ตอนที่ 538 วางแผน
คูลอฟส์อังเดรนั้นไม่ใช่คนโง่เพราะเขารู้ดีว่าเย่เชียนนั้นไม่ใช่แค่มอบผลประโยชน์ให้ตนเพียงแค่นั้นแต่เย่เชียนต้องการใช้อำนาจของตนเพื่อจัดการกับฮัวซงเจี๋ยและเหล่ยเจียงและรวมไปถึงแก๊งยามากุจิและมาเฟียอเมริกันอีกด้วย อย่างไรก็ตามนี่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะตอนนี้ตนกับเย่เชียนนั้นมีสถานะเป็นพันธมิตรกันเพราะงั้นแน่นอนว่าเขาจะสามารถให้เย่เชียนทำทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอไปและยิ่งไปกว่านั้นหากเขาสามารถครอบครองการพนันใต้ดินในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ในครั้งนี้ล่ะก็ผลประโยชน์ต่างๆ นั้นจะต้องมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
สำหรับความขัดแย้งกับแก๊งยามากุจิและแก๊งมาเฟียอเมริกันนั้นก็เป็นเรื่องที่ปกติมากและคูลอฟส์อังเดรนั้นก็ไม่ได้กังวลเลยเพราะถึงแม้ว่าการขัดแย้งระหว่างแก๊งมาเฟียคูลอฟส์กับแก๊งยามากุจิหรือแก๊งมาเฟียอเมริกันนั้นจะไม่เกิดขึ้นในวันหรือสองวันก็ตามแต่เพื่อการช่วงชิงผลประโยชน์อันมหาศาลเช่นนี้แน่นอนว่าความขัดแย้งมันจะต้องเกิดขึ้นและผลลัพธ์ก็คือชัยชนะและความพ่ายแพ้นั่นเอง ซึ่งถ้าหากเขาเป็นผู้ชนะในครั้งนี้มันจะไม่เพียงแค่กวาดล้างแก๊งยามากุจิและแก๊งมาเฟียอเมริกันออกไปเท่านั้นเพราะที่สำคัญกว่านั้นมันจะเป็นการสร้างเกียรติประวัติศาสตร์ของตัวเองภายในตระกูลและแก๊งมาเฟียของเขา ซึ่งด้วยวิธีนี้จะไม่มีใครสามารถแข่งขันหรือเทียบกับคูลอฟส์อังเดรได้อีกต่อไป
หลังจากตระหนักถึงเรื่องนี้คูลอฟส์อังเดรก็รีบพูดว่า “ว่ากันตามนั้นเลยครับ..ถ้างั้นผมก็ต้องรบกวนมิสเตอร์เย่ให้ใส่ใจกับสถานการณ์ตรงนั้นไปก่อนและหลังจากที่ผมจัดการสถานการณ์ที่นี่เสร็จแล้วผมจะรีบดำเนินการตามแผนของคุณให้เร็วที่สุด”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้ครับ! ..คุณสามารถมั่นใจได้เลยเพราะผมอยู่ที่นี่แล้วเพราะงั้นมันจะต้องไม่มีอะไรผิดพลาด” นี่คือผลลัพธ์และคำตอบที่เย่เชียนคาดหวังเอาไว้เพราะการที่เย่เชียนทำสิ่งต่างๆ ให้คูลอฟส์อังเดรไปมากขนาดนั้นแล้วแต่ถ้าหากคูลอฟส์อังเดรยังไม่เห็นด้วยอีกมันก็จะดูไม่สมเหตุสมผลอย่างมาก
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเย่เชียนได้ชี้แนะการพัฒนาเขี้ยวหมาป่าไปในทางที่ถูกต้องเสมอและถึงแม้ว่าธุรกิจในวงการใต้ดินเหล่านั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องแต่ส่วนใหญ่มันก็เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ซึ่งเดิมทีเย่เชียนนั้นชอบที่จะสร้างผลกำไรอันมหาศาลจากการพนันแต่เนื่องจากผลกำไรจำนวนมากเช่นนั้นเขาจะถูกจับตามองโดยกองกำลังและฝ่ายต่างๆ ดังนั้นหากเขี้ยวหมาป่าลงมือออกหน้าจัดการสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองล่ะก็มันจะทำให้เขี้ยวหมาป่าตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนและจะทำให้สถานะของเขี้ยวหมาป่าในโลกนี้เลวร้ายลงอย่างมาก ดังนั้นถ้าหากเย่เชียนใช้คูลอฟส์อังเดรและแก๊งมาเฟียของเขาเป็นฉากเบื้องหน้าล่ะก็มันจะดีกว่ามากและไม่เพียงแค่เขาจะสามารถพึ่งพาอำนาจทรงพลังของตระกูลแก๊งมาเฟียคูลอฟส์แห่งประเทศรัสเซียเพื่อรับมือกับกองกำลังเหล่านั้นเพียงเท่านั้นแต่เขายังสามารถเบี่ยงเบนให้แก๊งมาเฟียคูลอฟส์เป็นเกราะป้องกันของเขี้ยวหมาป่าได้อีกด้วย ซึ่งด้วยวิธีนี้เขี้ยวหมาป่าจะสามารถซ่อนอยู่เบื้องหลังได้อย่างมั่นคงและสมบูรณ์แบบ
หลังจากวางสายโทรศัพท์ของคูลอฟส์อังเดรแล้วเย่เชียนก็เดินออกไปจากตรอกเพื่อโบกแท็กซี่และตรงไปที่โรงแรมที่จื้อจุนและเซียวหวันพักอยู่
สถานการณ์ในปัจจุบันของมณฑลเหอหนานนั้นมีความละเอียดอ่อนมากเพราะถ้าหากฮัวซงเจี๋ยกับเหล่ยเจียงต้องการต่อสู้กันเพื่อผลประโยชน์ข้ามประเทศนั้นมันจะต้องมีการสู้รบครั้งใหญ่เกิดขึ้นในประเทศจีนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามทั้งสองคนก็ยังไม่กล้าที่จะทำผลีผลามและโจ่งแจ้งมากนักเพราะการต่อสู้แบบนี้ผู้ชนะนั้นจะไม่ชนะเสมอไปเพราะต้องดูว่าวิธีการและแผนการของใครดีกว่านั่นเอง
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังมีเย่เชียนอีกคนหนึ่งที่แทรกเข้ามาในสงครามครั้งนี้โดยไม่มีเหตุผลซึ่งทำให้ฮัวซงเจี๋ยและเหล่ยเจียงต้องเพิ่มความรอบคอบและระมัดระวังให้มากขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่าทั้งหมดที่พวกเขารู้เกี่ยวกับตัวตนของเย่เชียนนั้นคือประธานของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็ตามแต่พวกเขาก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเย่เชียนจะไม่เข้ามาในสงครามครั้งนี้โดยไม่มีเหตุผลอื่นๆ โดยเฉพาะเหล่ยเจียงเพราะหลังจากที่เขาได้เห็นเย่เชียนและฮัวซงเจี๋ยพบกันเช่นนั้นเขาก็รู้สึกไม่พอใจกับเย่เชียนอย่างมากและเขาก็คาดเดาได้ว่าคนที่ลอบสังหารเขาครั้งที่แล้วนั้นต้องเป็นคนของเย่เชียนเท่านั้นและจุดประสงค์ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการยั่วยุและตักเตือนเขานั่นเอง
ทางด้านของเย่เชียนเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาแต่ละคนกำลังคิดอะไรอยู่แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยเพราะมันไม่มีทางที่จะปรับความขัดแย้งระหว่างฮัวซงเจี๋ยและเหล่ยเจียงได้เพราะพวกเขาทั้งสองต่างก็ต้องการมีส่วนร่วมในการพนันใต้ดินและธุรกิจคาสิโนของฮัวซงเจี๋ยนั้นเขาจะยอมแบ่งรายได้ให้เหล่ยเจียงง่ายๆ ได้อย่างไร ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะยุติความขัดแย้งและการต่อสู้ระหว่างพวกเขาได้
เย่เชียนเองก็ต้องการที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องนี้และด้วยวิธีเดียวที่ให้ผลที่สุดนั่นก็คือการให้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจับตามองพวกเขาเพื่อที่พวกเขาจะได้ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ในการกำจัดพวกเขาทั้งสอง แต่ประเด็นสำคัญในตอนนี้คือการทำให้เกิดสงครามระหว่างฮัวซงเจี๋ยและเหล่ยเจียงเพราะยิ่งพวกเขาขัดแย้งกันมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเปิดเผยจุดอ่อนของพวกเขาได้ง่ายขึ้นมากเท่านั้นซึ่งมันจะทำให้คนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการได้ง่ายยิ่งขึ้น
เย่เชียนก็มาถึงโรงแรมที่จื้อจุนและเซียวหวันพักอยู่และเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบว่าทั้งจื้อจุนและเซียวหวันต่างก็นั่งรอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว ซึ่งเซียวหวันก็ยังคงเหมือนเดิมที่ทำราวกับว่าเย่เชียนเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อแม่ของเธอเพราะเธอหันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างโกรธเกรี้ยวเมื่อเธอเห็นเย่เชียน
เย่เชียนก็ไม่สนใจเธอและเขาก็ไม่อยากที่จะยั่วโมโหเธออีกเพราะผู้หญิงคนนี้จะต้องโวยวายและวุ่นวายอย่างไม่รู้จบเป็นแน่ ผ่านไปสักพักหลังจากฟังจื้อจุนอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ในฝั่งของเหล่ยเจียงแล้วเย่เชียนก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด ซึ่งถึงแม้ว่าเหล่ยเจียงจะเป็นสมาชิกขององค์กรสัมพันธมิตรและควบคุมธุรกิจยาเสพติดในทวีปเอเชียก็ตามแต่ถึงยังไงในตอนนี้เขาก็ระมัดระวังตัวมากขึ้นดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะกำจัดเขา
หลังจากเงียบไปนานเย่เชียนก็พูดขึ้นมาว่า “ทันทีหลังจากการแข่งขันฟุตบอลโลกเปิดตัวขึ้นเหล่ยเจียงก็จะระดมเงินทุนจำนวนมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อที่จะแข่งขันกับฮัวซงเจี๋ยและบางทีเราอาจจะพบเบาะแสบางอย่างจากเรื่องนี้ก็เป็นได้”
“นั่นแหละปัญหาเพราะตอนนี้เงินของเหล่ยเจียงก็ได้รับการฟอกสะอาดและบริสุทธิ์จนทางเราไม่สามารถฟ้องร้องเขาด้วยเงินของเขาได้เลย” จื้อจุนพูด
“เห้อ..สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของคุณต้องมีปัญหาแน่ๆ ..เพราะขนาดพวกคุณรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าพ่อยาเสพติดแต่พวกคุณยังต้องการหาหลักฐานบางอย่างกันอยู่อีกเหรอ..ทำไมไม่ไปจับเขาโดยตรงเลยล่ะ” เย่เชียนพูดด้วยความหดหู่
“นายคิดว่าพวกเราเป็นศาลเตี้ยกันรึไง..ถ้าทุกคนบนโลกใบนี้ไม่เป็นเหมือนนายโลกนี้ก็คงจะไม่วุ่นวายหรอก” เซียวหวันหันหน้ากลับมาและพูด
“ศาลเตี้ยหรอ..หึ! ..ในเมื่อกฎหมายมันไม่สามารถแม้แต่จะลงโทษคนเลวได้มันก็เป็นแค่คำพูดลอยๆ ..สำหรับพวกเราแล้วกฎหมายมีไว้เพื่ออะไร? ..เพราะงั้นเราก็แค่ใช้วิธีการบางอย่างเพื่อควบคุมความมั่นคงของสังคมก็เท่านั้น” เย่เชียนพูด
“นายมันก็ได้แต่พูด! ” เซียวหวันพูดอย่างเหยียดหยาม อย่างไรก็ตามน้ำเสียงของเธอนั้นดูมีความรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อยและเธอก็รู้ดีว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดออกมานั้นเป็นความจริงในระดับหนึ่งแต่สังคมก็จะวุ่นวายมากกว่านี้ถ้าหากไม่มีกฎหมายเลย
เย่เชียนแสยะยิ้มและไม่สนใจเซียวหวันอีกต่อไปและหันไปหาจื้อจุนแล้วพูดว่า “ถึงเราจะไม่มีทางฟ้องร้องเอาความเขาจากเงินทุนของเขาได้ก็ตามแต่พวกคุณก็สามารถรวบรวมหลักฐานใหม่ๆ ได้จากการเคลื่อนไหวของเงินทุนของเขาและถ้าผมเดาไม่ผิดเหล่ยเจียงจะต้องเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกอย่างแน่นอนเพื่อต่อสู้กับฮัวซงเจี๋ยในครั้งนี้..จากนั้นพวกคุณจะได้หลักฐานชิ้นใหญ่เองโดยปริยาย.
“นายมันก็แค่คาดเดา..นายไม่รู้หรอกว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นถ้าหากนายเดาผิด” เซียวหวันพูด



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน