ตอนที่ 510 คำสั่งของผู้สืบทอด
เมื่อม่อหลงอายุได้ 16 ปีเขาก็ถูกกัปตันเทียนเฟิงพาเข้าสู่เขี้ยวหมาป่าซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงจำสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา อย่างไรก็ตามไม่ว่าม่อหลงจะพยายามคิดเรื่องนี้อย่างหนักหน่วงเพียงใดแต่ความทรงจำนั้นก็ดูเหมือนจะถูกขังอยู่ในใจของเขาและเขาก็จำมันไม่เคยได้อยู่ดี
ซึ่งกัปตันเทียนเฟิงเองก็ไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับม่อหลงเลยเขารู้เพียงตัวตนของม่อหลงจากคนรับใช้ที่อยู่กับม่อหลงในเวลานั้นแต่ก็น่าเสียดายที่คนรับใช้นั้นเสียชีวิตไปอย่างกะทันหันจึงทำให้เทียนเฟิงรู้เรื่องนี้ได้ไม่มากนักเขาจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของม่อหลงไม่เช่นนั้นเขาอาจจะสามารถบอกม่อหลงถึงสิ่งต่างๆ ได้
เด็กกำพร้าทุกคนล้วนคิดถึงพ่อแม่ของพวกเขาและไม่เพียงแค่ม่อหลงเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงเย่เชียนด้วยเพราะเย่เชียนนั้นจำไม่ได้ว่าพ่อแม่ของเขาเป็นใครหรือพ่อแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ดังนั้นเย่เชียนจึงสามารถเข้าใจความรู้สึกของม่อหลงได้เป็นอย่างดีรู้เย่เชียนก็ว่าทำไมม่อหลงถึงได้กระตือรือร้นที่จะอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
ม่อหลงก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และถามว่า “ผมอยากรู้ว่าพ่อแม่ของผมตายยังไงและใครเป็นคนฆ่าพวกเขา..ผู้อาวุโสเฉินยี่บอกผมให้มาถามคุณเพราะงั้นผมก็หวังว่าคุณจะตอบผมตามความเป็นจริงได้”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ถึงกับผงะไปชั่วครู่และเขาดูขมขื่นเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรไปสักพัก ซึ่งม่อหลงนั้นก็ไม่ได้รีบเค้นคำตอบเช่นกันและเพียงแค่มองไปที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนอย่างกระตือรือร้น ซึ่งในเวลานี้เย่เชียนก็ไม่คิดที่จะรบกวนพวกเขาทั้งสองในเรื่องเหล่านี้ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ชงชาและจิบชาอย่างใจเย็น
หลังจากเงียบอยู่นานหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดว่า “รอสักครู่เดี๋ยวฉันจะออกไปก่อนและจะกลับมาเร็วๆ นี้” หลังจากพูดแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน
จากการแสดงออกของเฉินยี่และหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วม่อหลงก็เดาได้ว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายนักและเฉินยี่ก็เคยกล่าวเอาไว้ว่าถ้าหากม่อหลงยังไม่มีความสามารถในการแก้แค้นล่ะก็อย่าไปคิดเรื่องการแก้แค้นโดยเด็ดขาดและแน่นอนว่าคนที่ฆ่าครอบครัวของม่อหลงนั้นจะต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่และมีพลังอำนาจมากอย่างแน่นอน ซึ่งเฉินยี่เองก็มีความสามารถอย่างสมบูรณ์ที่จะช่วยม่อหลงแก้แค้นได้อย่างแน่นอนและตอนนี้เมื่อได้เห็นการแสดงออกของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วเขาก็เดาได้ไม่ยากว่าทั้งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและเฉินยี่นั้นกำลังกังวลเรื่องเดียวกัน
“ได้! ..ผมจะรอคุณ! ” ม่อหลงพยักหน้าและพูด ตอนนี้ม่อหลงก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถกังวลได้และไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและกดดันเขาจนเกินไป
“อย่าเพิ่งไป! ..เพราะผมคิดว่าพวกสาวกม่อจื๊อกำลังตามหาสารสุดท้ายของผู้สืบทอด..และถ้าหากพวกเขารู้ว่ามันอยู่กับปู่ล่ะก็ผมกลัวว่าปู่จะต้องทนทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับเฉินยี่ที่ถูกไล่ล่าเอาชีวิต” เย่เชียนพูด ในเวลานี้เย่เชียนต้องรักษาสถานการณ์และระมัดระวังอย่างมากที่สุด เพราะถ้าหากคนอย่างหวงฟู่ชิงเตี๋ยนต้องการที่จะหักหลังและหายไปล่ะก็มันคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะตามหาเขาเพราะตอนนี้เห็นได้ชัดแล้วว่าสาวกม่อจื๊อในทุกวันนี้นั้นถูกแบ่งแยกออกเป็นสองฝ่ายและฝ่ายที่ฆ่าครอบครัวของม่อหลงนั้นจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของสำนักม่อจื๊ออย่างแน่นอน ด้วยจุดประสงค์ของคนเหล่านี้นั้นอาจเป็นเพราะสารสุดท้ายของผู้สืบทอดและใครก็ตามที่ได้รับสารสุดท้ายของผู้สืบทอดไปมันก็เท่ากับว่าคนคนนั้นได้ครอบครองลัทธิม่อจื๊ออย่างแท้จริง
“ไม่ต้องกังวลไป..ฉันสัญญากับผู้อาวุโสเฉินยี่เอาไว้และฉันจะทำมันให้สมกับหน้าที่ของฉัน” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูด ซึ่งหลังจากพูดจบหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พยักหน้าให้กับม่อหลงและเดินออกไป
เมื่อเห็นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจากไปเย่เชียนก็ตบบ่าของม่อหลงแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าพี่น่าจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างนะ..สัญญากับผมสิว่าพี่จะไม่ทำอะไรผลีผลามไปและถ้าหากพี่ต้องการแก้แค้นล่ะก็พี่ต้องรอจนกว่าพวกเราจะมีความสามารถก่อน..ไม่เช่นนั้นการแก้แค้นของเราจะล้มเหลวและสิ่งที่ครอบครัวของพี่กับเหล่าผู้บุกเบิกอย่างเฉินยี่ทำไปก็จะสูญเปล่า”
เย่เชียนก็รู้อยู่แก่ใจว่าม่อหลงคงไม่โง่ถึงขนาดไม่รู้อะไรเลย เมื่อได้ยินเช่นนั้นม่อหลงก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “บอสไม่ต้องกังวลไป..ฉันไม่โง่ขนาดนั้นหรอก”
เมื่อได้ยินคำพูดของม่อหลงเช่นนี้เย่เชียนก็อาจถือได้ว่ามันเป็นการปลอบใจเขาเสมอและก้อนหินในใจของเย่เชียนก็ถูกวางลงชั่วคราว มันเหมือนกันกับกรณีของเย่เชียนเพราะถ้าเขารู้ว่าใครเป็นพ่อแม่ของเขาและถ้าหากพวกเขาถูกฆ่าล่ะก็เย่เชียนคงจะโกรธมากเช่นกันและต้องการที่จะแก้แค้นทันที ในฐานะเด็กกำพร้านั้นความรู้สึกที่มีต่อพ่อแม่ก็ยากที่จะมองในมุมมองจากความรู้สึกของคนทั่วไปจริงๆ
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่เป็นถึงผู้สืบทอดแห่งสำนักม่อจื๊แต่พี่ก็ยังเรียกผมว่าบอสอีก..ฮ่าๆ ..ผมจำได้ว่ากัปตันบอกผมตอนที่เขาพาพี่มาที่เขี้ยวหมาป่าตอนนั้นว่าพี่มีตัวตนและภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่..ดังนั้นผมต้องปฏิบัติต่อพี่อย่างดีซะแล้ว..ผมควรจะอยู่เคียงข้างพี่เพราะอาจจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับตัวผมเองในอนาคต”
“ตอนที่กัปตันคุยกับบอสน่ะฉันก็ได้ยินมันโดยบังเอิญ” ม่อหลงพูด
“แล้วพี่ไม่กลัวหรอว่าผมอาจจะมีจุดประสงค์ที่ทำดีกับพี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อประโยชน์น่ะ..เพื่อหลอกพี่และใช้อำนาจของพี่เพื่อต่อสู้กับโลกใบนี้แบบนั้นน่ะ?” เย่เชียนพูด
“ฉันรู้ว่าใครดีกับฉันและใครที่ไม่ดีกับฉันบ้าง..ฉันเห็นได้ว่าบอสน่ะห่วงใยฉันอย่างจริงใจและตลอดหลายปีที่ผ่านมาบอสก็ไม่เคยเอาเปรียบฉันเลย..และทุกๆ เรื่องฉันก็เต็มใจทำ” ม่อหลงพูดต่อ “วันนี้บอสเป็นหัวหน้าของฉันและบอสจะเป็นหัวหน้าของฉันตลอดไปและไม่ว่าสถานะตัวตนของฉันจะเป็นยังไงก็ตามแต่นี่คือความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้! ”
“เชื่อไหมว่าผมชอบอยู่ภายใต้แรงกดดันมากมายแบบนั้น” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม ถ้าเย่เชียนต้องการหลอกใช้ม่อหลงล่ะก็เย่เชียนคงจะไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อม่อหลงเป็นแน่ ซึ่งเย่เชียนนั้นปฏิบัติต่อพี่น้องเขี้ยวหมาป่าทุกคนด้วยความจริงใจและถึงแม้ว่าเขาจะใกล้ชิดกับบางคนและห่างเหินกับบางคนก็ตามแต่ในใจของเย่เชียนนั้นพี่น้องเขี้ยวหมาป่าทุกคนล้วนเป็นดั่งพี่น้องกันอย่างแท้จริง


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน