ตอนที่ 556 ของขวัญจากหมาป่าผี ตอนที่ 1
อย่างที่แจ็คพูดถ้าเย่เชียนต้องการทราบว่าอันซือเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเขาจริงๆ หรือไม่นั้นเขาก็จะสามารถค้นหาทุกสิ่งได้ตราบใดที่เขาพบใครบางคนจากตระกูลเย่ เพราะตระกูลเย่เป็นเป้าหมายที่อันซือต้องการจัดการซึ่งหมายความว่าตระกูลเย่และอันซือไม่ใช่พวกเดียวกันอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าหากเขาพบตระกูลเย่แล้สทุกอย่างก็จะชัดเจนโดยปริยาย
ซึ่งเย่เชียนก็รู้สึกว่าสิ่งที่แจ็คพูดนั้นดูสมเหตุสมผลมากเขาจึงแทบรอไม่ไหวที่จะถามอันซือด้วยตัวเอง
เมื่อได้ยินคำถามของเย่เชียนแล้วดวงตาของอันซือก็กะพริบด้วยความลำบากใจ สำหรับเย่เชียนที่มีไหวพริบเขาจึงเห็นการแสดงออกเช่นนี้ได้อย่างชัดเจนและความสุขอันริบหรี่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในใจของเขาก็หายไปทันที เพราะการแสดงของอันซือนั้นทำให้เย่เชียนสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ และถ้าหากอันซือปลอมตัวมาจริงๆ ล่ะก็เย่เชียนคงจะรู้สึกแย่และเสียใจอย่างมาก และยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้กลับรู้เรื่องของตัวเองอย่างชัดเจนแต่เขากลับไม่รู้เกี่ยวกับอีกฝ่ายหรือแม้แต่รู้ว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมากสำหรับเย่เชียน
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “เสี่ยวเชียนไม่ใช่ว่าแม่ไม่อยากบอกลูกแต่แม่กลัวว่าลูกจะใจร้อนไปหาตระกูลเย่เพื่อแก้แค้น..ซึ่งตอนนี้อิทธิพลของตระกูลเย่ในประเทศจีนไม่ใช่ธรรมดาๆ เลย..ดังนั้นถ้าหากลูกต้องการเผชิญหน้ากับพวกเขาลูกต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งก่อน..เพราะลูกไม่สามารถต่อสู้กับตระกูลเย่ได้ในระยะเวลาอันสั้นและมันก็เป็นไปไม่ได้เลยอย่างไรก็ตามนี่เป็นการต่อสู้ภายในครอบครัวเพราะงั้นเมื่อความสามารถของลูกไปถึงระดับหนึ่งแม่จะพาลูกไปเผชิญหน้ากับตระกูลเย่เพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของตระกูลและหลังจากนั้นเราจะสามารถทวงคืนสิ่งที่เราสูญเสียทั้งหมดไปกลับคืนมา”
ดูเหมือนอันซือจะไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องตระกูลเลย ซึ่งเย่เชียนก็ไม่อยากที่จะกดดันมากเกินไปไม่เช่นนั้นมันจะเป็นการกระตุ้นความสงสัยของอันซือและทำให้เธอรู้ว่าเขาสงสัยเธอในตอนนี้ ดังนั้นเย่เชียนจึงพยักหน้าและตอบกลับ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่เข้าใจว่าจนกว่าเขาจะได้พบกับสมาชิกตระกูลเย่สิ่งต่างๆ จะยังคงไม่ชัดเจนจนถึงตอนนั้นเลยเหรอ? ซึ่งเย่เชียนก็สงสัยว่าอันซือคิดว่าการได้อยู่ด้วยกันครั้งนี้จะทำให้เขาเชื่อใจเธอและรับฟังเธออย่างเต็มที่เช่นนั้นหรือไม่? หรือมีจุดประสงค์อื่นอีก?
จิตใจของเย่เชียนก็ยุ่งเหยิงอยู่ตลอดเวลากับความคิดที่ยุ่งเหยิงทุกประเภทและหงุดหงิดอย่างมากและหลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเย่เชียนก็พูดว่า “แม่ผมขอตัวก่อนนะแล้วค่อยเจอกันวันอื่น..ช่วงนี้ผมยุ่งนิดหน่อยและอาจจะไม่ได้มาหา แม่ทุกวัน”
“อืม..งานน่ะสำคัญไม่ต้องมาทุกวันหรอก” อันซือพูด “แล้วตอนนี้ลูกเป็นยังไงบ้างในการฝึกฝน..ลูกเจอปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีไม่มีปัญหาอะไรในตอนนี้” เย่เชียนพูด
อันซือก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า “ก็ดี..แต่จำไว้ว่าการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณน่ะไม่ง่ายและไม่สามารถบรรลุได้ในระยะเวลาสั้นๆ ”
หลังจากที่ได้เห็นอันซือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะอันซือกลัวปัญหาบางอย่างในการฝึกฝนของเขาและกังวลเกี่ยวกับเขาเย่เชียนจึงพยักหน้าเบาๆ และตอบกลับจากนั้นก็บอกลาสองสามคำกับเย่เหวินและเดินออกจากห้องไป
เย่เหวินหญิงสาวที่ชอบเก็บตัวดูเหมือนจะค่อยๆ ทำความคุ้นเคยกับเย่เชียนและเมื่อเธอคุยกับเย่เชียนเธอก็เรียกเย่เชียนว่า ‘พี่ชาย’ อย่างเป็นธรรมชาติและอ่อนหวานและเธอมักจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเธอ ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะสงสัยว่าเย่เหวินไม่ใช่น้องสาวของตัวเองแต่เย่เชียนก็ยังคงมีความรู้สึกอบอุ่นในใจเมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้จนรู้สึกเหมือนเขาอยู่บ้านและรู้สึกเหมือนพี่ชายและน้องสาวอย่างไงอย่างงั้น
หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วเย่เชียนก็ไม่ได้เดินไปไหนมาไหนรอบๆ อีกต่อไปแต่เขาขับรถกลับบ้านโดยตรงทันที
ไม่ว่าอันซือจะเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเขาหรือไม่ก็ตามแต่วิธีการฝึกฝนของศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นได้รับการตรวจสอบโดยหูวเค่อแล้วและมันก็ไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นเย่เชียนจึงสามารถฝึกฝนได้อย่างปลอดภัยและสามารถทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเพราะงั้นเย่เชียนจะไม่ยอมลดละในสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้และเย่เชียนก็ยิ่งตระหนักว่าทักษะในปัจจุบันของเขายังห่างไกลเช่นเดียวกับครั้งที่แล้วที่เขาอยู่ในประเทศรัซเซียที่บ้านของเฉินยี่เขาก็เกือบจะตายไปแล้ว และนอกจากนี้ยังมีมังกรซ่อนเขี้ยวของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติที่นำโดยหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและยังมีองค์กรลึกลับที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดถึง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรเป็นองค์กรของเหล่าปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้โบราณและถ้าหากเย่เชียนต้องการที่จะต่อสู้กับพวกเขาเย่เชียนก็เปรียบเสมือนนักสู้ธรรมดาที่ไม่มีโอกาสชนะได้เลย
หลังจากกลับถึงบ้านเย่เชียนก็ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกและนั่งไขว่ห้างบนพรมและเริ่มปล่อยพลังปราณที่ชั่วร้ายในร่างของเขาตามวิธีการที่บันทึกเอาไว้ในคัมภีร์ศิลปะการต่อสู้โบราณ
ความแตกต่างระหว่างศิลปะการต่อสู้โบราณและเทคนิคการต่อสู้ธรรมดาคือการเพิ่มพลังลมปราณเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง พูดง่ายๆ ก็คือศิลปะการต่อสู้ธรรมดาคือการเคลื่อนไหวในขณะที่ศิลปะการต่อสู้โบราณจะเพิ่มความแข็งแกร่งภายในทั้งพละกำลังทั้งพลังกายและอีกอย่างหนึ่งถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่พลังนั้นก็มีอานุภาพมากกว่าทักษะการต่อสู้ทั่วไป
ทักษะการต่อสู้ของเย่เชียนในปัจจุบันสามารถกล่าวได้ว่าค่อนข้างดีเยี่ยมเพราะกระบวนท่าสังหารที่รวดเร็วที่สุดของเขาที่มาจากการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วนและในแง่มุมของการเผชิญหน้ากับความตายนั้นมันจะมีพลังโจมตีที่รุนแรงอย่างมาก วันนี้สิ่งที่เย่เชียนขาดมากที่สุดคือพลังลมปราณและตราบใดที่เขาสามารถเพิ่มพลังลมปราณได้โดยเร็วที่สุดทักษะของเขาก็จะยิ่งสูงขึ้นและเมื่อความแข็งแกร่งและพลังลมปราณอยู่ในสภาวะเสริมซึ่งกันและกันมันจะสามารถแสดงประสิทธิภาพออกมาได้มากที่สุด
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาเย่เชียนก็ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และยังคงมีบางสิ่งบางอย่างที่ไหลออกมาจากร่างกายของเขาแต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้มันน้อยกว่ามากและมันก็ไม่ดำเหมือนเมื่อก่อนและที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาดูเบาลงมากราวกับว่าเขาไม่ได้อาบน้ำเป็นเวลานานและเมื่อเขาได้อาบน้ำเขาก็รู้สึกว่าทั้งตัวของเขาเบาลงไปหลายกิโลกรัมและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็รู้สึกว่าดวงตาของเขาดูเหมือนจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งในตอนแรกเย่เชียนรู้สึกว่ามันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาชั่วคราวแต่หลังจากมองใกล้ๆ แล้วเขาก็พบว่าเขามองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนมากขึ้นจริงๆ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน