ตอนที่ 540 ความสงสัย
หลังจากมาถึงห้องของอันซือก็พบว่าเย่เหวินนั้นกำลังเช็ดหน้าแม่ของเธออยู่และวางของที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ลงบนโต๊ะข้างเตียงและพูดว่า “แม่” บางทีอาจเป็นเพราะช่วงเวลาสั้นๆ จึงทำให้การเรียกของเย่เชียนนั้นทื่อไปหน่อยและไม่ดูเป็นธรรมชาติ
บางทีอาจเป็นเพราะอาหารของอันซือดีขึ้นดังนั้นเย่เหวินจึงอารมณ์ดีและเมื่อเธอเห็นเย่เชียนเธอก็ยิ้มแล้วทักทายว่า “พี่ชาย” ซึงเธอดูเป็นธรรมชาติมากกว่าที่เย่เชียนแม่อย่างมาก แต่เห็นได้ชัดว่าเย่เชียนนั้นไม่ค่อยคุ้นชินกับชื่อนี้เช่นกันและเขาก็หัวเราะเจื่อนๆ
“พี่ชายนั่งลงก่อนฉันจะรินน้ำให้! ” เย่เหวินเช็ดหน้าให้อันซือและพูดกับเย่เชียนจากนั้นเธอก็ยกกะละมังขึ้นแล้วเดินออกไป
“อืม! ” เย่เชียนพูด “แม่กินโจ๊กสิ! ” เย่เชียนก็แกะถุงและนำโจ๊กออกมาเทใส่จานแล้วป้อนอันซืออย่างระมัดระวัง
ช่วงเวลานี้อาจเป็นช่วงเวลาที่อันซือมีความสุขที่สุดในรอบหลายปีและเธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นลูกชายของเธอในช่วงชีวิตของเธออีก ในตอนนี้อันซือดูเหมือนจะมีภาพลวงตาว่าความเกลียดชังทั้งหมดนั้นไม่มีอะไรเลยนอกเสียจากช่วงเวลาที่ผ่าน ซึ่งมันคงเป็นเรื่องดีที่สามารถมีความสุขกับชีวิตและครอบครัวเช่นนี้
แต่เมื่อใดก็ตามที่อันซือตระหนักถึงการตายของเย่เจิ้งหรานที่ทำเพื่อตระกูลเย่แล้วเธอก็สัมผัสถึงความทุกข์ทรมานที่เธอต้องทนทุกข์มานานหลายปีและเธอก็ต้องการทำให้ตระกูลเย่และคนเหล่านั้นเสียใจกับสิ่งที่พวกเขาลงไปทำตั้งแต่แรก
เมื่อเย่เหวินรินน้ำเสร็จและเดินกลับไปที่ห้องเธอก็เห็นเย่เชียนกำลังโจ๊กให้อันซือจนรอยยิ้มของเธอปรากฏขึ้นที่มุมปากอย่างมีความสุขมาก “พี่ให้ฉันทำก็ได้! ” เย่เหวินพูดเมื่อเธอเดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียน
“ไม่เป็นไร..ฉันซื้อมาสองถุงเพราะงั้นเธอเองก็กินด้วยสิ..เธอคอยดูแลแม่ในโรงพยาบาลแบบนี้ก็เหนื่อยมากพอแล้ว” เย่เชียนพูด
“พี่ชายมีธุระอะไรหรอ” เย่เหวินพูด
“เธออย่าลืมฝึกฝนทักษะการต่อสู้เอาไว้ด้วยนะ..มันเหมือนกับการแล่นสวนทางกับกระแสน้ำถ้าเธอไม่ก้าวหน้าเธอก็มีแต่จะถดถอย” เย่เชียนพูด “ฉันไม่สามารถอยู่กับแม่ได้ทุกวันแต่แม่ต้องการเธอปกป้องเพราะงั้นเธอก็ไม่สามารถเพิกเฉยเรื่องนี้ได้”
“อืม..ฉันรู้พี่ชาย! ” เย่เหวินพยักหน้าและพูด
“อย่าเพิ่งพูดเกี่ยวกับน้องสาวเลย..แล้วลูกล่ะเป็นยังไงบ้าง..ลูกเจอปัญหาอะไรหรือเปล่า” อันซือถาม
เย่เชียนก็ชะงักเล็กน้อยและเตรียมจะบอกอันซีเกี่ยวกับความผิดปกติของร่างกายแต่หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเขาก็ยังไม่ได้พูดอะไร จากนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ไม่ต้องกังวลไปเพราะตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี..ส่วนผมที่เสียเวลาไปหลายปีผมก็ต้องฝึกให้หนักขึ้นกว่าเดิม”
อันซือก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ตั้งใจล่ะแต่ก็อย่าฝืนเกินไป..แต่แม่เชื่อว่าลูกที่เป็นลูกของเย่เจิ้งหรานเพราะงั้นลูกจะต้องทำได้ดีกว่าคนอื่นๆ อย่างแน่นอน”
“แม่ผมอยากถามอะไรแม่บางอย่าง” เย่เชียนหยุดและพูด
“มีอะไรถามมาเลย” อันซือพูด
“แม่อยู่ในตระกูลเย่มานานแล้วเพราะงั้นมันมีการฝึกแบบอื่นๆ นอกเหนือจากที่ผมฝึกอยู่หรือเปล่า? ..ตระกูลเย่เป็นตระกูลที่มีอายุมากกว่าพันปีแล้วดังนั้นถ้าผมต้องการเผชิญหน้ากับพวกเขาล่ะก็ผมคนเดียวมันคงไม่เพียงพอผมจึงต้องการฝึกคนอื่นมาช่วยต่อสู้ด้วย” เย่เชียนพูด
“ลูกจะบอกว่าลูกจะหาสหายร่วมรบอย่างงั้นหรอ..อืม..มันก็ไม่กฎในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณหรอกแต่คนที่ไม่ได้อยู่ในโลกของศิลปะการต่อสู้โบราณนะไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว..ลูกต้องการฝึกฝนคนธรรมดาหรือ..ถ้าเป็นแบบนั้นศาสตร์ของศิลปะการต่อสู้โบราณก็จะรั่วไหลออกไป” อันซือพูด
“กฎถูกกำหนดโดยใครก็ได้และมันก็เป็นเพียงข้ออ้างที่คนที่แข็งแกร่งใช้เพื่อข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า..เพราะงั้นถ้าหากวันหนึ่งผมได้ก้าวไปถึงจุดสูงสุดที่ไม่มีใครเทียบได้แล้วเมื่อนั้นใครจะกล้าบอกว่าผมละเมิดกฎล่ะ” เย่เชียนพูด
หลังจากเงียบไปชั่วครู่อันซือก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “สิ่งที่ลูกพูดมานั้นก็สมเหตุสมผลอยู่เพราะมันไม่มีทางที่จะรับมือกับตระกูลเย่ด้วยตัวคนเดียวได้เลย..ถ้างั้นเดี๋ยวแม่จะเขียนวิธีการถ่ายทอดการฝึกฝนให้วันนี้เลยก็แล้วกัน.. จากนั้นพรุ่งนี้ลูกก็ค่อยมารับมันตกลงมั้ย?”
“ขอบคุณครับแม่! ” เย่เชียนพูด
“เด็กโง่..ทำไมต้องพูดขอบคุณแม่ด้วยล่ะ” อันซือพูดด้วยรอยยิ้ม หลังจากหยุดชั่วขณะเธอก็พูดต่อ “ว่าแต่แม่ยังไม่รู้เลยว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาลูกใช้ชีวิตอยู่ยังไงช่วยเล่าให้แม่ฟังหน่อยได้ไหม”
เย่เชียนถึงกับผงะไปชั่วขณะจากนั้นก็พยักหน้าและค่อยๆ พูดออกมาทีละเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ได้เว้นเรื่องของเขี้ยวหมาป่าเอาไว้และไม่ใช่ว่าเย่เชียนไม่ได้เชื่อในตัวอันซือแต่เขาไม่ต้องการให้แม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับเขา อย่างไรก็ตามทหารรับจ้างก็เป็นงานที่สิ้นหวังในสายตาของทุกคนเพราะมันอันตรายและเสี่ยงชีวิตและถึงแม้ว่ามันจะมีพลังมากพอที่จะจัดการกับตระกูลเย่ก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็จะทำให้อันซือกังวลมากขึ้นเท่านั้น
ที่สำคัญกว่านั้นแม้ว่าเย่เชียนจะยอมรับว่าอันซือเป็นแม่ของเขาก็ตามแต่ในใจของเขานั้นก็ยังไม่ยอมรับอย่างสมบูรณ์แบบเพราะท้ายที่สุดแล้วในความทรงจำของเย่เชียนนั้นความประทับใจเกี่ยวกับพ่อและแม่ของเขายังเลือนรางอยู่มากและก็ยังมีหลายคนที่รู้ว่าเขามีปานรูปดาบและถึงแม้ว่าจะมีคนไม่มากที่รู้ว่าเขาแพ้กุ้งก็ตามแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเย่เชียนจึงยังคงมีร่องรอยของความขุ่นเคืองอยู่ในใจและเขายังไม่ยอมรับเรื่องนี้อย่างเต็มที่


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน