“ฮิ ๆ ๆ ดูเหมือนว่า… ภูเขาน้ำแข็งพันปีของพี่จะละลายลงแล้วสินะคะ” หูวเค่อหัวเราะคิกคักขณะพูดแซวฉินหยู
ฉินหยูไม่ได้พูดอะไรตอบ เธอเพียงแค่ยิ้มอย่างมีความสุข
“พี่… นี่พี่ชอบเขาเหรอ ? เขาคนนั้นมีดียังไงกัน ก็แค่คนบ้านนอกคนนึงเองนี่นา” ฉินเฟิงพูดขึ้น
เย่เชียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาไม่ทันได้สังเกตมาก่อนหน้านี้เลยว่ามีเด็กผู้ชายวัยมหาวิทยาลัยคนหนึ่งกลับมาพร้อมกับพวกเธอด้วยอีกคน และอีกอย่าง ในบ้านก็ยังมืดมากจากการปิดไฟเซอร์ไพรส์ของตัวเขาเอง
ฉินหยูมองฉินเฟิงแล้วพูดว่า “หุบปากของนายไปเหอะ… ถ้ายังจะพูดอะไรที่ไร้สาระอีก ก็ไปนอนในป่าซะไป๊”
ฉินเฟิงแลบลิ้นใส่เธอ ท่าทีเขาดูไม่เชื่อฟังที่เธอพูดเลย ส่วนจ้าวหยาเองก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อเห็นฉินเฟิง เจ้าปีศาจเกรี้ยวกราดทำตัวเอาแต่ใจ ในขณะที่เธอเองอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอเสียงดังเอื๊อก เมื่อมองไปเห็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารดูน่าอร่อยมากมาย
“โห! ดูบนโต๊ะนั่นสิ แค่เห็นฉันก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว… เจ๊หยู เจ๊รู้ไหมว่าอาหารที่ไอ้คนขี้โกงนี่ทำน่ะ รสชาติดีกว่าอาหารที่ปรุงโดยเชฟในโรงแรมเสียอีกนะ”
“เธอรู้ได้ไง ?” ฉินหยูถามด้วยความประหลาดใจ
“ก็เมื่อวานตอนเช้า เขาเตรียมบะหมี่เต้าเจี้ยวให้พวกเราเป็นอาหารเช้า อื้อหือ… ฉันว่ามันเป็นบะหมี่เต้าเจี้ยวที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมาเลยแหละ… ถ้าผู้ชายคนนี้ไปเป็นเชฟล่ะก็นะ ฉันแน่ใจว่าเขาจะต้องยอดเยี่ยมมากแน่ ๆ” จ้าวหยาตอบ
“จริงเหรอ ?! แล้วทำไมฉันถึงไม่เห็นบะหมี่เต้าเจี้ยวเลยสักชามนึงล่ะ ?” ฉินหยูรู้ทันว่าจ้าวหยาต้องแอบกินส่วนแบ่งของเธอไปหมดแล้วอย่างแน่นอน เธอจึงถามคำถามนี้เพราะอยากจะหยอกล้อ
จ้าวหยาฝืนหัวเราะแห้ง ๆ แล้วพูดว่า “แหะ ๆ ๆ ก็มันอร่อยจริง ๆ นี่นาเจ๊ ฉันเลยอดไม่ได้ที่จะกินส่วนแบ่งของเจ๊ไปด้วย เจ๊หยูอย่าถือสากันเลยนะ”
“เหอะ! ถึงจะทำอาหารอร่อยก็เถอะ แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคนบ้านนอกอยู่ดี… อีกอย่าง เราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาหารพวกนี้มันสะอาดหรือเปล่า” ฉินเฟิงพึมพำ
ฉินหยูจ้องมองฉินเฟิงอย่างเกรี้ยวกราด ทำให้ฉินเฟิงหุบปากของเขาในทันที
ในครอบครัวของเธอนั้น ปีศาจฉินเฟิงตนนี้ไม่เกรงกลัวอะไรเลยนอกจากฉินหยู แค่ฉินหยูส่งสายตาพิฆาตให้เขาเพียงครั้งเดียว มันก็ทำให้ฉินเฟิงกลายเป็นคนว่านอนสอนง่าย ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีและทำตัวน่ารักเหมือนกับตุ๊กตาคิตตี้ทันที
จากนั้นไม่นาน เย่เชียนก็เดินเข้ามาที่โต๊ะรับประทานอาหารด้วยท่าทางที่ดูกระตือรือร้น เขาดูระมัดระวังมากในขณะที่ถือวัตถุสีขาวเอาไว้ในมือทั้งสองข้าง มันดูไม่ค่อยชัดเจนนักว่านั่นคืออะไร เขานั่งลงตรงหน้าฉินหยูและมอบมันให้เธออย่างระมัดระวัง
“ผมขอมอบสิ่งนี้ให้กับคุณ… คุณชอบมั้ย ?”
ทุกคนจ้องมองไปที่สิ่งสิ่งนั้นและเห็นว่ามันคือกระต่ายสีขาวที่แกะสลักจากวัสดุที่มองไม่ออกว่ามันคืออะไรกันแน่ ฉินหยูยื่นมือของเธอออกไปรับมัน จากนั้นเย่เชียนก็พูดอย่างเร่งรีบว่า “ระวังด้วยนะ… นี่ทำจากเต้าหู้ เดี๋ยวมันจะเลอะเอา”
สิ้นเสียงของเย่เชียนที่เฉลยว่ากระต่ายสีขาวตัวนั้นมันทำมาจากเต้าหู้ ทุกคนก็ตกตะลึงกันสุด ๆ
นั่นเขาทำเองเลยเหรอเนี่ย ?
การแกะสลักเต้าหู้ให้เป็นกระต่ายน้อยที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ไม่ใช่ง่าย ๆ มันจำเป็นต้องมีทักษะการใช้มีดที่ยอดเยี่ยมที่สุด อีกทั้งยังต้องมีความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ และยังต้องใช้ความอดทนอย่างมากอีก
“ขอบคุณนะ… นี่เป็นของขวัญที่พิเศษที่สุดและล้ำค่าที่สุดในชีวิตของฉันที่ฉันเคยได้รับมาเลย” ฉินหยูพูดขณะที่จ้องมองดูกระต่ายน้อยในมืออย่างชอบใจ
เย่เชียนยิ้มจาง ๆ “คุณชอบผมก็ดีใจ แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีทางที่จะรักษาของขวัญชิ้นเอานี้ไว้ได้นาน…”
“ไม่เป็นไรหรอก… แม้เราจะกินมันแล้ว ฉันก็ยังจะเก็บมันเอาไว้ในใจตลอดไป” ฉินหยูพูดขณะที่เธอมองเย่เชียนด้วยแววตาที่อ่อนโยนลง
“ฉันก็อยากได้เหมือนกันนะ!” จ้าวหยาพูดแทรกขึ้นมาด้วยเสียงอันดังพลางบุ้ยปาก เธอคิดว่าถึงยังไงเธอก็เป็นว่าที่ภรรยาของเขา พ่อของเธอได้หมั้นหมายเธอกับเย่เชียนเอาไว้แล้วแท้ ๆ แต่ผู้ชายคนนี้ก็ยังจะให้ของขวัญกับผู้หญิงคนอื่นโดยที่ไม่ได้มอบให้ตัวเธอเองสักชิ้น
มันชักจะเป็นการดูหมิ่นการมีอยู่ถึงสถานะของตัวตนของเธอมากจนเกินไปแล้วนะ!
“เธอเหรอ ไม่ให้หรอก ฮ่า ๆ ๆ” เย่เชียนมองจ้าวหยา แกล้งพูดอย่างซุกซน

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน