ตอนที่ 419 เยือนดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือ
ถังเหวยซวนนั้นบรรพบุรุษของเขาเคยเป็นโจรปล้นสุสานซึ่งไม่รู้เลยว่าสุสานของมหาเศรษฐีในสมัยก่อนนั้นถูกบรรพบุรุษของเขาขโมยไปกี่แห่งแล้วในประเทศจีน ดังนั้นพวกเขาจึงสืบค้นข้อมูลต่างๆ และศึกษาของเก่าของโบราณด้วยและพวกเขาก็ทำงานกันเป็นทีมเพราะคนหนึ่งก็ทำหน้าที่ขโมยของและอีกคนรับหน้าที่เป็นคนตรวจสอบโบราณวัตถุและค้นหาข่าวสารต่างๆ ดังนั้นพ่อของถังเหวยซวนจึงรู้จักกับหมินเว่ยเหวินและเมื่อสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่เขาก็ถือได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีของหมินเว่ยเหวินเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นหมินเว่ยเหวินจึงรู้จักกับถังเหวยซวนโดยปริยาย
ถังเหวยซวนมาที่เมืองเซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้ก็เพื่อมาเที่ยวดังนั้นเขาจึงแวะไปเยี่ยมหมินเว่ยเหวินเหมือนตามปกติ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ถังเหวยซวนเห็นมีดคลื่นโลหิตหมาป่าแล้วก็ความโลภของเขาก็เริ่มแผลงฤทธิ์เพราะเขาเกิดมาในตระกูลของโจรขโมยสุสานและเขาก็ได้ศึกษาโบราณวัตถุเหล่านี้มาโดยตลอดซึ่งแน่นอนว่าหลังจากได้เห็นมีดคลื่นโลหิตหมาป่าครั้งแรกนั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือมีดคลื่นโลหิตหมาป่าที่ถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ซึ่งเขาก็รู้มูลค่าของมันเป็นอย่างดีเพราะถ้าหากนำไปประมูลล่ะก็อย่างน้อยๆ เขาก็สามารถได้ราคาการประมูลที่สูงถึง 100 ล้านหยวนเลยทีเดียว
ผู้คนนั้นตายเพื่อความมั่งคั่งและนกนั้นตายเพื่ออาหารแต่ถังเหวยซวนนั้นเกิดมาในตระกูลของโจรปล้นสุสานเขาจึงไม่สนใจมิตรภาพที่ดีและจะไม่พิจารณาว่ามันมีคุณค่าใดๆ และไร้จิตสำนึกไปอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเขาจะไม่พิจารณาคุณค่าทางการวิจัยทางประวัติศาสตร์แต่อย่างใดเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือมูลค่าของมัน ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นเดนมนุษย์และฆ่าหมินเว่ยเหวินและแม่บ้านได้อย่างเลือดเย็น
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ต่างๆ นั้นมันเกิดขึ้นเร็วมากและเขาก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเขาจะก่อเหตุการณ์เช่นนี้ ดังนั้นจึงพูดได้ว่าเขานั้นไม่ได้มีการเตรียมการใดๆ เลยแม้แต่น้อยและยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้รอคำอธิบายของหมินเว่ยเหวินอย่างละเอียดเกี่ยวกับที่มาและเจ้าของมีดคลื่นโลหิตหมาป่าเล่มนี้เลยแม้แต่น้อยและไม่ได้คำนึงถึงกล้องวงจรปิดตามท้องถนนและชุมชนต่างๆ เลย
ตลอดทั้งคืนถังเหวยซวนได้หลบหนีขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ
หลังจากที่แจ็คใช้ข้อมูลข่าวกรองที่ได้มาเทียบกับคนในกล้องวงจรปิดแล้วเขาก็พบว่าคนคนนั้นคือถังเหวยซวนและหลังจากนั้นไฟล์ข้อมูลของถังเหวยซวนก็ถูกถ่ายโอนไปยังสถานีตำรวจโดยตรง
“พี่สองฝากเรื่องนี้ไว้กับพวกเราได้เลย..ผมสัญญาว่าพวกเราจะตามมีดคลื่นโลหิตหมาป่ากลับมาคืนพี่ให้ได้” หลี่ฮ่าวพูด เพราะเขากลัวว่าเย่เชียนจะไปทำสิ่งต่างๆ ที่ร้ายแรงมากเกินไปและมันจะยากที่จะไปทำความสะอาดและเก็บกวาดในตอนนั้น พูดตามตรงว่าหลี่ฮ่าวนั้นไม่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนเลย ซึ่งเขารู้แค่ว่าเย่เชียนนั้นมีอิทธิพลอย่างมากในเมืองเซี่ยงไฮ้ แต่ถึงยังไงเย่เชียนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำเช่นนั้นเลยเพราะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนนั้นล้วนมีแต่เหล่าสมาชิกระดับสูงรัฐบาลและถึงแม้ว่ากองกำลังของเย่เชียนเย่เชียนในเซี่ยงไฮ้นั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็ยากที่จะเผชิญหน้ากับรัฐบาล
“ไม่จำเป็น..มันเป็นของของฉัน..เพราะงั้นฉันก็ตามหามันเอง!” เย่เชียนพูด “น้องสาม..ฉันขอโทษที่ต้องทำให้เอ็งลำบาก” หลังจากพูดจบแล้วเย่เชียนก็เดินออกจากสถานีตำรวจ
หลังจากที่ถังเหวยซวนกลับไปถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้วเขาก็ไม่กล้าที่จะกลับบ้านเลยซึ่งระหว่างทางนั้นเขาพบบ้านร้างและกบดานอยู่ที่นั่นชั่วคราว เพราะท้ายที่สุดแล้วหมินเว่ยเหวินนั้นก็มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศจีนและเขาก็มีลูกศิษย์มากมายและส่วนใหญ่คนเหล่านั้นก็ล้วนเป็นข้าราชการระดับสูงกันทั้งนั้น ดังนั้นเขาจึงอาจจะโดนไล่ล่าโดยหลายฝั่งหลายฝ่ายเขาจึงไม่กล้าที่จะกลับบ้านของเขา
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่เชียนได้พูดกับหลี่ฮ่าวเอาไว้แล้วว่าอย่าเข้ามาแทรงแซงเรื่องนี้ ดังนั้นหลี่ฮ่าวจึงต้องแสร้งทำเป็นว่าเขายังไม่มีเบาะแสใดๆ เพราะไม่เช่นนั้นภายใต้ความกดดันที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เขาก็กลัวว่าถังเหวยซวนจะหลบหนีไปยังประเทศอื่นพร้อมกับมีดคลื่นโลหิตหมาป่าเช่นนั้นซึ่งมันจะเป็นปัญหาใหญ่อย่างยิ่ง
หลังจากที่เย่เชียนพักผ่อนอยู่ที่บ้านของซ่งหลันอีกเป็นเวลาสองวันหลังจากนั้นเขาก็ส่งเย่หลินกลับไปหาพ่อของเขาตามที่บอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและหลังจากนั้นเย่เชียนก็โทรไปหาโจวหยวนจากนั้นทั้งสองก็ซื้อตั๋วบินเพื่อบินไปยังเมืองเสิ่นหยาง
อาจกล่าวได้ว่าที่แห่งนี้นั้นสำหรับเย่เชียนแล้วเขาไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้โดยสิ้นเชิงและเขาก็ไม่รู้จักใครเลยสักคนเดียว ว่ากันว่าที่แห่งนี้มีเสือซ่อนเล็บอยู่เต็มไปทั่วทุกพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ถึงยังไงก็ยังไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าระหว่างเย่เชียนกับเจ้าถิ่นเหล่านี้ใครจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่ากัน
ที่แห่งนี้มีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสองกองกำลังซึ่งก็คือกลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกเฉียงเหนือหลวนปิงลี่และสมาคมแม่ม่ายดำจือเหวิน ซึ่งทั้งสองฝ่ายนี้เกือบจะควบคุมกองกำลังในวงการใต้ดิน 60% ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนและพวกเขาก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและไม่มีใครที่ไม่เกรงกลัสเมื่อเอ่ยชื่อกลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกเฉียงเหนือหลวนปิงลี่และสมาคมแม่ม่ายดำจือเหวิน
เนื่องจากเขากำลังจะเดินทางไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเพื่อตามหาใครบางคนดังนั้นเย่เชียนจึงทำการตรวจสอบพื้นฐานบางอย่างเอาไว้ล่วงหน้าและไม่ว่าจะด้วยความสัมพันธ์ของคนในพื้นที่และอำนาจของตำรวจและคนจากรัฐบาลรวมไปถึงข้อมูลของสองยักษ์ใหญ่อีกด้วย อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ยังคงไม่ชอบวิธีที่จะจัดการกับพวกตำรวจดังนั้นเขาจึงมุ่งเป้าไปที่สองยักษ์ใหญ่แทน
ในความเป็นจริงแล้วถึงจะบอกว่าเย่เชียนนั้นเป็นบุคคลทรงอิทธิพลในเมืองเซี่ยงไฮ้ก็จริงแต่ทว่าชื่อเสียงของเขาก็ไม่ได้โด่งดังถึงขนาดนั้นเพราะทั่วประเทศจีนในตอนนี้คนอื่นๆ จะรู้จักหวังหูแต่ไม่ใช่เย่เชียนเลย อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นสิ่งที่ดีอย่างมากสำหรับเย่เชียนเพราะเขาไม่ได้ต้องการเปิดเผยตัวตนต่อสาธารณะมากจนเกินไป
ส่วนโจวหยวนก็ดูตื่นเต้นอย่างมากเพราะเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าเย่เชียนจะทำตามที่เขาพูดเอาไว้และให้ตัวเองมาอยู่ช่วยเขา อย่างไรก็ตามโจวหยวนก็รู้ดีเช่นกันว่าการเดินทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือในครั้งนี้จะไม่มีปัญหาอะไรถ้าเย่เชียนไม่ได้ก่อปัญหาใดๆ ไม่เช่นนั้นพวกเขาทั้งสองจะต้องลำบากแน่ๆ หรือบางทีแม้แต่ชีวิตของเขาเองก็อาจจะไม่รอดกลับไป แต่ประสบการณ์ชีวิตที่ดีนั้นหายากและไม่สำคัญว่าเราจะแพ้หรือชนะถ้าหากเราสูญเสียความกล้าที่จะต่อสู้มันก็จะเป็นเรื่องที่เศร้าที่สุดในชีวิตนั่นเอง
หลังจากลงจากเครื่องบินแล้วเย่เชียนและโจวหยวนก็หาโรงแรมในละแวกใกล้ๆ และพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งวัน อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ได้ติดต่อไปหาเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของเขี้ยวหมาป่าที่แจ็คได้กระจายกำลังเอาไว้ก่อนหน้านี้ตั้งแต่แรกแล้วเพื่อรับข่าวสารและข้อมูลต่างๆ จากเขา ซึ่งต้องบอกเลยว่าแจ็คนั้นเป็นคนที่มองการณ์ไกลอย่างมากเพราะหลังจากที่เขี้ยวหมาป่าได้ก่อตั้งหน่วยข่าวกรองและหน่วยสืบราชการลับในประเทศจีนนั้นเขาก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ข่าวกรองกระจายไปยังส่วนต่างๆ ของประเทศจีนทั่วประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นสงครามครั้งใหญ่หรือสงครามย่อยก็ตามถึงยังไงไหวพริบและกลยุทธ์ที่ดีนั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถึงแม้ว่าหน่วยข่าวกรองเขี้ยวหมาป่าจะถูกก่อตั้งขึ้นได้ไม่นานก็ตามแต่ก็สามารถประสบความสำเร็จอย่างมากได้เพราะข้อมูลต่างๆ จากทั่วประเทศถูกส่งต่อไปยังหูของแจ็คในทุกๆ วันอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตามบุคลากรด้านข่าวกรองนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือทำให้ตัวตนที่ซ่อนอยู่เป็นความลับที่สุด ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ได้ให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมในการเดินทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือในครั้งนี้ ซึ่งหลังจากที่ได้ข้อมูลและที่อยู่ของกลุ่มพยัคฆ์ตะวันออกหลวนเฉียงเหนือปิงลี่และแม่ม่ายดำจือเหวินจากพวกเขาแล้วเย่เชียนก็บอกให้พวกเขาแยกย้ายกันออกไปตามปกติ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน