ตอนที่ 511 อดีตของสำนักม่อจื๊อ
เย่เชียนนั้นจำได้ว่าเฉินยี่บอกเอาไว้ว่าศิลปะการต่อสู้ระดับสูงสุดของสำนักม่อจื๊อนั้นซ่อนอยู่ในสารสุดท้ายของผู้สืบทอดซึ่งม่อหลงนั้นไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเฉินยี่หมายถึงอะไร อย่างไรก็ตามม่อหลงนั้นก็ไม่เคยได้สัมผัสกับคนประเภทนี้เลย แต่เย่เชียนนั้นรู้สึกได้อย่างแผ่วเบาและเดาว่าศิลปะการต่อสู้ระดับสูงสุดที่เฉินยี่พูดนั้นหมายถึงศิลปะการต่อสู้ที่คนอย่างหวงฟู่ชิงเตี๋ยนฝึกฝนใช่ไหม?
สำหรับคนที่ไม่เคยสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้มาก่อนก็สามารถพัฒนาทักษะได้จริงๆ ผ่านวิธีการที่เรียกว่าสืบทอดศิลปะการต่อสู้อย่างงั้นเหรอ? เย่เชียนนั้นกลัวที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เพราะหลินจินไท่ก็เคยพูดกับเย่เชียนเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าผู้ฝึกชี่เช่นกันและเคยบอกว่าเขานั้นเคยฝึกฝนกับปรมาจารย์ชี่และเขาเองก็ยังเป็นแค่ผู้เริ่มต้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้เย่เชียนก็รู้จากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วว่าคนประเภทนี้ไม่ได้เรียกตัวเองว่าผู้ฝึกชี่
เย่เชียนนั้นก็ไม่ได้สนใจว่าคนประเภทนี้จะมีชื่อแบบไหนเพราะเย่เชียนก็รู้ดีว่าคนประเภทนี้มีนั้นทักษะที่เหนือกว่าตัวเขาอย่างมากและถ้าหากเขาต้องการขึ้นสู่จุดสูงสุดล่ะก็สักวันหนึ่งเขาก็ต้องพึ่งพาพลังแฝงเช่นนี้เพราะพลังในปัจจุบันของเขานั้นมันยังไม่เพียงพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนบอกใบ้เอาไว้ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เย่เชียนยังคงมีความกลัวอยู่บ้างและเขาก็ไม่กล้าที่จะพัฒนาพลังของเขี้ยวหมาป่าไปสู่เมืองปักกิ่งแต่อย่างใด
เมืองปักกิ่งนั้นเป็นเมืองหลวงของประเทศจีนซึ่งมีมังกรซ่อนเขี้ยวและเสือซ่อนเล็บอยู่และมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพัฒนาเมืองเซี่ยงไฮ้ด้วยวิธีนี้ หนึ่งคือรัฐบาลกลางต้องไม่อนุญาตอย่างแน่นอนและพวกเขาก็เข้มงวดจนเกินไป หากต้องการพัฒนาเขี้ยวหมาป่าไปสู่เมืองปักกิ่งล่ะก็ทุกอย่างจะต้องได้รับการพิจารณาในระยะยาว
ม่อหลงก็รับสารสุดท้ายของผู้สืบทอดเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาและมองไปที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสหวงฟู่แล้วตอนนี้คุณสามารถเล่าเรื่องราวในอดีตให้ผมฟังหน่อยได้ไหม..ผมอยากรู้จริงๆ ว่าครอบครัวของผมเสียชีวิตกันยังไง”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นลังเลที่จะพูดอยู่สักพักหนึ่งและความคิดของเขานั้นก็ยุ่งเหยิงอย่างมาก บางทีคนนอกอาจไม่รู้แต่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นก็ชัดเจนมากด้วยพลังของม่อหลงในตอนนี้และถึงแม้ว่าจะมีตัวเขาช่วยสนับสนุนด้วยก็ตามถึงยังไงมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้และสำนักม่อจื๊อในทุกวันนี้ก็ไม่สามารถสั่นคลอนได้ง่ายๆ ซึ่งหลังจากที่ม่อเฟิงเสียชีวิตไปสำนักม่อจื๊อทั้งหมดก็ถูกแยกออกจากกันและผู้บุกเบิกหลายคนก็แยกย้ายกันไปและไม่ได้กังวลเกี่ยวกับสำนักม่อจื๊ออีกต่อไปและตอนนี้มันก็ยากมากที่จะติดต่อกับคนเหล่านั้นและไม่รู้เลยว่าพวกเขานั้นยังคงเต็มใจที่จะสละชีวิตเพื่อสำนักอยู่หรือเปล่า ในปัจจุบันนี้พวกเขาเหล่านั้นเต็มใจที่จะกลับมาและเต็มใจที่จะช่วยเหลือผู้นำที่แท้จริงของพวกเขาหรือเปล่าก็ไม่สามารถมีใครทราบได้เลย
“ว่าไงบ้างผู้อาวุโสหวงฟู่” ดวงตาของม่อหลงนั้นดูแข็งกร้าวเล็กน้อยและน้ำเสียงของเขาก็ดูไม่ค่อยมีความเคารพและเป็นมิตรอีกต่อไป ถึงแม้ว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะส่งมอบสารสุดท้ายของผู้สืบทอดแล้วก็ตามแต่เขาก็ยังคงลังเลที่จะเล่าเรื่องราวในอดีตซึ่งทำให้ม่อหลงนั้นสงสัยว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างบางครอบครัวของเขาหรือไม่ ถึงแม้ว่าม่อหลงจะไม่ต้องการคิดเช่นนั้นก็ตามแต่การแสดงออกของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นก็ยากที่จะคิดอย่างอื่น นอกจากนี้ถึงแม้ว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ตามแต่เขาจะยืนยันคำพูดได้อย่างไร
“ผู้สืบทอดคือเรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไปและฉันเองก็ไม่สามารถอธิบายได้..ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับคุณแล้วถ้าไม่รู้ก็อาจจะดีกว่า..แค่ปล่อยให้อดีตมันผ่านไป” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดเช่นนี้ เขาก็เหมือนกับเฉินยี่ที่กลัวว่าถ้าม่อหลงรู้เรื่องนี้ม่อหลงก็จะรู้สึกโกรธและวิ่งเข้าไปหาปัญหาที่ร้ายแรงของสำนักม่อจื๊อและถึงแม้ว่าเขาจะมีหมื่นชีวิตก็ตามแต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะตายซ้ำตายซาก
“ในฐานะที่ผมเป็นผู้สืบทอดผู้นำของสำนักม่อจื๊อแบบนี้แล้วถ้าผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสำนักม่อจท๊อนั้นคืออะไรและถ้าผมไม่รู้แม้แต่การตายของครอบครัวของผมว่าพวกเขาเสียชีวิตกันยังไงแล้วผมจะอยู่ได้ยังไง..ต่อให้คุณจะไม่เล่าก็เถอะแต่ผมก็เดาได้ว่ามันต้องมีความขัดแย้งในตอนนั้นและสำนักม่อจื๊อในปัจจุบันมันก็ไม่ใช่สำนักม่อจื๊อเหมือนในอดีตอีกต่อไป..คุณกลัวว่าผมจะไปล้างแค้นหลังจากที่รู้ความจริงแล้วฉันใช่ไหม?” ม่อหลงพูด
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พยักหน้าอย่างหนักหน่วงแล้วพูดว่า “ผู้สืบทอด..ฉันเชื่อว่าที่ผู้อาวุโสเฉินไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณฟังก็เพราะเขากลัวว่าคุณจะจมปลักอยู่กับการแก้แค้นใช่ไหม..ตอนนี้มีทายาทของตระกูลม่อเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่แล้วถ้าหากครั้งนี้ผู้สืบทอดตายไปอีกคนพวกฉันคงจะเสียใจกับเหล่าผู้บุกเบิกและผู้นำที่ล่วงลับไปแล้ว..แล้วตอนนี้น่ะพลังของคุณไม่เพียงพอที่จะล้างแค้นแล้วทำไมถึงต้องการรู้เรื่องพวกนี้ล่ะ..เพราะงั้นฉันขอสัญญากับคุณว่าตราบใดที่ผู้สืบทอดต้องการล้างแค้นจริงๆ ฉันก็จะสอนทักษะทั้งหมดของฉันให้และเมื่อใดที่ผู้สืบทอดมีความสามารถในการแก้แค้นแล้วจริงๆ ฉันจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณฟังด้วยตัวเอง!”
เย่เชียนถึงกับผงะไปชั่วขณะเมื่อได้ฟังคำพูดของหวงฟู่ชิงเตี๋ยน ซึ่งดูเหมือนว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นจะไม่รู้จริงๆ ว่าศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงสุดของสำนักม่อจื๊อนั้นซ่อนอยู่ในสารสุดท้ายของผู้สืบทอด อย่างไรก็ตามทักษะการต่อสู้ของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากม่อหลงสามารถเรียนรู้จากเขาได้ล่ะก็นั่นจะเป็นสิ่งที่ดีอย่างมาก
ม่อหลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อันที่จริงมันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะเล่าเรื่องทั้งหมดหรือเปล่าเพราะตอนนี้มันมีองค์กรลับกำลังตามไล่ล่าอยู่..ผู้อาวุโสหวงฟู่ผมต้องขอบคุณมากสำหรับความพากเพียรความมุ่งมั่นที่คุณมีต่อผู้อาวุโสเฉินและตัวตนของผม..แต่ผมก็ต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในอดีต..เพราะงั้นผมขอสัญญากับคุณเลยว่าถ้าหากผมยังไม่มีความสามารถและพลังมากพอในการแก้แค้นล่ะก็ผมจะไม่ทำการล้างแค้นอย่างสิ้นหวังแน่นอน..เพราะตอนนี้ผมไม่ต้องการมีหนามบ่มอยู่ในใจของผมตลอดไป..ผมรู้ว่าคุณเป็นผู้บุกเบิกที่ซื่อสัตย์และเป็นอาจารย์ที่ดีได้..เพราะงั้นอย่าให้ผมต้องบังคับคุณในฐานะผู้นำสูงสุดเลย”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน