ตอนที่ 394 กลุ่มคนโง่
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นไม่ใช่คนโง่และอาจกล่าวได้ว่าเขานั้นเป็นดั่งสุนัขจิ้งจอกเฒ่าเพราะเขาที่สามารถได้เป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติได้เช่นนี้แน่นอนว่าเขาต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ซึ่งจากเหตุการณ์ครั้งล่าสุดนั้นในไม่ช้าเขาก็สามารถรู้ว่าทั้งหมดมันเป็นแผนการของเย่เชียนเองที่ต้องการจบเรื่องต่างๆ ไปอย่างสมบูรณ์แบบเพราะดาราสาวคนนั้นมีตัวตนที่เปิดเผยต่อสาธารณะมาและมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะอยู่ในฐานะสายลับ
คราวนี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็เข้าใจว่าทั้งหมดนี้น่าจะเป็นแผนของเย่เชียนที่ต้องการจัดการกับใครบางคน ดังนั้นเย่เชียนจึงต้องยืมมือตัวเองเข้ามาช่วยและยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้รัฐบาลกลางและเย่เชียนก็มีความสัมพันธ์ที่อยู่ในรูปแบบของการร่วมมือกัน เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าเย่เชียนต้องการยืมมือพวกเขาในการทำสิ่งต่างๆ เช่นนั้นถึงอย่างไรหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและรัฐบาลกลางเองก็ต้องเข้ามาแทรกแซงและมาช่วยเหลือเย่เชียนอยู่ดี และนอกจากนี้สิ่งที่เย่เชียนพูดออกมาเมื่อครู่นี้ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและความมั่นคงของชาติด้วยดังนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจึงไม่กล้าที่จะละเลยแม้แต่น้อย และนอกจากนี้เขาก็ยังเข้าใจดีว่าถึงแม้ว่าเย่เชียนต้องการยืมมือพวกเขาเพื่อฆ่าใครสักคนล่ะก็ถึงยังไงเย่เชียนก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะหาเหตุผลแบบนี้มาปั่นหัวหรือมาโกหกพวกเขาเลย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดออกมานั้นเป็นความจริงและไม่มากก็น้อยถึงยังไงมันก็เป็นความจริง
หลังจากวางสายโทรศัพท์ของเย่เชียนไปแล้วหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็รีบโทรหาจื้อจุนเพื่อบอกให้เขาและเซียวหวันรีบไปหาเย่เชียนตามพิกัดที่เย่เชียนบอกทันทีและยังอธิบายเรื่องดังกล่าวให้ฟังและจื้อจุนกับเซียวหวันก็ไม่กล้าที่จะประมาทแต่อย่างใดพวกเขาจึงรีบขับรถไปหาเย่เชียนอย่างรวดเร็ว
เย่เชียนนั้นก็ยังคงเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณใกล้ๆ โรงแรมเพราะด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้จึงทำให้อาซูกะนากาจิมะกระวนกระวายและก็มีแนวโน้มมากที่เธอจะย้ายตำแหน่งทันทีเพราะท้ายที่สุดแล้วที่นี่ก็คือในประเทศจีน ซึ่งอาซูกะนากาจิมะนั้นก็คาดเดาได้ว่าบางทีอาจจะเป็นคนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนที่เฝ้าสังเกตการณ์เธอ ดังนั้นเธอต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ เพราะถ้าหากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนเข้ามาแทรกแซงจริงๆ ล่ะก็เธอก็กลัวว่าภารกิจในครั้งนี้ของเธอคงจะจัดการได้ยากอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเมื่อจื้อจุนและเซียวหวันมาถึงสถานที่ที่เย่เชียนบอกเอาไว้เซียวหวันก็จ้องมองเย่เชียนราวกับว่าเธอเห็นศัตรู ส่วนเย่เชียนก็ยิ้มอย่างมีความสุขและไม่ได้สนใจเธอ ซึ่งอาซูกะนากาจิมะนั้นไม่ได้ออกจากโรงแรมแต่อย่างใด
“คุณเย่ครับ..หัวหน้าบอกว่าคุณพบคนขององค์กรทหารรับจ้างเรดซันหรือ?” จื้อจุนถือวิสาสะพูดก่อนเพราะเขาอายุมากกว่าเซียวหวันซึ่งเขานั้นแตกต่างจากเซียวหวันที่มักจะดื้อรั้นและอารมณ์ร้อนอยู่เสมอ
“ที่นั่น!” เย่เชียนก็พยักหน้าและชี้ไปที่โรงแรมฝั่งตรงข้ามแล้วพูดว่า “เธออยู่ข้างในห้องนั้น..เอาล่ะในเมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้วผมขอฝากเรื่องนี้เอาไว้กับคุณด้วยก็แล้วกัน..ผมมีบางอย่างที่ต้องไปทำ..ผมขอตัวก่อนนะ”
“หึ! ..ถ้านายหลอกพวกเราล่ะก็..ฉันจะไม่ปล่อยนายไปแน่” เซียวหวันพูด
เย่เชียนก็ตกตะลึงเล็กน้อยและยักไหล่เบาๆ แล้วพูดว่า “จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ..ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้ขอให้เธอมาที่นี่สักหน่อยหนิ..เรื่องนี้มันเป็นของเธอ..มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเลย..ฉันไม่สนใจเธอหรอกยัยบ้า” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็ยิ้มอย่างขี้เล่นและโบกมือพร้อมกับเดินจากไป
“นี่! ..นาย!” เซียวหวันตะคอก ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นท่าทางที่งี่เง่าของเย่เชียน เพราะตอนที่เธอเห็นเย่เชียนในเมืองหนานจิงครั้งแรกนั้นเธอก็คิดว่าเขาเป็นคนขอทานและเธอก็ค่อยๆ ตระหนักได้ว่าเย่เชียนคนนี้เป็นคนพาลและนิสัยเสียโดยสมบูรณ์แบบและยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เป็นเหมือนภัยพิบัตที่หลายๆ ประเทศต้องปวดหัวไปกับเขาและเธอเองก็คิดไม่ออกเลยว่าทำไมหวงฟู่ชิงเตี๋ยนถึงได้ปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี
จื้อจุนนั้นเข้าทำงานในสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเร็วกว่าเซียวหวันหลายปีมากดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องของเย่เชียนมาก เพราะในสำนักงานความมั่นคงแห่งชาตินั้นไฟล์ข้อมูลของเย่เชียนก็แทบจะเต็มชั้นวางเอกสารและยิ่งไปกว่านั้นจื้อจุนก็ชื่นชมเย่เชียนอย่างมากเพราะเย่เชียนนั้นแข็งแกร่งและการที่เย่เชียนได้นำพาเขี้ยวหมาป่าไปสู่จุดสูงสุดของโลกเช่นนี้จื้อจุนก็เลยประทับใจในวีรกรรมของเย่เชียนอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่เหมือนกับเซียวหวันที่คิดว่าเย่เชียนนั้นเป็นเพียงคนที่หยิ่งยโสและมั่นใจในตัวเองมากเกินไป
“เอาล่ะเซียวหวัน..มาทำงานกันเถอะ” จื้อจุนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของเซียวหวันและพูด เพราะในความเป็นจริงแล้วก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เซียวหวันจะโกรธเกรี้ยวเพราะเธอกำลังใช้เวลาว่างมาส์กหน้าอยู่ที่ห้องพักของเธอและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแต่ทว่ามันก็ต้องจบลงเพราะเย่เชียนที่ทำให้เธอต้องลุกขึ้นมาทำภารกิจในตอนกลางคืนเช่นนี้
“ก็ดูเขาสิ..เดี๋ยวคราวหน้าฉันจะอัดเขาให้เละจนหน้าบวมเลยคอยดู!” เซียวหวันพูดด้วยความโกรธเคือง
“อย่าได้คิดเลย..ไม่อย่างงั้นคนที่เละจะเป็นเธอเอง” จื้อจุนพูดต่อ “เขาไม่ได้เก่งแค่ศิลปะการต่อสู้นะ..เพราะตามการวิเคราะห์ข้อมูลของเขาโดยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติน่ะ IQ ของเขาน่ะอย่างน้อยๆ ก็ 180 เลยนะซึ่งถือว่ามากคนที่เชี่ยวชาญในการใช้จิตวิทยากับคนอื่นอีก..ความสามารถของสมาชิกเขี้ยวหมาป่าน่ะมีแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ กันทั้งนั้น..ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงไม่ก้าวขึ้นไปเป็นราชาแห่งโลกทหารรับจ้างแบบนั้นหรอก..นั่นล้วนเป็นความสามารถของพวกเขาและไม่ใช่แค่นั้นนะเพราะเหล่าสมาชิกทหารรับจ้างเขี้ยวหมาน่ะแต่ละคนนี่มีแต่ทักษะรอบด้านกันทั้งนั้น..ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลระดับสูงต่างก็มองว่าพวกเขาเป็นพระเจ้ากันทั้งนั้น
ตั้งแต่ที่จื้อจุนพบเย่เชียนครั้งแรกเขาก็โอนไฟล์ของเย่เชียนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติให้เซียวหวันเป็นพิเศษและเธอก็อ่านมันอย่างละเอียดซึ่งเธอก็รู้ดีว่าจื้อจุนนั้นพูดถูกและยิ่งไปกว่านั้นเมื่อดูจากสิ่งที่ผ่านมานั้นเย่เชียนก็ได้เคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในประเทศจีนและแม้แต่รัฐบาลกลางเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะหยุดยั้งเขาเลย ดังนั้นเซียวหวันก็รู้อยู่แก่ใจว่าเย่เชียนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
แม้ว่าเธอจะชื่นชมเย่เชียนอยู่ในใจแต่ถึงยังไงเซียวหวันก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับและเธอก็พูดอย่างเย้ยหยันว่า “พอเถอะ..นั่นก็เป็นเพราะเขาโชคดีก็แค่นั้น..มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ IQ ของเขาเลย”
จื้อจุนก็ยิ้มอย่างว่างเปล่าและไม่ต้องการที่จะถกเถียงกับเซียวหวันอีกต่อไป หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “งั้นก็ไปกันเถอะ..คำสั่งของหัวหน้าคือให้นำตัวอาซูกะนากาจิมะกลับไปที่สำนักงานของเรา..เธอคนนี้น่ะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการเลยนะ..เธอเป็นชาวญี่ปุ่นและเป็นผู้นำของทหารรับจ้างเรดซัน..เพราะงั้นก็ระวังเอาไว้ล่ะ”
“อืม!” เซียวหวันตอบและเดินตามจื้อจุนไปที่โรงแรม


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน