก่าและของโบราณอยู่ในมืออย่างน้อยสองสามร้อยชิ้น ซึ่งตามข่าวลือนั้นไม่มีของเก่าชนิดใดที่สามารถหลบซ่อนจากสายตาของเขาได้ ซึ่งเย่เชียนเองก็ยังอยากรู้อยากเห็นมากเพราะถ้าหากเขาเผยผลงานที่สมบูรณ์แบบของกงห่าวต่อหน้าหมินเว่ยเหวินละก็ไม่มีใครทราบได้เลยว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร
หมินเว่ยเหวินนั้นอายุหกสิบสองปีและเกษียณอายุแล้วแต่เนื่องจากการประมูลในครั้งนี้นั้นมีกริชดาวตกจึงทำให้เขารู้สึกเหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง เพราะเมื่อเขายังเด็กเขาได้ศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับโบราณคดีและพอเขาโตมาเขาก็ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีและทำการศึกษาประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งและต่อมาเขาก็เดินบนเส้นทางนักล่าของเก่าของโบราณและมีชื่อเสียงในบัดดลและตั้งแต่นั้นมาเขาก็ทำงานเป็นนักประเมินราคาของโบราณและเกือบจะเหมือนกับกงห่าวเกี่ยวกับความผูกพันและคุณค่าทางจิตใจที่มีต่อโบราณวัตถุ
สมัยนี้มีพ่อค้าขายของเก่าจำนวนมากที่มักง่ายสร้างกำไรโดยการผลิตของปลอมของเลียนแบบออกมาเพื่อขอให้หมินเว่ยเหวินประเมินราคา แต่อย่างไรก็ตามหมินเว่ยเหวินก็เหมือนกับกงห่าวที่ถือคติประจำตัวเสมอจนหลายคนไม่พอใจเขา อย่างไรก็ตามเนื่องจากสถานะและชื่อเสียงของเขาในประเทศจีนนั้นได้รับการปกป้องเป็นพิเศษจากประเทศจึงไม่ค่อยมีใครกล้าตัดสินใจลงมือทำไม่ดีไม่ร้ายกับเขา
เย่เชียนนั้นขอให้แจ็ครวบรวมข้อมูลของหมินเว่ยเหวินจากคอมพิวเตอร์ของและส่งข้อมูลมายังโทรศัพท์มือถือของเขา เพราะถ้าหากเรารู้จักตัวเองและศัตรูของเราแล้วล่ะก็มันก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ซึ่งเย่เชียนั้นไม่รู้จักหมินเว่ยเหวินเลยเพราะไม่เช่นนั้นถึงแม้ว่ากงห่าวจะสร้างกริชดาวตกเลียนแบบได้สำเร็จและทันเวลาได้ก็ตาม แต่เย่เชียนก็กลัวว่าหมินเว่ยเหวินนั้นจะเป็นภัยคุกคามแก่เขาและเรื่องต่างๆ มันก็จะเลวร้ายขึ้นไม่ใช่หรือ?
ตามความอ่อนแอทางบุคลิกภาพของแต่ละคนนั้นช่างเปราะบางจริงๆ เพราะเมื่อเราโจมตีทางจิตวิทยาและตัดความมั่นใจของเขาออกไปทีละนิดแล้วใช้ประโยชน์จากมันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั่นคือวิธีการที่ดีที่สุดและจะปราศจากข้อผิดพลาดใดๆ ซึ่งนี่ก็เป็นเหมือนบทลงโทษและการพิจารณาคดีซึ่งก็คือการเอาชนะศัตรูทางจิตใจและจิตวิทยานั่นเอง
เมื่อพูดถึงการทรมานทางจิตวิทยาแล้วเฟิงหลานก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สุดในเหล่าพี่น้องเขี้ยวหมาป่า เพราะถึงแม้ว่าเฟิงหลานจะไม่ถนัดด้านการทรมานร่างกายก็ตามแต่เขาสามารถใช้ทักษะการโจมตีจิตใจอย่างน่าสยดสยองเพื่อทำให้ศัตรูต้องทุกข์ทรมานทางจิตใจและทำลายความมั่นใจของอีกฝ่ายไปทีละนิดจนเหมือนกับตายทั้งเป็น
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่เก่งถึงระดับเฟิงหลานก็ตามแต่เขาก็ยังสามารถโจมตีจิตใจด้วยวาจาทางจิตวิทยาแบบนี้อยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงสามารถรับมือกับคนทุกประเภทเพื่อที่เขาจะได้บรรลุจุดจบที่ต้องการได้เสมอ เช่นเดียวกับกงห่าวเพราะเย่เชียนนั้นไม่ต้องการทำให้กงห่าวทำเพื่อเขาโดยที่เขาไม่อดทน เพราะวิธีการนี้นั้นไม่สามารถใช้การข่มขู่หรือกดดันได้เลย และถึงแม้ว่าแนวทางของเย่เชียนจะดูไร้สาระก็ตามแต่มันก็เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการเผชิญหน้ากับกงห่าวเพราะถึงยังไงท้ายที่สุดแล้วกงห่าวก็ต็มใจที่จะช่วยเหลือเย่เชียนนั่นเอง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้ทุกคนก็เคลื่อนไหวกันอย่างเต็มที่แต่มีเพียงคนเดียวที่เงียบหายไปก็คือหมาป่าผีไป๋ฮวย ซึ่งถ้าไม่ใช่หมาป่าผีไป๋ฮวยล่ะก็เย่เชียนก็เชื่อว่าแทบจะไม่มีใครสามารถทำลายแผนการต่างๆ ที่เย่เชียนกำหนดเอาไว้ได้เลย
หลังจากอ่านข้อมูลของหมินเว่ยเหวินที่แจ็คส่งมาให้แล้วเย่เชียนก็หันหน้ามองออกไปด้านนอกซึ่งทั้งสองฝั่งของถนนมีแสงไฟนีออนหลากสีกะพริบไปทั่วถนนทางเดินจวบจนไปถึงด้านหน้าของห้างสรรพสินค้าและโรงแรมต่างๆ แต่ถึงแม้ว่าจะมีเสียงสีที่ชวนให้หลงทางแต่ทว่าความคิดของเย่เชียนก็ดูเหมือนจะไม่ถูกรบกวนแต่อย่างใดโดยเขาพยายามคิดอย่างเงียบๆ ว่าเขาจะต้องหาทางพบนักประเมินราคาของเก่าของโบราณชื่อดังของจีนอย่างไรดี
ในเวลานี้ซ่งหลันและหลินโรวโร่วก็เลิกงานกันแล้วและพวกเธอก็กลับไปที่บ้านและพบว่าเย่เชียนนั้นไม่ได้อยู่ที่บ้านและพวกเธอก็ตกตะลึงกันเล็กน้อย แต่ทว่าด้วยพฤติกรรมแปลกๆ ของเย่เชียนแล้วพวกเธอไม่ได้แปลกใจอะไรอีก ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะรู้ว่าเย่เชียนนั้นมีอะไรต้องทำอีกมากมายและยิ่งไปกว่านั้นทั้งซ่งหลันและหลินโรวโร่วก็รู้ดีว่าเย่เชียนนั้นไม่ใช่คนที่ชอบเที่ยวไนท์คลับแต่อย่างใด
ในทันใดนั้นเย่เชียนก็เหลือบไปเห็นร่างที่คุ้นเคยและเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อยเพราะปรากฏว่าคนคนนั้นคือชายชาวญี่ปุ่นที่เขาเจอนอกสนามบินวันนี้กับอู่หยางเฉิงไม่ใช่เหรอ? เขามาทำอะไรที่นี่? เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและสั่งให้คนขับแท๊กซี่หยุดรถและหลังจากจ่ายเงินแล้วเย่เชียนก็ออกจากรถและเดินตามไปอย่างลับๆ
ชายชาวญี่ปุ่นคนนี้เปลี่ยนเป็นชุดกีฬาลำลองและเขาก็มองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง ‘เขากำลังจะไปพบกับใครบางคนอย่างงั้นหรือ?’ เย่เชียนคิดอย่างลับๆ เพราะเย่เชียนนั้นไม่สามารถกังวลและคิดมากเกินไปในเวลานี้ได้ ดังนั้นเย่เชียนจึงยังคงตัดสินใจที่จะติดตามเขาไป และสิ่งต่างๆ ก็จะถูกเปิดเผยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติเอง
ชายชาวญี่ปุ่นเดินไปที่ประตูของโรงแรมแห่งหนึ่งและมองไปรอบๆ จากนั้นก็เดินเข้าไป ซึ่งเย่เชียนก็เฝ้าดูเขาเดินเข้าไปในลิฟต์จากระยะไกลและหลังจากนั้นเย่เชียนก็เดินตามเข้าไปและเมื่อเห็นลิฟต์หยุดอยู่ที่ชั้นสิบสองเย่เชียนก็แสดงรอยยิ้มเดินไปที่เคาน์เตอร์ต้อนรับและเช็คอินเปิดห้องที่ชั้นสิบสี่และแสร้งถามว่าชายชาวญี่ปุ่นนั้นพักอยู่ห้องไหน
เย่เฉียนถามอย่างไม่เป็นทางการราวกับกำลังคุยกับเพื่อนและพนักงานเสิร์ฟเหล่านั้นไม่มีข้อควรระวังใด ๆ ดังนั้นเขาจึงพูดพร้อมกัน เย่เฉียนพยักหน้ารับกุญแจและขึ้นลิฟต์


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน