ตอนที่ 993 บ้าบิ่น
……………………………………………………………………..
ปัจจุบันในประเทศจีนมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำให้เย่เชียนหวั่นเกรงได้ นอกจากหยานตงกับหม่าเต๋อหงแล้วก็ไม่มีใครอยู่ในสายตาเลยจริงๆ ดังนั้นนักธุรกิจและนักการเมืองตัวเล็กๆ สองคนอย่างเจิ้งอี้ซวนกับหวังฉิงเซิงจะไปทำอะไรได้?
เย่เชียนนั้นไม่ต้องการสร้างปัญหาใดๆ ในภาคตะวันตกของจีนและถึงแม้ว่าหูวหนานเจียนจะบอกว่าสถานการณ์มันละเอียดอ่อนมากก็ตามแต่เย่เชียนก็ไม่สามารถปล่อยไปได้ถ้าหากมีใครมาคุกคามคนรอบตัวเขา ตอนนี้เบื้องบนของรัฐบาลกลางก็มีความคิดเห็นบางอย่างเกี่ยวกับตัวเองและท้ายที่สุดแล้วเย่เชียนก็ต้องปล่อยผ่านบางสิ่งบางอย่างและไม่แข็งกร้าวจนเกินไป แน่นอนว่าเย่เชียนก็ไม่ได้อย่างทำแบบนี้เพราะสำหรับความขัดแย้งระหว่างหวังฉิงเซิงกับเฉินฉิงหนิวนั้นมันก็เป็นเพียงการแข่งขันระหว่างทั้งสอง ส่วนใครจะแพ้หรือใครจะชนะมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเย่เชียนเลย
ในเวลานี้หวังฉิงเซิงก็พูดอย่างเย้ยหยันว่า “เย่เชียนแกทำตัวหยิ่งผยองเกินไปแล้ว..แกเป็นแค่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยซีจิงและต่อให้ครอบครัวของแกจะมีอิทธิพลมากแค่ไหนก็เถอะแต่แกก็ไม่สามารถหนีไปจากเรื่องนี้ได้อยู่ดี..แกคิดว่าแกจะทำทุกอย่างได้จริงๆ อย่างงั้นเหรอ? ..ถ้าแกฆ่าฉันล่ะก็ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก..แกเคยได้ยินเรื่องของราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือหรือเปล่า? ..ฉันไม่คิดว่าเด็กอย่างแกจะรู้เรื่องนี้..ฉันจะบอกแกให้ว่าถ้าแกกล้าที่จะแตะต้องฉันล่ะก็ราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือจะไม่ปล่อยแกไปอย่างแน่นอน”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและคนที่หวังฉิงเซิงกล่าวถึงก็คือหวังหว่านยู่แห่งแดนตะวันตกเฉียงเหนือนั่นเอง เหตุผลที่หวังฉิงเซิงไม่เกรงกลัวเฉินฉิงหนิวก็เพราะมีกองกำลังที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุนอยู่เช่นนี้นี่เองไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่กล้าจัดการกับเฉินฉิงหนิวอย่างแน่นอน เมื่อนึกถึงหวังหว่านยู่แล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงแม่ม่ายดำจือเหวินและเขาก็ไม่รู้เลยว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ที่นั่นหรือมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรือเปล่า? “หวังหว่ายยู่น่ะเหรอ..หึ..ถึงแม้ว่าคุณจะถูกราชาแห่งแดนตะวันตกเฉียงเหนือสนับสนุนก็เถอะถึงยังไงผมก็ไม่สนใจหรอก..หวังหว่านยู่น่ะเหรอเขาจะต้องก้มหัวให้ผม!” เมื่อเสียงของเย่เชียนจบลงทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นและคว้าผมของหวังฉิงเซิงและทุบเข้ากับโต๊ะเสียงดัง “ปัง”
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและไม่มีใครคาดคิดว่าเย่เชียนจะกล้าทำแบบนี้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังกะทันหันจนไม่มีใครทันตั้งตัว เจิ้งอี้ซวนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็มองไปที่เย่เชียนด้วยความตกตะลึงและได้แต่มองเย่เชียนคว้าหัวของหวังฉิงเซิงกระแทกเข้ากับโต๊ะจนเขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดออกมาโดยการใช้ตำแหน่งของเขาข่มขู่เย่เชียน
“อย่าพูดเลยจะดีกว่าไม่อย่างนั้นคุณจะโดนแบบนี้ด้วย” เย่เชียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก แต่ไม่ว่าในกรณีใดเจิ้งอี้ซวนก็เป็นผู้ว่าการเทศบาลเมืองเพราะฉะนั้นถ้าหากเขาถูกฆ่าตายอย่างเปิดเผยมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปิดข่าวได้ แน่นอนว่ารัฐบาลกลางและเบื้องบนจะไม่ลงโทษเขาแต่มันก็จะทำให้ทุกอย่างยากลำบากโดยใช่เหตุและเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
จากนั้นเย่เชียนก็ปล่อยหัวของหวังฉิงเซิงและนั่งลงอีกครั้ง ซึ่งใบหน้าของหวังฉิงเซิงก็เต็มไปด้วยคราบเลือดและคราบน้ำมันในจานอาหาร “อย่าพูดเลยว่าคุณคือหวังฉิงเซิงราชาแห่งเมืองซีจิงหรือผู้ว่าการเทศบาลเมืองเพราะแม้แต่คนที่มีอิทธิพลในเมืองปักกิ่งก็ยังโดนผมทำแบบนี้เลย” เย่เชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “พวกคุณมั่นใจในตัวเองกันถึงขนาดนั้นเลย? ..หวังหว่านยู่น่ะเหรอ? ..คุณได้รับการสนับสนุนจากหวังหว่านยู่แห่งแดนตะวันตกเฉียงเหนือจริงหรือเปล่า? ..ถ้างั้นก็โทรหาเขาสิแล้วบอกเขาว่าผมเย่เชียนคนนี้ทำอะไรคุณ!”
คำพูดของเย่เชียนนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างมากเพราะบุคคลที่สามารถท้าทายคนใหญ่คนโตในเมืองปักกิ่งได้นั้นจะเป็นคนธรรมดาๆ ได้อย่างไร? คราวนี้พวกเขาก็ไม่กล้าคิดอย่างอื่นเพราะสิ่งที่พวกเขาทำคือความล้มเหลวอย่างมาก เมื่อได้ยินแบบนั้นหวังฉิงเฉิงก็ไม่กล้าที่จะหยิ่งผยองอีกต่อไปและเขาก็รีบก้มลงกับพื้นและอ้อนวอนว่า “ฉันมีตาหามีแววไม่..ฉันขอโทษด้วยที่ทำให้นายน้อยเย่ต้องขุ่นเคือง..หวังว่านายน้อยเย่จะให้อภัยพวกเรา!” ขณะที่เขาพูดเลือดก็ยังคงไหลลงมาจากหัวของเขาอย่างน่าอนาถ
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เชียนกับเรื่องที่ผ่านมาแล้วหวังฉิงเซิงก็เข้าใจทันทีว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขานั้นไม่ใช่นักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างที่เขาคิด ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามชายหนุ่มตรงหน้าของเขาแค่สวมบทเป็นนักศึกษาเพื่ออะไรบางอย่างเท่านั้น หวังฉิงเซิงไม่เคยเห็นคนแบบนี้มาก่อนและเขาก็โทษตัวเองเพราะความโง่ของตัวเองและตอนนี้เขาก็ไม่กล้าที่จะมีความคิดอื่นใดเพียงขอแค่หลุดพ้นออกจากสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้ให้ได้เท่านั้น
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณกำลังคิดอยู่ว่าผมเป็นใครสินะ..ไหนลองพูดดูซิว่าคุณจะแก้ปัญหานี้ยังไง?”
“ฉันจะไม่ยุ่งกับแม่และลูกสาวทั้งสองคนนั้นอีกในอนาคต..ส่วนเฉิน..ฉัน..ฉันจะ” หวังฉิงเซิงพูด ถึงแม้ว่าเขาไม่อยากจะปล่อยตัวเฉินฉิงหนิวออกจากคุกก็ตามแต่ในเวลานี้เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากต้องพูดแบบนี้
เมื่อได้ยินแบบนั้นเย่เชียนก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจเพราะไม่ว่าหวังฉิงเซิงจะหยิ่งยโสขนาดไหนแต่ในตอนนี้เขาก็เป็นคนที่เลือกทางออกได้ฉลาดมากที่รู้จักถอยและรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร นี่ถือได้ว่าเป็นพรสวรรค์ในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ อย่างมาก แน่นอนว่าเย่เชียนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะคนเหล่านี้ไม่สำคัญพอที่จะทำให้เย่เชียนต้องเสียเวลาแต่อย่างใด “ดีมาก..ถึงคุณจะเลวไปหน่อยก็เถอะแต่คุณก็มีหลักการเป็นของตัวเอง..ส่วนเรื่องของคุณกับเฉินฉิงหนิวนั้นผมไม่สนใจหรอก..ผมเพียงแค่จะบอกว่าหลี่ซือเป็นผู้หญิงของผมและไม่ว่าเธอหรือจะเป็นครอบครัวของเธอก็ตามคุณห้ามยุ่งกับพวกเขาอีก..เมื่อเฉินฉิงหนิวออกมาจากคุกแล้วพวกคุณก็ไปคุยกันและตกลงกันให้ดีว่าจะทำยังไงในอนาคต” เย่เชียนพูด



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน