ตอนที่ 498 ความปั่นป่วนของเย่เชียน
เหตุใดที่ผู้ป่วยทางจิตจึงมักจะแข็งแรงและมีพละกำลังเยอะมาก? นั่นก็เป็นเพราะอารมณ์และร่างกายของพวกเขาไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาเลย และภายใต้สถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้นั้นคนประเภทนี้ก็มักจะสามารถกระตุ้นศักยภาพและพละกำลังสูงสุดของพวกเขาได้ดังนั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงยอดเยี่ยมเป็นพิเศษเมื่อเขาคนนั้นตกอยู่ในภาวะวิกฤตหรือเมื่อพวกเขาโกรธพวกเขาก็มักจะแสดงออกถึงพลังที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงและในวันนี้สถานการณ์ของเย่เชียนเองก็เป็นเช่นนั้นจึงทำให้ออร่าและแรงกดดันที่ชั่วร้ายและรุนแรงกำลังกลืนกินและทรมานร่างกายของเย่เชียนอย่างดุเดือดจนดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับเลือดที่ไหลซึมออกมาและตอนนี้เขาก็มีเพียงความคิดเดียวและนั่นก็คือการฆ่าและฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็เป็นถึงผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและท้ายที่สุดเขาก็เป็นทหารมืออาชีพที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดดังนั้นคนทั่วไปจึงเทียบกับเขาไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดก็เยอะมากเช่นกันราวกับว่ามีเข็มนับพันทิ่มแทงไปทั่วร่างกายของเขา
ม่อหลงก็มองไปที่เย่เชียนอย่างประหม่าและเป็นห่วงแต่เขานั้นไม่มีพลังและความสามารถเช่นนั้นจนเกิดความวิตกกังวลในใจของเขาและมันก็ไม่สามารถจินตนาการได้เลย ม่อหลงนั้นติดตามเย่เชียนมานานหลายปีและความรู้สึกของเขาที่มีต่อเย่เชียนก็ไม่สามารถจินตนาการได้เช่นกัน ซึ่งในใจของม่อหลงนั้นเขามองว่าเย่เชียนเป็นดั่งน้องชายแท้ๆ ของเขาเสมอเพราะพวกเขานั้นไม่มีพ่อแม่เหมือนกัน แต่เขานั้นอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีน้องชายอย่างเย่เชียน
เย่เชียนนั้นเข้าสู่องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเมื่ออายุสิบหกปีส่วนม่อหลงนั้นเขาเข้ามาเมื่ออายุสิบแปดปีและทั้งสองก็พึ่งพาซึ่งกันและกันและสนับสนุนซึ่งกันและกันมาเกือบสิบปี
เมื่อเย่เชียนม่อหลงที่กำลังจะเดินมาหาตนเย่เชียนก็โบกมือให้เขาหยุดอย่างเร่งรีบและตะโกนว่า “อย่าเข้ามา..หนีไป!” เย่เชียนนั้นใช้จิตตานุภาพที่แข็งแกร่งเพื่อระงับความโกรธเกรี้ยวที่รุนแรงเพราะเขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่สามารถควบคุมมันได้ล่ะก็เขาอาจจะทำร้ายม่อหลงจนเจ็บปวดอย่างแน่นอน
“บอส! ..เราเป็นพี่น้องกันมาเกือบสิบปีแล้ว..เพราะงั้นฉันจะปล่อยให้บอสอยู่คนเดียวได้ยังไง?” รอยยิ้มที่ยินดีก็ปรากฏบนใบหน้าของม่อหลงและเขาก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาเย่เชียนทีละก้าว
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เชียนได้เห็นรอยยิ้มที่ปราศจากความกังวลของม่อหลงและถึงแม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะไม่ได้สดใสมากแต่มันก็อบอุ่นเหมือนรอยยิ้มของครอบครัว อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าออร่าของเขาที่มันรุนแรงขึ้นนั้นมันกำลังปะทุขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถระงับมันเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้วแต่เมื่อเย่เชียนเห็นม่อหลงที่กำลังเดินมาหาเขาทีละก้าวนั้นเย่เชียนก็รู้สึกได้ถึงความกลัวเพราะเขากลัวว่าเขาจะฆ่าพี่ชายของตัวเอง
เย่เชียนนั้นมีเพียงความคิดเดียวในตอนนี้และเขาแค่ต้องการกลั้นหายใจและระงับเลือดที่เดือดพล่านในหัวใจของเขาและฟื้นตัวเองกลับมาสภาพเดิม อย่างไรก็ตามเขาก็รู้ว่าเขาไม่สามารถควบคุมมันได้เลยแต่หลังจากได้เห็นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและหูวเค่อรวมถึงพระที่วัดหลิงหลงและเฉินยี่แล้วเย่เชียนก็ตระหนักได้มากขึ้นว่าออร่าและแรงกดดันที่รุนแรงในร่างกายของเขานั้นมันก็เป็นรูปแบบหนึ่งของพลังชี่ของผู้ฝึกตนและมันก็สามารถควบคุมได้
ทันใดนั้นแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของเย่เชียนก็ผุดขึ้นมาและเขาก็จำฉากที่เกิดขึ้นในวัดหลิงหลงได้ ซึ่งในเวลานั้นเมื่อเขาเห็นศิลาเหล็กหางมังกรคู่เย่เชียนก็มีปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแต่ในเวลานั้นพระรูปนั้นก็ตบตัวเองเบาๆ และหลังจากนั้นเย่เชียนก็ตื่นขึ้นจากภวังค์ ดังนั้นเย่เชียนจึงจำได้ว่าก่อนที่พระรูปนั้นจะตบเขาดูเหมือนว่าเขาจะมีพลังงานบางอย่างอยู่ภายในร่างกายของเขาอย่างท่วมท้น เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เย่เชียนก็ไม่กล้าที่จะละเลยเขาจึงรีบหลับตาและตั้งสมาธิอย่างหนักหน่วงเพื่อพยายามค้นหาและสัมผัสพลังนั้นในร่างกายของเขา
สำหรับคนที่ไม่เคยสัมผัสกับพลังด้านนี้นั้นมันจะเป็นเรื่องที่ยากมากเพราะในความเป็นจริงทุกคนก็จะมีลมปราณชี่อยู่ในร่างกายของทุกคนและมันเป็นเพียงเรื่องของความแข็งแกร่งและความอ่อนแอและบางคนมักจะกล่าวว่าภูตผีและวิญญาณนั้นก็เหมือนกับพลังชี่
เมื่อเขาอยู่ในเขตการปกครองไต้หวันนั้นหูวเค่อก็เคยแนะนำให้เย่เชียนฝึกแบบนี้และถึงแม้ว่าเวลามันจะไม่นานนักแต่มันก็เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเย่เชียนในตอนนี้ ซึ่งในครั้งนั้นที่วัดหลิงหลงก่อนที่พระรูปนั้นจะปัดเป่าเย่เชียนเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็วในภวังค์และเขาก็พบกับร่างสัมภเวสีที่เดินไปรอบๆ พร้อมกับลมหายใจที่ชั่วร้ายและรุนแรงอย่างยิ่ง
มันเหมือนกับคนสองคนที่ถือปืนกลหนักและยิงกราดใส่ร่างของเย่เชียนซึ่งความเจ็บปวดนั้นมันไม่สามารถจินตนาการได้เลยและในทันใดนั้นร่างกายของเย่เชียนก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
ในฉากนี้เฉินยี่ที่อยู่ด้านข้างก็มองไปที่เย่เชียนและเขาก็รู้สึกตกใจอย่างมาก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเฉินยี่นั้นไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะหลับตาและทำสมาธิ แต่ตอนนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดมากเพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังของวิญญาณอันชั่วร้ายภายในร่างของเย่เชียนและเขาก็คิดว่าลำพังเย่เชียนเองคงจะไม่สามารถยับยั้งมันได้เลย ดังนั้นเขาจึงต้องรีบจัดการสาวกม่อจื๊อสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขาโดยเร็วที่สุดแล้วรีบไปช่วยเย่เชียนทันที
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้เฉินยี่ก็ก้าวขึ้นออกไปอย่างไม่สบอารมณ์และถึงแม้ว่าเขาจะกลัวความเยาว์วัยและความแข็งแกร่งของทั้งสองแต่ทว่าเฉินยี่นั้นก็เคยเป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักม่อจื๊อมาก่อนและทักษะของเขาก็ถือได้ว่าเป็นระดับแนวหน้า ถึงเขาอาจจะไม่มีพละกำลังและความเยาว์วัยเหมือนสมัยก่อนและเนื่องจากอาการบาดเจ็บเก่าของเขานั้นแต่ทว่าการโจมตีของเขาก็เหมือนกับคลื่นลูกใหญ่ๆ ทั้งสองลูกที่ค่อยๆ ถาโถมและนอกจากนี้ประสบการณ์การต่อสู้ของเฉินยี่นั้นก็มีมากกว่าพวกเขาซึ่งสิ่งนี้สามารถเพิ่มความได้เปรียบให้กับเขาอย่างมาก
ในการดวลระดับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้นั้นไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดชัยชนะ เพราะความมั่นใจและสมาธิและประสบการณ์ต่างๆ ล้วนเป็นกุญแจสำคัญในการคว้าชัยชนะ
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงกรีดร้องสองครั้งและร่างของสาวกม่อจื๊อทั้งสองคนก็ลอยออกไปเหมือนว่าวที่สายขาดและเฉินยี่ก็ไม่สนใจพวกเขาอีกต่อไปและรีบเดินเข้าไปที่ด้านข้างของเย่เชียนและตบไหล่ของเย่เชียนด้วยฝ่ามือ ซึ่งเฉินยี่เองก็ยังคงมีความมั่นใจอย่างมากว่าภายใต้การโจมตีของเขาเมื่อครู่นี้จะทำให้ทั้งสองคนนั้นไม่มีโอกาสที่จะรอดชีวิตได้เลย
ด้วยความช่วยเหลือของเฉินยี่นั้นออร่าและพลังชี่ที่รุนแรงภายในร่างกายของเย่เชียนถูกระงับ อย่างไรก็ตามเฉินยี่ก็ค่อนข้างประหลาดใจเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะมีพลังชี่สองขั้วที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงภายในร่างกายของเย่เชียนซึ่งพลังชี่นั้นมันเป็นพลังด้านมืดที่ชั่วร้ายและดูมีพลังอย่างมาก ซึ่งโชคดีที่เย่เชียนไม่รู้ว่าจะใช้มันอย่างไรในตอนนี้และเขาก็ไม่ได้เป็นปรมาจารย์ผู้ฝึกตนด้วยไม่เช่นนั้นเฉินยี่ก็กลัวว่าเขาถึงจะเป็นเขาเองก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เชียนเลยก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามการต่อสู้ภายในร่างกายของเขาในตอนนี้ก็ทำให้เย่เชียนบาดเจ็บสาหัสและเย่เชียนก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปและเขาก็ล้มลงทันทีจนม่อหลงรีบเข้าไปพยุงเย่เชียนและมองไปที่เฉินยี่อย่างประหม่าและถามว่า “ผู้อาวุโสครับ..บอสจะเป็นอะไรไหม?”
“ไม่เป็นอะไร..เขาแค่เป็นสลบไปเฉยๆ ” เฉินยี่พูด อย่างไรก็ตามเนื่องจากการต่อสู้ที่ดุเดือดในตอนนี้ทำให้เย่เชียนนั้นสลบไปส่วนเฉินยี่ก็เหนื่อยมากเช่นกันเนื่องจากเขาอายุมากแล้วควบคู่ไปกับบาดแผลเก่าที่ไม่ได้รับการเยียวยารักษา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะนั่งลงบนพื้นทันที
***********************
ไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนเพราะเมื่อเย่เชียนตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่าเขานอนอยู่บนเตียงในห้องที่บ้านของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์แล้ว ซึ่งหลินเฟิงและม่อหลงก็นั่งอยู่ข้างเตียงด้วยใบหน้าที่กังวลและกระวนกระวายเล็กน้อย


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน