ตอนที่ 853 พายุหลายระลอก
นิสัยของไป๋ฮวยนั้นค่อนข้างสันโดษและไม่ว่าเขาจะเก่งกาจแค่ไหนในเขี้ยวหมาป่าแต่เขาก็ยังมีเพื่อนแค่ไม่กี่คน ถึงแม้ว่าพี่น้องเขี้ยวหมาป่าจะคอยเป็นลาป้องกันให้ไป๋ฮวยเมื่อพวกเขาออกปฏิบัติภารกิจและถึงกับยอมสละชีวิตเพื่อช่วยเขาก็ตามแต่นี่ก็เป็นเพียงกฎเหล็กในสนามรบเท่านั้นมันไม่ใช่เพื่อมิตรภาพที่แท้จริงแต่เป็นความภักดีนั่นเอง เพื่อนเพียงคนเดียวของไป๋ฮวยในองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าก็คือเย่เชียน อย่างน้อยๆไป๋ฮวยก็คิดอย่างนั้นดังนั้งถึงแม้จะไม่มีคำสั่งของมารุยามะมิซูกิให้คอยปกป้องเย่เชียนก็ตามถึ งยังไงไป๋ฮวยก็จะดูแลเย่เชียนเป็นอย่างดี
ไป๋ฮวยเข้าร่วมองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าตอนอายุ 12 และปฏิบัติภารกิจอย่างเป็นทางการเมื่ออายุ 13 ซึ่งมีการสู้รบมาไม่น้อยกว่าสิบครั้งและประสบการณ์ของเขาก็มากกว่าของเย่เชียนมากและไม่มีใครปฏิเสธผลงานที่โดดเด่นของเขาในองค์กรเลย ถึงแม้ว่าแจ็ค,ม่อหลง,หลี่เหว่ยและคนอื่นๆจะมีความสามารถมากก็ตามแต่ไม่มีใครที่เฉลียวฉลาดเท่าไป๋ฮวยเลย
ในทะเลทรายเวลากลางคืนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากเพราะกลางคืนเสมือนอยู่ในห้องใต้ดินน้ำแข็งแต่กลางวันนั้นเหมือนอยู่บนเตาเดือดๆ ซึ่งการโจมตีของสภาพอาการที่หนาวเหน็บสลับกับความร้อนระอุแบบนี้เป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของร่างกายมนุษย์ คืนแรกในทะเลทรายในที่สุดเย่เชียนก็ผ่านพ้นมันไปได้และถึงแม้ว่ามันจะยากลำบากแต่ในที่สุดก็จบลงอย่างปลอดภัย
เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนก็เก็บของและออกเดินทางอีกครั้งซึ่งพระอาทิตย์นั้นเปรียบเสมือนเตาเวลาแหงนหน้าขึ้นมองมันราวกับลูกไฟที่แผดเผาทำลายทุกสิ่ง ขณะนี้ไจแอนท์ก็ดูเข็มทิศและกวาดสายตามองออกไปรอบๆทะเลทรายเพราะสถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนไปและเขาก็ต้องสังเกตสิ่งต่างๆให้ชัดเจนเพราะที่นี่จะเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาต้องสามารถตรวจจับสิ่งผิดปกติให้ได้ล่วงหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ทุกคนตามฉันมา..แถวนี้มันมีทรายดูดอยู่ทุกที่เราต้องระวังให้ดี..ถ้าพลาดเราจะเจอทรายดูดจมลงไป” ไจแอนท์สั่งอย่างเคร่งขรึม
ความน่าสะพรึงกลัวของทะเลทรายนั้นคือการที่เราไม่รู้ว่าจะมีอันตรายเมื่อใดและไม่รู้ว่าจะเข้าไปหาอันตรายเมื่อใด ความน่ากลัวของทรายดูดนั้นเต็มไปด้วยความสยดสยองของทุกคนที่เดินอยู่ในทะเลทราย
“เฮ้พวก..ดูนั่นสิ!” เจสันชี้ออกไปทิศทางหนึ่งและทุกคนมองตามไปและเห็นชายคนหนึ่งนอนอยู่ตรงนั้น
“นั่นมันอะไรกันวะ!” ไจแอนท์พูดจบก็เดินไปตรงนั้นและทุกคนเดินตามไปทันทีและหลังจากนั้นเขาก็มาถึงด้านข้างของชายคนนั้น เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นตายแล้วและร่างกายของเขาถูกอีแร้งทะเลทรายแทะกินไปจดเกือบหมดซึ่งน่าขยะแขยงมาก “ดูเหมือนจะเป็นคนของแดนนี่บอลล์” ไจแอนท์พูด
“สมน้ำหน้า!..ใครบอกให้พวกแกย่างก้าวเข้ามาในนี้จนทำให้พวกฉันต้องลำบากไปด้วย” อู๋เต๋อสบถอย่างโกรธจัดและถ่มน้ำลายใส่ศพอย่างดุเดือด
“อย่าลืมสิวะ!” ไจแอนท์ตะโกนเสียงดัง “เคารพคนตายด้วยเพราะไม่ว่าเราและพวกมันจะเป็นศัตรูหรือเป็นมิตรกันก็ตามแต่ในเมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้วความโกรธแค้นทั้งหมดก็ควรจะหายไปด้วย..การเคารพผู้ตายก็เหมือนเคารพตัวเองเหมือนกัน!”
เย่เชียนหันหน้าหนีและไม่กล้าที่จะมองดูมันอีกเพราะกลัวว่าเขาจะอาเจียนด้วยความรังเกียจหากเขาดูต่อไป เมื่อเห็นเช่นนั้นไป๋ฮวยก็หันไปเหลือบมองเย่เชียนและตบไหล่ของเย่เชียนแล้วพูดว่า “นายไปสังเกตการณ์ตรงนั้นก่อนเดี๋ยวเราจะฝังเขาก่อนที่เราจะออกเดินทางต่อ”
ไจแอนท์ก็หันไปมองเย่เชียนและพูดว่า “ระวังด้วยอย่าไปไกลเกินไปล่ะ”
เย่เชียนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินออกไปด้านข้าง เมื่อเห็นศพนี้เย่เชียนก็รู้สึกว่าชีวิตมนุษย์นั้นเปราะบางมากและเมื่อต้องเผชิญกับธรรมชาติที่โหดร้ายแล้วมันก็ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะต่อต้านหรือตอบโต้ได้เลย ผู้คนมักคิดว่าตัวเองเป็นผู้กุมชะตาชีวิตและโลกใบนี้เอาไว้แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าต่อหน้าธรรมชาติแล้วมนุษย์อย่างเราก็กลายเป็นคนอ่อนแอราวกับมด
ชีวิตนั้นเปราะบางและเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตายทุกคนก็เท่าเทียมกันทั้งนั้น
เย่เชียนยืนอยู่ที่นั่นและความคิดต่างๆนาๆก็แวบเข้ามาในหัวของเขาเป็นครั้งคราวจนทำให้เขาครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่งแต่เขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่าทรายนั้นค่อยๆเคลื่อนตัวอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาอย่างช้าๆราวกับว่ามีแรงบางอย่างกำลังดึงเขาลงไปราวกับจะฆ่าเย่เชียน หากมีเทพเจ้าแห่งความตายในโลกนี้จริงๆเย่เชียนก็เชื่ออย่างแน่นอนว่าทั้งหมดนี้ถูกจัดเตรียมโดยเทพเจ้าแห่งความตาย
ทันใดนั้นเย่เชียนก็รู้สึกว่าเท้าของเขาหายไปและเขาก็เหงื่อออกและตกตะลึงจากนั้นก็รีบตะโกนว่า “ไป๋ฮวย!” ร่างกายของเขาก็ทรุดตัวลงไปอย่างช้าๆด้วยแรงโน้มถ่วงบางอย่าง
ในเวลานี้ไป๋ฮวยก็หันกลับมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกและอดไม่ได้ที่จะตกใจ “อย่าขยับ..อย่าฝืนมัน!” ก่อนที่เขาจะพูดจบเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจากระยะไกลเขากระโดดและคว้าข้อมือของเย่เชียนเอาไว้ “อย่าขยับฉันจะดึงนายขึ้นมา!” ไป๋ฮวยพูด
อย่างไรก็ตามเมื่อไป๋ฮวยกำลังออกแรงเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาก็ค่อยๆถูกดูดลงไปเรื่อยๆและเขาก็รู้สึกประหลาดใจและแน่นอนว่ามันมีทรายดูดอยู่ใต้ตัวเขาเช่นกัน
ไจแอนท์และคนอื่นๆก็รับรู้ถึงสถานการณ์นี้ด้วยและรีบวิ่งไปหาเย่เชียนจากนั้นก็ค่อยๆดึงเย่เชียนขึ้นมา ในขณะนี้ปากและจมูกของเย่เชียนถูกฝังอยู่ในทรายดูดจนรู้สึกหายใจไม่ออกแต่ยังดีที่เย่เชียนสามารถรักษาความสติของเขาเอาไว้ได้เพราะเขาได้รับการฝึกฝนในสถานการณ์นี้ระหว่างการฝึก อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าออกซิเจนในสมองเริ่มน้อยลงทุกทีและดวงตาก็พร่ามัวจนมองไม่ชัดเจนและสมองก็เริ่มไม่สั่งการ
“ฉันตายแบบนี้เหรอ..ฉันจะตายแบบนี้จริงๆเหรอ?” เย่เชียนไม่เชื่อและถ้าเป็นไปได้เย่เชียนยอมตายในสนามรบมากกว่าตายที่นี่อย่างไร้ประโยชน์ สำหรับทหารแล้วความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้คือการไม่ได้ตายในสนามรบแต่ตายอย่างไร้ประโยชน์และน่าละอายใจ
ไจแอนท์,อู๋เต๋อ,เจสันทั้งสามก็คว้าแขนของไป๋ฮวยและดึงขึ้นอย่างแรงและเนื่องจากไป๋ฮวยนั้นอยู่ที่ปากบ่อทรายดูดจึงยังสามารถหายใจได้ง่ายกว่าเย่เชียน แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนถึงยังไงก็ยังถูกฝังอยู่ในนั้นอยู่ดี อย่างไรก็ตามมือของไป๋ฮวยก็ไม่ยอมปล่อยเย่เชียนและเขายังคงจับข้อมือของเย่เชียนเอาไว้แน่น เมื่อเห็นไป๋ฮวยจมอยู่ในทรายดูดทีละน้อยเย่เชียนก็รู้สึกสะเทือนใจมากเพราะเห็นได้ชัดว่าไป๋ฮวยนั้นตั้งใจปกป้องตัวเองด้วยชีวิตของเขาจริงๆ
“นับหนึ่ง..สอง..สาม..ทุกคนดึง!” ไจแอนท์พูดอย่างกังวลใจ “อีกครั้ง..หนึ่ง..สอง..สาม!”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน