บทที่ 19 ถ้ารักนั้นคือความทุกข์
ผักกาดมองคนตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อเรื่องแฟนของเธอหญิงสาวไม่เคยบอกใคร ทำไมจู่ ๆ เพื่อนสนิทของเธอถึงรู้ได้ รันยังคงหอบพยายามหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมแรง เธอมองเพื่อนที่มีสีหน้าตกใจ ยิ่งเห็นอย่างนี้ในใจของรันยิ่งรู้สึกผิดหวัง เธอไม่ได้คาดคิดว่าผักกาดจะพาตัวเองมาอยู่ในสถานะแบบนี้
“เอาเป็นว่าฉันรู้ เธอแค่ตอบมาว่ามันเรื่องจริงหรือเปล่า” ผักกาดนิ่งอึ้งไปพักใหญ่เธอพยายามคิดหาคำพูดที่ดีมาอธิบายเผื่อจะเอาตัวรอดจากการเค้นความจริงนี้ได้แต่ยิ่งสบตารันมากเท่าไหร่ผักกาดกลับรู้สึกผิดอย่างน้อยถ้าต้องโกหกใครสักคนก็ไม่ควรเป็นเพื่อนตรงหน้าเธอคนนี้
“ใช่..”
“ทำไม..” รันถามกลับ น้ำเสียงเธอเบาราวกับไร้แรงพูด
“เพราะฉันรักเขา” ผักกาดตอบเพื่อนด้วยความจริงจัง เธอจ้องตาเพื่อนกลับหวังให้รันเข้าใจสิ่งที่เธอเลือก
“ไม่..ฉันไม่เข้าใจ” รันส่ายหน้าไปมา
“.........”
“ผักกาดฉันรู้ว่าเธอรู้ดีแก่ใจ อาจารย์พิสุทธิ์มะ”
“มีเมียแล้ว” ผักกาดพูดแทรกขึ้นก่อนจะพูดต่อ
“แล้วยังไง เขาสัญญาแล้วเขาขอเวลาฉันสองปี เขาจะเลิกกับเมียหลังจากฉันเรียนจบเราจะแต่งงานกัน” ผักกาดอธิบายเพื่อน รันอยากเขย่าตัวเพื่อนให้ตื่นจากความเพ้อฝัน สองปีอะไร !หญิงสาวรู้ดีอยู่แก่ใจในชาติก่อนหน้าเวลาผ่านไปตั้งกี่ปีผักกาดยังต้องคบแฟนแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ผู้ชายที่กระหายในอำนาจขนาดนั้นน่ะเหรอจะยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อความรัก ไม่มีทาง!
“เธอเชื่อเขาเหรอ” รันถามเพื่อนกลับ
“ฉัน...เชื่อเขา” ผักกาดตอบเธอด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ แหงสิ ! รันคิด..ผู้ชายที่ยัดเยียดสถานะเมียเก็บให้จะเอาอะไรมาสร้างความมั่นใจได้เต็มร้อย
“ผักกาด...เธอต้องฟังฉัน..เธออาจจะมองว่าฉันยุ่งเรื่องของเธอแต่เรื่องนี้ฉันอยากให้เธอเก็บกลับไปคิด เขาไม่ใช่คนดีเขาไม่ใช่คนที่รักเธอมากพอจะทิ้งเมียที่มอบอำนาจเงินทองให้เขาทุกอย่างได้ ” ผักกาดมองหญิงสาวคิ้วของเธอขมวด เธอเข้าใจว่าเพื่อนรักเธอ เป็นห่วงเธอแต่เพื่อนของเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาปรักปรำอาจารย์แบบนี้ ความไม่พอใจผลักให้ผักกาดพูดบางอย่างออกไปโดยไม่ยั้งคิด
“รัน เธอนั่นแหละต้องตั้งสติ เธอจะเอาอะไรมาห่วงฉัน ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยเราก็แทบไม่ติดต่อกันเลยด้วยซ้ำ จริงอยู่ว่าเราสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เธอกับฉันโตมาด้วยกันแล้วยังไง? ระยะเวลาที่ผ่านมาเธอรู้หรือเปล่าว่าฉันต้องเผชิญกับอะไร ฉันต้องเจอกับอะไร ฉันทุกข์ใจกับสิ่งรอบตัวมากแค่ไหน เขาคือคนที่ดึงฉันออกมาจากหลุมนรกพวกนั้นแล้วเธอถือดีอะไรมาบอกให้ฉันมองเขาเป็นคนไม่ดี!”
รันที่ได้ยินอย่างนั้นก็นิ่งอึ้งไปทันที .. นั่นสิ เธอมีสิทธิ์อะไร คำถามนี้ย้อนให้เธอทบทวนการกระทำของตัวเอง รันละอายใจเล็กน้อยที่ก่อนหน้านี้มัวแต่สนใจกับเรื่องเรียนกับสังคมใหม่จนเผลอละเลยเพื่อนที่เติบโตด้วยกันมา เธอมองเพื่อนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจ
“อย่างน้อยก็เก็บคำพูดฉันไปทบทวน เขาไม่ได้มีเธอแค่คนเดียว ฉันเชื่อว่าลึก ๆ เธอก็รู้ว่านิสัยของเขาเห็นอะไรสำคัญกว่ากันระหว่างความรัก ครอบครัวและอำนาจ” รันพูดจบก็หันหลังให้ผักกาดทันที เธอเดินไปเปิดประตูก่อนจะปิดด้วยเสียงเบา ๆ ไร้ซึ่งแรงประชดประชัน
รันน้ำตาคลอเล็กน้อยตลอดทางที่เดินกลับไปที่รถ ในหัวของเธอมีคำพูดของผักกาดดังวนซ้ำไปมา เธอถือดีอะไร เธอถือดีอะไร เธอถือดีอะไร เหมือนเธอยื่นมือเข้าไปยุ่งในเรื่องที่ไม่สมควรยุ่ง รันพาร่างที่ไร้เรี่ยวแรงเดินมาจนถึงรถเก๋งสีดำคันเดิม เธอเปิดประตูยัดร่างเข้าไปนั่ง
คีร์หันมามองหญิงสาวอีกครั้งเขาพอจะรู้ว่าท่าทางของเธอแบบนี้คงหมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่คงไม่เป็นไปตามที่รันคิด ช่วงเวลานี้เขาอยากปล่อยให้รันตกผลึกความคิดกับตัวเอง ถ้าเธออยากปรึกษาอะไรเขาเธอน่าจะถามเขาเอง คีร์คิดได้อย่างนั้นจึงออกรถตรงไปยังหอพักของหญิงสาวทันที
เมื่อรถจอดหน้าหอพักรันก็เริ่มรู้ตัว เธอค่อย ๆ ปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะหันไปกล่าวขอบคุณชายหนุ่มที่เสียเวลาไปรับไปส่ง
“ขอบคุณนะที่มาส่งฉัน ขับรถกลับห้องดีดีล่ะ” รันพูดขึ้นทว่าก่อนที่เธอจะลงจากรถ ชายหนุ่มกับรั้งข้อมือเธอไว้ รันหันกลับไปมองด้วยความงุนงง คีร์ที่อยู่ตรงหน้าเธอกำลังอ้าแขนราวกับเชื้อเชิญให้เธอกอดเขา
“มา ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อยฉันให้เธอยืมชาร์จแบต” หญิงสาวอมยิ้มกับความน่ารักของเขา เธอโผร่างเข้าสู่อ้อมกอดแกร่งซุกหน้ากับบ่าของเขาในขณะที่เขาก็กอดเธอ โยกตัวเธอไปมา
“แค่อยากให้เธอรู้ว่า เธอยังมีฉันนะ เราสองคนลงเรือลำเดียวกันแล้วฉันไม่ปล่อยให้เธอต้องเจอเรื่องพวกนี้ลำพังแน่ ๆ มันจะผ่านไปด้วยดี” เขาพูดข้างหูของเธอก่อนจะเอียงหัวจูบผมของเธอ ความรู้สึกราวกับไฟช็อตแล่นแปลบเข้ามาทันที ใบหน้าของรันร้อนผ่าวกับกิริยาของชายหนุ่ม ทว่าหญิงสาวก็ไม่อยากขัดอะไร
“อื้อ” เธอผละออกจากอ้อมกอดก่อนจะส่งยิ้มขอบคุณให้เขา หญิงสาวกล่าวลาอย่างจริงจังก่อนจะเดินลงจากรถคีร์มองภาพเธอเดินเข้าหอพักจนเมื่อมั่นใจว่าร่างของคนรักเดินเข้าไปในอาคารแล้วเขาจึงค่อยขับรถกลับคอนโด
ทางฝั่งของผักกาดเมื่อรันปิดประตูจากไป เธอก็เหมือนถูกดึงเข้าไปในโลกของความว่างเปล่า หญิงสาวเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้องเหลือบมองทุกอย่างภายในห้องนี้นี่คือสิ่งที่เหนือฝันเธอแทบไม่คิดว่าชีวิตนี้เธอจะมีโอกาสได้อาศัยอยู่ในคอนโดหรูด้วยเพราะฐานะทางบ้านหญิงสาวอยู่ในฐานะปานกลางมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
แต่คำว่าฐานะปานกลางอาจใช้ขยายความฐานะทางบ้านของเธอได้ในอดีตเพราะในปัจจุบัน .. เสียงเรียกเข้าจากมือถือดังขึ้นหญิงสาวหยิบมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดมาดู ก่อนจะพบว่าเป็นเบอร์โทรจากแม่ของเธอ ใจของเธออยากตัดสายนี้ทิ้งทว่าด้วยคำว่าลูกที่ค้ำคอทำให้หญิงสาวไม่กล้าตัดสายแม่ของตัวเอง
“ฮัลโหลแม่” เธอกรอกเสียงลงไปในสาย
“ผักกาด สรุปลูกจะโอนเงินให้เมื่อไหร่” น้ำเสียงของแม่เธอฉุนเล็กน้อยที่ลูกสาวโอนเงินช้ากว่าตามที่ตกลงกันไว้
“หนูบอกแม่แล้วไง นอกจากเงินที่โอนให้คราวนั้นหนูก็ไม่มีแล้ว” เธอตอบกลับไป
“ไม่มีอะไร ฉันรู้นะพอมีผัวอยู่สุขสบายก็ทำทีลืมพ่อแม่บังเกิดเกล้าเชียวนะ” แม่ของเธอเริ่มโมโห
“แม่! แม่พูดอะไร เขาให้หนูมาเท่าไหร่หนูก็โอนให้แม่ตลอด ยอดล่าสุดที่เขาโอนให้ หนูโอนให้แม่ใช้ไปแล้วเพราะงั้นหนูคงไม่มีให้แม่หรอก” น้ำเสียงของเธอเริ่มรั้น หญิงสาวปวดหนึบในใจที่บุพการีของเธอโทรมาทวงตังค์กับเธอแทบทุกครั้งแต่กลับไม่เคยคิดโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนเวลาใหม่ครั้งนี้ขอยอมง้อเธอด้วยรัก