เย่เชียนไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะบังเอิญมาพบกับหลินโรโร่วในสถานที่แห่งนี้ได้ ที่สำคัญคือเธอเดินควงแขนอยู่กับชายวัยกลางคนคนหนึ่ง พวกเขาดูสนิทสนมและหัวเราะพูดคุยกันอย่างมีความสุข
คิ้วของเย่เชียนขมวดอย่างรุนแรง หลินโรโร่วเป็นเพียงพยาบาล เธอจะมีเงินมาช้อปปิ้งที่นี่ได้อย่างไร ? เพราะแม้แต่พนักงานทั่ว ๆ ไปก็ยังต้องเสียเงินเดือนถึงสามเดือนถึงจะมาจับจ่ายใช้สอยที่นี่กันได้
ใบหน้าของเย่เชียนดูไม่สบอารมณ์อย่างมาก เขาเป็นคนที่ขีดเส้นแบ่งระหว่างความรักและความเกลียดชังอย่างชัดเจนที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนดีเลิศเลอเพอร์เฟกต์อะไร แต่ในกรณีของหลินโรโร่วครั้งนี้ ถ้าหากเธอไม่ได้ชอบเขาแล้ว เธอก็ควรจะบอกกับเขาตรง ๆ แต่กลับเลือกที่จะซ่อนมันจากเขาและทำแบบนี้ในที่สาธารณะ
“เกิดอะไรขึ้น ? นายรู้จักผู้หญิงคนนั้นเหรอ ?” ฉินหยูถามอย่างงุนงง เย่เชียนไม่รู้ว่าฉินหยูซื้อเสื้อผ้าของเธอเสร็จแล้ว ตอนนี้เธอยืนอยู่ข้าง ๆ เขาและกำลังมองไปที่หลินโรโร่วเช่นกัน
เย่เชียนตื่นขึ้นจากภวังค์ของเขาเพราะการปรากฏตัวของฉินหยูอย่างกะทันหัน เขาพยักหน้าเบา ๆ และไม่ได้พูดอะไรต่อ ฉินหยูจึงมองไปที่เย่เชียน จากนั้นก็มองไปที่หลินโรโร่วอีกทีหนึ่ง ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่เนื่องจากเย่เชียนไม่ได้พูดอธิบายอะไรใด ๆ เธอจึงไม่ได้ถามเขา
……
เป็นเวลาใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว เย่เชียนเดินไปที่ลานจอดรถกับฉินหยูพร้อมกับถือถุงช้อปปิ้งต่าง ๆ เต็มไม้เต็มมือไปหมด เมื่อพวกเขาเข้าไปในรถเป็นที่เรียบร้อย ฉินหยูก็ขับตรงไปยังโรงแรมทันที
ระหว่างทาง เย่เชียนไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ซึ่งเมื่อฉินหยูเห็นว่าเขาอารมณ์ไม่ดีและยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ เธอก็รู้สึกค่อนข้างอึดอัดและหดหู่ใจ
หลังจากที่เย่เชียนอาบน้ำเสร็จ เขาก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น เขาคิดว่าเขาไม่รู้แน่ชัดถึงสถานการณ์ทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงไม่ควรสงสัยในตัวหลินโรโร่ว เพราะท้ายที่สุดแล้วหลินโรโร่วที่เขารู้จักคงไม่ใช่ผู้หญิงที่ไร้สาระเช่นนั้นแน่ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่คอยกังวลเป็นห่วงเป็นใยพนักงานรักษาความปลอดภัยธรรมดา ๆ อย่างตัวเขาหรอก…
ทางด้านของฉินหยู เธอเปลี่ยนเป็นชุดราตรีสีดำของเธอเสร็จเรียบร้อย ตามปกติเธอก็ดูสวยไม่มีที่ติอยู่แล้ว แต่วันนี้เธอดูเปล่งประกายเฉิดฉายและสูงส่งเป็นพิเศษ มันทำให้เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหลงใหลในตัวเธอเล็กน้อย
“หยูหยู่… คืนนี้คุณดูสวยมาก” เย่เชียนพูดชมฉินหยูอย่างจริงใจ
ผู้หญิงมักจะมีความสุขเสมอเมื่อได้รับคำชื่นชมและเยินยอ ถึงแม้ว่าฉินหยูจะมั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองมากก็ตาม แต่การได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากเย่เชียน มันก็ทำให้เธอรู้สึกมีความหวานในหัวใจอย่างช่วยไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น มันอาจจะเป็นนิสัยของเธอไปแล้วในการพูดจาอย่างฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด
เธอตะคอกกลับไปว่า “อ้าว! แล้วเมื่อก่อนฉันไม่สวยหรือไง ?!”
เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ และตอบว่า “คุณน่ะสวยเสมอแหละ… แต่คืนนี้คุณสวยและงดงามมากกว่าวันไหน ๆ ”
ฉินหยูฉีกยิ้มอย่างมีความสุขและพูดแค่ว่า “มันจะสายแล้ว เรารีบไปกันเถอะ”
แต่เมื่อเธอเห็นเย่เชียนสวมชุดของจิอานฟรังโก้ เฟอร์เร่ ดวงตาของเธอก็เป็นประกายราวกับน้ำพุปะทุจากภูเขาที่ทั้งลึกและกว้างใหญ่ หรือราวกับท้องฟ้าที่ระยิบระยับไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่ไพศาล อารมณ์ที่พลุ่งพล่านหลั่งไหลออกมาจากตัวเธอทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
สิ่งนี้เห็นได้ชัดเหมือนคำกล่าวที่ว่า ‘เทวรูปต้องการแผ่นทองคำบนร่างกายฉันใด ผู้ชายก็ต้องการเครื่องแต่งกายที่ดีฉันนั้น’ คำกล่าวเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เหลวไหลเลย วันนี้เย่เชียนเองก็หล่อมากจริง ๆ
เมื่อพวกเขามาถึงที่จอดรถของโรงแรม อยู่ ๆ ฉินหยูก็โยนกุญแจรถไปให้เย่เชียน
“อะ นี่กุญแจรถ นายขับนะ”
แน่นอนว่าเย่เชียนน้อมรับอย่างยินดี เขาไม่ได้ขับรถซูเปอร์คาร์แบบนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว และเขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้สูญเปล่าเป็นแน่ เขาสามารถขับรถเร็วได้ถึง 170 ไมล์ต่อชั่วโมง จากนั้นแลมโบกินี่คันนี้ก็จะเป็นเหมือนดั่งค้างคาวรัตติกาลที่วิ่งเร็วชั่วข้ามคืน


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน