ตอนที่ 983 เหนือภูเขายังมีท้องฟ้า
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความไม่ยุติธรรม ซึ่งในมุมมองของเยว่เหอตูนั้นหยุนโอ่วเป็นลูกหลานครอบครัวที่ร่ำรวยอย่างมากแต่ทว่าต่อหน้าหวังจุนแล้วหยุนโอ่วเทียนถึงกับต้องก้มหัวให้ นี่คือท้องฟ้าที่สูงกว่าภูเขาเพราะถึงแม้ว่าครอบครัวของหยุนโอ่วเทียนจะร่ำรวยมากแต่เมื่อเทียบกับหวังจุนแล้วเห็นได้ชัดว่าด้อยกว่ามาก ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงโตขึ้นมาเขาถูกหวังจุนรังแกมาโดยตลอดและบางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้เองที่เขาจึงไม่กล้าโอ้อวดเหมือนลูกหลานครอบครัวที่ร่ำรวยคนอื่นๆ
“ทำไม?..ฉันมาไม่ได้เหรอ?” หวังจุนพูดอย่างภาคภูมิใจ “โอ่วเทียนแกคิดว่าแกจะหนีจากฉันโดยการมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยซีจิงอย่างงั้นเหรอ?..ฉันจะบอกแกให้ชัดเจนว่าถึงแม้ว่าแกจะวิ่งหนีไปจนสุดขอบโลกก็เถอะถึงยังไงแกก็หนีไปจากกำมือของฉันไม่ได้หรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหยุนโอ่วเทียนก็ก้มหน้าลงและถึงแม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจอย่างยิ่งแต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกและยิ้มอย่างขมขื่น ซึ่งฉากนี้เย่เชียนมองเห็นได้อย่างชัดเจนซึ่งเย่เชียนก็อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นและเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“ฉันได้ยินมาว่าสาวๆมหาวิทยาลัยซีจิงสวยมาก..ถ้างั้นนายช่วยแนะนำฉันให้รู้จักหน่อยสิ” หวังจุนพูด
“นายน้อยจุนคือผมไม่รู้จักใครเลย..นอกจากนี้ผมก็ไม่สนใจมันหรอก” หยุนโอ่วเทียนพูดอย่างอ่อนแรง
“นั่นคือเหตุผลที่แกเอาแต่ติดเกมน่ะเหรอ?” หวังจุนหันไปมองหยุนโอ่วเทียนและเยาะเย้ยว่า “แกต้องค้นหาตัวตนของแกให้เจอ..ตระกูลหยุนน่ะเหรอแน่นอนว่าตระกูลของแกทรงอิทธิพลแต่ถ้าฉันต้องการทำลายมันจริงๆมันก็ทำได้ง่ายมาก..แกเชื่อมั้ยว่าเพียงแค่ฉันกดโทรศัพท์โทรออกนั่นก็ทำให้บริษัทหยุนเซิงของแกล้มละลายได้แล้ว?”
“นายน้อยจุนมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะข่มขู่ผมหรอก..ผมไม่รู้จักผู้หญิงคนไหนเลยจริงๆ” หยุนโอ่วเทียนพูด
“หืม..ฉันไม่ได้ตบนายมาตั้งสามวันแล้วนายคิดถึงมันหรือเปล่า” หวังจุนพูดอย่างเย็นชาและตบหน้าหยุนโอ่วเทียนอย่างดุเดือด สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือเขาโดนตบหน้าในที่สาธารณะดังนั้นหยุนโอ่วเทียนจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงความไม่พอใจและความเกลียดชังอย่างแรงกล้า ทว่าเขากลับทำอะไรไม่ได้เพราะเขารู้ดีว่าชะตากรรมของเขาอยู่ในมือของหวังจุนและตราบใดที่เขาต่อต้านพรุ่งนี้ ครอบครัวของเขาก็จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน
หยุนโอ่วเทียนก็เอามือจับแก้มโดยไม่พูดอะไรและก้มหน้าให้หวางจุนดุด่าเขาต่อไป การด่าครั้งนี้เหมือนใบมีดคมแทงเข้าที่หัวใจของเขาอย่างแรงและทำลายความภาคภูมิใจในตนเองของเขาทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งทุกๆครั้งที่หยุนโอ่วเทียนนึกถึงการกระทำที่อ่อนน้อมถ่อมตนของพ่อและแม่ของเขาต่อหน้าตระกูลหวังแล้วเขาก็เกลียดชังอย่างมาก ซึ่งไม่ว่าเขาจะรวยมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่มีแม้แต่ความภาคภูมิใจในตนเองเลยแม้แต่น้อยและเขาก็ยังคิดว่าเงินคือสิ่งที่สกปรกเพียงแค่ดีกว่าคนเร่ร่อนขอทานข้างถนนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในเวลานี้เย่เชียนก็เดินไปที่ด้านข้างของหยุนโอ่วเทียนและตบไหล่เขาเบาๆและเมื่อคนหลังเงยหน้าขึ้นเห็นเย่เชียนเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขมขื่นและละอายใจ เย่เชียนที่เห็นท่าทางที่หดหู่ใจของหยุนโอ่วเทียนเช่นนี้เขาจึงรู้สึกหนักใจและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองหวังจุนและบอดี้การ์ดของเขาแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “พอได้แล้วฉันไม่อยากมีเรื่อง..ออกไปจากที่นี่ซะ!”
ดวงตาที่เย็นยะเยือกนั้นทำให้หวังจุนตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งคนแบบไหนกันที่จะมีดวงตาแบบนั้นได้? ความหวาดกลัวที่รุนแรงได้ผุดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจจนเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อมองไปที่ชายตรงหน้าแล้วหวังจุนก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามในฐานะนายน้อยแห่งเมืองซีจิงที่ไม่มีใครกล้าท้าทายเขามาก่อนดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะกลัวแต่เขาก็ไม่สามารถเสียหน้าได้
หวังจุนพูดอย่างเย้ยหยันว่า “แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร..แกกล้าพูดแบบนี้กับฉันงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่สนหรอกว่านายจะเป็นใคร..จะเป็นนายน้อยจุนหรือใครก็เถอะแต่ถ้ามาทำให้ฉันโมโหล่ะก็เชื่อมั้ยว่าฉันสามารถทำลายได้ทั้งตระกูลของนาย!” เย่เชียนพูดอย่างเย็นชาด้วยวาจาที่ดูน่าหวาดกลัวในคำพูดจนทำให้หวังจุนสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“อยากตายนักเหรอ!” หวังจุนง้างมือเพื่อตบเย่เชียนเพราะไม่เคยมีใครในเมืองซีจิงกล้าที่จะคุกคามเขาเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นหวังจุนเลยโกรธเกรี้ยวอย่างมากและตบหน้าเย่เชียนอย่างไม่ลังเล แน่นอนว่าเย่เชียนไม่ต้องออกแรงมากในการจัดการกับเด็กหนุ่มคนนี้ เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ยื่นมือขวาออกไปและคว้าข้อมือของหวังจุนเอาไว้แล้วบีบมันอย่างแรงและทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของกระดูกหักด้วยการบีบจนหวังจุนอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา
เมื่อเย่เชียนปล่อยข้อมือของหวังจุนแล้วเขาก็สะดุดและเกือบจะล้มลงกับพื้น ด้วยความที่ไม่อยากเสียหน้าต่อที่สาธารณะแล้วหวังจุนจึงทำพยายามทรงตัวไม่ให้ล้มแล้วพูดว่า “แก!..แกกล้าทำร้ายฉันงั้นเหรอ?..ฉันจะทำให้แกไม่สามารถอยู่ในเมืองซีจิงไดอีกเชื่อมั้ย?”
“อย่ามาขู่ฉัน..ถ้านายยังไม่กลับไปล่ะก็ฉันจะหักแขนนาย!” เย่เชียนพูด
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหวังก็จุนไม่กล้าที่จะพูดต่อและเขาก็สูดลมหายใจเข้าด้วยความโกรธ จากนั้นก็กลับขึ้นรถแล้วออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองดูหวังจุนกลับไปหยุนโอ่งเทียนก็เงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปที่เย่เชียนและดูเหมือนว่าเขาลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่างและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยละอายใจ “ไม่ต้องพูดอะไรหรอก..ไม่ต้องกังวลไปฉันจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องของวันนี้” เย่เชียนพูดเบาๆ
“นายคิดว่าฉันขี้ขลาดหรือเปล่า” หยุนโอ่วเทียนถาม
“นิดหน่อย” เย่เชียนพูด “ผู้ชายสามารถล้มได้ตลอดแต่ไม่สามารถล้มต่อหน้าคนอื่นได้..ฉันไม่รู้หรอกว่าหวังจุนคนนั้นเป็นใคร”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน