ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เย่เชียนยังอยู่ในห้องสำนักคณบดีของผอ.คางคก
เย่เชียนเหลือบไปเห็นแฟ้มประวัตินักศึกษาบนโต๊ะของผอ.คางคก ซึ่งมันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างมากที่แฟ้มนั่นเปิดอยู่ที่หน้าประวัติของจ้าวหยา เขาจึงรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าสาวน้อยที่เขาคุยอยู่ด้วยคนนี้คือจ้าวหยา
ด้วยความที่เย่เชียนรู้สึกว่าก่อนหน้านี้จ้าวหยาทำให้เขาต้องกระวนกระวายและลำบากใจอย่างมาก เขาจึงอยากแกล้งเธอต่ออีกสักหน่อย เพื่อเป็นการแก้แค้นที่เธอนั้นทำให้เขาคิดว่าเธอเป็นพวกไดโนเสาร์ล้านปี แต่อันที่จริงเธอทั้งสวยและน่ารักอย่างไร้ที่ติ
“อะไรนะ ?!”
จ้าวหยาลั่นวาจาออกมาด้วยความตกใจอย่างมากเมื่อเธอได้ยินคำพูดของเย่เชียน เธอมองเขาอีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้าและแอบคิดในใจ
‘สายตาของพ่อมีปัญหาหรือเปล่าเนี่ย พ่อไม่ได้ตาบอดใช่มั้ย ? มีชายหนุ่มมากความสามารถ อีกทั้งยังเพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะร่ำรวยไปที่บ้านของพวกเราทุกปีเพื่อจะมาสู่ขอฉันไปเป็นสะใภ้ ผู้ชายพวกนั้นมีมากมายเกินกว่าจะนับไหว แต่พ่อก็ล้วนปฏิเสธพวกเขาไปทั้งหมด แล้วดูตอนนี้สิ พ่อกลับหมั้นฉันให้กับเด็กบ้านนอกคนนี้เสียอย่างนั้น ? พ่อทานยาผิดประเภทหรือเปล่า ?’
จ้าวหยารู้สึกว่าเธอคงจะต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปคุยกับพ่อให้เร็วที่สุด เธอต้องการรู้ความจริงว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่! มันจะต้องเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอน พ่อของเธอไม่มีทางที่จะปล่อยให้ลูกสาวต้องไปหมั้นกับคนประเภทนี้เป็นแน่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอเองก็อดกังวลใจไม่ได้ เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง อนาคตของเธอจะเป็นเช่นไรกันเล่า
เธอมองสารรูปของเย่เชียนและเห็นว่าเขาคงจะไม่สามารถเข้ากับสังคมชนชั้นอย่างเธอได้ เธอจะพาเขาไปพบปะกับผู้คนได้อย่างไร หากเพื่อน ๆ ของเธอเห็นเขาในฐานะคู่หมั้นแล้ว พวกเขาจะไม่หัวเราะเยาะอย่างสนุกสนานกันเหรอ ?
เมื่อคิดได้ดังนั้น จ้าวหยาก็ไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไป เธอตะโกนออกมาเสียงดังจนทำให้คนทั้งห้องหันมองมาทางพวกเขาทั้งสองอีกครั้ง
จ้าวหยา ผู้ซึ่งเป็นดั่งเป็นราชินีแห่งความงามของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ร้องตะโกนออกมาเสียงดังทั้งที มีหรือที่เหล่าผู้ชายทั้งหลายที่สนใจเธออยู่จะยังคงนิ่งเฉยอยู่ได้ พวกเขามีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงมากโดยต่างก็จ้องมองเย่เชียนด้วยความโกรธเคืองและรังเกียจ พวกเขาคิดว่าสัตว์เดรัจฉานตนนี้ต้องทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมกับเธอเป็นแน่ เพราะความแก่ชรามันมิได้ทำให้ใครเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือ พวกเขาคิดว่าเย่เชียนต้องการจะชิงจ้าวหยาไปครอบครอง เหมือนวัวแก่กำลังพยายามที่จะกินหญ้าอ่อน ซึ่งแน่นอน ในใจของพวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่จ้องจะหาทางกำจัดเย่เชียนออกไปจากจ้าวหยา
อาจารย์ฉินหยูก็เริ่มโกรธมากขึ้นเช่นกัน ยิ่งความประทับใจครั้งแรกของเธอกับเย่เชียนนั้นค่อนข้างแย่อยู่แล้ว และตอนนี้เขาก็ยังสร้างปัญหาในวันแรกของการเรียนอีก ตอนแรกเขาตะโกนออกมาโดยไม่มีเหตุผลและตอนนี้มันก็เป็นจ้าวหยาที่ตะโกนขึ้นโดยไม่มีเหตุผลอีกคน นี่มันเหมือนกับว่าเป็นการดูหมิ่นในอำนาจหน้าที่การงานความเป็นอาจารย์ของเธอใช่ไหม ? เธอจ้องมองเย่เชียนอย่างเกลียดชังและตะคอกใส่เขา
“นักศึกษาเย่! โปรดรักษาระเบียบในห้องเรียนด้วย! หากนายไม่ให้ความสนใจกับบทเรียนและทำนิสัยแย่ ๆ อย่างนี้อีก ก็ออกไปจากห้องซะ!”
ฉินหยูเพิ่งจะได้เป็นอาจารย์เต็มตัวเมื่อไม่นานมานี้เอง เธอเริ่มสอนหลังจากที่จบการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา แต่ทว่าในสองปีที่เธอทำงานมานี้ เธอไม่เคยพบนักศึกษาคนใดที่เป็นเหมือนเย่เชียนมาก่อน
โดยปกติแล้วเธอเป็นคนที่อ่อนโยนมากกับนักศึกษาของเธอ บางครั้งนักศึกษาชายบางคนอาจจะทำสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ เธอก็ยังคงไม่โกรธ แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้เธอถึงมีปฏิกิริยากับเย่เชียนมากขนาดนี้ ฉินหยูไม่เข้าใจตัวเองและคำอธิบายเดียวก็คือเย่เชียนนั้นเลวร้ายเกินไปสำหรับเธอ
เย่เชียนมองไปที่ฉินหยูอย่างไร้เดียงสา จากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “มันไม่ใช่ความผิดผมนะ… ผมถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ นี่มันไม่ยุติธรรมเลย!”
“ถ้าไม่ใช่นายแล้วใครล่ะ ? นายกำลังบอกว่าเธอบ้าและตะโกนออกมาส่งเดชโดยไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ ?” ฉินหยูโกรธมากและระเบิดโทสะออกมา ทำให้เธอทะเลาะกับเย่เชียนจนลืมรักษาภาพพจน์ของตัวเองในฐานะอาจารย์ไปอย่างสมบูรณ์
เย่เชียนจ้องมองฉินหยูอย่างหมดหนทางและพูดตัดพ้อตัวเองว่า “ก็ได้…! มันเป็นความผิดของผมเอง ผมมันไม่ดีเอง… ผมมันเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน… จบมั้ย ?”
ฉินหยูไม่คิดว่าเย่เชียนจะกล้าพูดถึงขนาดนี้ เธอรู้สึกโกรธมากจนตัวสั่นเล็กน้อย แต่เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอยังอยู่ในคลาสการเรียนการสอนของเธอ และเธอก็ไม่สามารถที่จะโต้เถียงกับเด็กอันธพาลคนนี้ได้ในเวลานี้


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน